เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1253

ตอนที่ 1253

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1253 รนหาที่ตายในกำแพงภูมิภาค

แปลโดย iPAT

ทะเลตะวันออก

มังกรดาบบรรพกาลยังส่งลมหายใจมังกรออกมา

สิ่งนี้ทำให้ค่ายกลวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่ใช่คนโง่ ค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณของพวกเขาสูงกว่าข้า แต่พวกเขากลับไม่ถอยและปล่อยให้ข้าโจมตีต่อไป พวกเขามีแผนใด?’

ฟางหยวนโจมตีอย่างดุเดือด แม้เขาจะไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณ แต่เขายังไม่หยุดวิเคราะห์

‘พวกเขารู้ว่าข้ามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด พวกเขาไม่กลัวข้าใช้มันทะลวงเข้าไปงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่เป็นค่ายกลวิญญาณที่ใช้จัดการอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของข้าโดยเฉพาะ?’

‘หรืออาจเป็นเพราะผมที่หกรู้แล้วว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของข้ากลายเป็นไข่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัว?’

‘เดี๋ยว!’

ฟางหยวนหยุดโจมตีและดำลงไปใต้ทะเล

เขารอการตอบสนองของอิงอู๋เซี่ย ในเวลาเดียวกันเขาก็กระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค

‘พวกเขาอยู่ในค่ายกลวิญญาณ’ ฟางหยวนผ่อนคลายลง ‘ดูเหมือนข้าจะคิดมากเกินไป’

ฟางหยวนยังโจมตีค่ายกลวิญญาณต่อไป แต่เขาค่อยๆค้นพบว่าค่ายกลวิญญาณนี้ทำได้เพียงป้องกันขณะที่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่พยายามที่จะตอบโต้

ฟางหยวนไตร่ตรองอีกครั้งและตัดสินใจรักษาสถานการณ์นี้เอาไว้ เนื่องจากการโจมตีของเขาใช้พลังงานอมตะน้อยกว่า

การเผชิญหน้าอย่างเงียบๆดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง

‘ดูเหมือนอิงอู๋เซี่ยจะมีเป้าหมายอื่น แต่ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น ข้าไม่สามารถเก็บซ่อนไพ่ตายได้อีกต่อไป ข้าต้องใช้มันเดี๋ยวนี้!’

ฟางหยวนตัดสินใจใช้ไพ่ตายในที่สุด

หากเป็นก่อนหน้า ลมหายใจมังกรคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป

อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

วิสัยทัศน์ของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป ด้านหน้าเขาคือกำแพงภูมิภาค

มันเป็นกำแพงพลังงานสีน้ำเงินที่กว้างใหญ่

เมื่อพวกเขาเข้าไป พวกเขาจะไม่สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศและสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเองเท่านั้น

แต่ในจังหวะที่พวกเขากำลังมองกำแพงภูมิภาค การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลับเปลี่ยนแปลงไป ไป่หนิงปิงหันหน้าหลับไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว

“ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายแล้ว” ไป่หนิงปิงกล่าวด้วยเสียงทุ่มต่ำ

“รวดเร็วนัก!” ไห่ลั่วหลันตกใจ

นางนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ การโจมตีของฟางหยวนทำให้นางตระหนักถึงพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของเขา

“เขาใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหรือไม่?” ไห่ลั่วหลันคิดถึงความเป็นไปได้

“ไม่” ไป่หนิงปิงส่ายศีรษะ

เมื่อฟางหยวนทำลายค่ายกลวิญญาณ วิญญาณทั้งหมดจะระเบิดตัวเอง แน่นอนว่าไป่หนิงปิงจะไม่ทิ้งทรัพยากรใดๆไว้ให้ศัตรู

แต่ถึงกระนั้นฉากที่ฟางหยวนโจมตีค่ายกลวิญญาณก็ยังถูกบันทึกไว้

ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ

ไป่หนิงปิง อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆจะไม่ปล่อยโอกาสที่ดีในการรวบรวมข้อมูลนี้ไป

“ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายใหม่ทั้งหมด มันน่าจะเป็นผลงานใหม่ของเขา”

“ท่าไม้ตายนี้ทรงพลังมาก” การแสดงออกของไป่หนิงปิงกลายเป็นมืดครึ้ม “หากเราไม่มีวิธีตรวจสอบที่ดี แม้เราจะร่วมมือกันแต่เราก็ยังไม่สามารถอดทนได้แม้แต่สองหรือสามลมหายใจ”

“กระไรนะ!?” ไห่ลั่วหลันสูดหายใจลึก กระทั่งซื่อหนิวก็ยังเปิดเผยความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน

สถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยยังไม่ถือว่าดี แม้แผนการของเขาจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่ามันจะยื้อเวลาได้เพียงสั้นๆ

หลังจากทั้งหมดพวกเขาต้องใช้เวลาอีกมากในการเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาค

สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างทารกอมตะสามารถเดินทางในกำแพงภูมิภาคได้อย่างอิสระ อิงอู๋เซี่ยเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

‘ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายแล้ว ฟางหยวนจะค้นพบว่าพวกเราไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาจะใช้ท่าไม้ตายตรวจสอบโชคอีกครั้งเพื่อค้นหาพวกเรา หากเราเข้าไปในกำแพงภูมิภาค แม้ข้าจะพิจารณาถึงสถานการณ์ที่ดีที่สุด ฟางหยวนก็ยังสามารถติดตามพวกเราได้ทัน จากนั้นพวกเราต้องต่อสู้กับเขาในกำแพงภูมิภาค แล้วข้าควรเข้าไปในกำแพงภูมิภาคหรือไม่?’

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

เขารู้ว่าหากพวกเขาไม่สามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม พวกเขาอาจตายได้ทุกเมื่อ

พวกเขาจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้หรือไม่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแผนการของพวกเขา

อิงอู๋เซึ่ยไม่สนใจความปลอดภัยของผู้อมตะคนอื่นๆ เขาไม่กลัวแม้แต่ความตาย แต่หากเขาตาย แล้วผู้ใดจะช่วยร่างหลักของเขา นิกายเงากลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว เขาเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่

‘ความแข็งแกร่งของฟางหยวนพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร?’

‘เขาไม่สามารถใช้วิญญาณสติปัญญา แล้วเขาอนุมานสิ่งต่างได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้รับวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลังบางอย่าง?’

ท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่สิ่งที่สามารถคิดค้นขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน ไพ่ตายของฟางหยวนเป็นเรื่องกะทันหันเกินไป นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยรู้สึกหนักใจมาก

‘ข้าใช้วิธีสร้างความสับสนให้แก่ศัตรูไปแล้ว หากเราเข้าไปในกำแพงภูมิภาค เราต้องต่อสู้กับฟางหยวนอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นฝ่ายเราจะเสียเปรียบมาก!’ อิงอู๋เซี่ยตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน

กำแพงภูมิภาคเป็นสนามรบที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับฟางหยวน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เพราะยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งได้รับแรงกดดันจากกำแพงภูมิภาคมากเท่านั้น

โดยปกติผู้อมตะระดับแปดจะเดินทางผ่านสวรรค์สีดำหรือสวรรค์สีขาว พวกเขาไม่โง่พอที่จะเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาค

หากอิงอู๋เซี่ยเข้าไปในกำแพงภูมิภาค ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะเสียเปรียบมากโดยเฉพาะเมื่อฟางหยวนแสดงไพ่ตายของเขาออกมาแล้ว แม้ฟางหยวนจะไม่ใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่ไพ่ตายใบนี้ของฟางหยวนก็ทำให้อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าไม่สามารถต่อสู้กับเขา

‘ไม่ ยังมีไป่หนิงปิงอยู่!’ อิงอู๋เซี่ยลอบมองไป่หนิงปิง

เขารู้สึกว่าการเป็นพันธมิตรกับไป่หนิงปิงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด เขาอาจต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของคนผู้นี้

โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ อิงอู๋เซี่ยไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องพึ่งพาไป่หนิงปิงที่เคยถูกจัดเป็นตัวหมากเบี้ยของเขามาก่อน

‘แต่ไป่หนิงปิงมีพลังมากเพียงใด? นางพึ่งกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียงเมื่อไม่นานมานี้’ อิงอู๋เซี่ยยังลังเล

เขาคิดต่อ ‘แต่หากไม่เข้าไปในกำแพงภูมิภาคตอนนี้ เราต้องเดินทางไปรอบๆทะเลตะวันออกเท่านั้น ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ซ้ำได้ตลอดไป มันมีค่าใช้จ่ายสูงมากและพวกเราจะพบกับฟางหยวนไม่ช้าก็เร็ว’

‘สิ่งสำคัญที่สุดคือกลุ่มของเราไม่ใช่ผู้อมตะของทะเลตะวันออก พวกเขามาจากภูมิภาคอื่น!’

ร่างผีดิบอมตะของอิงอู๋เซี่ยมาจากทะเลทรายตะวันตก ไป่หนิงปิงเป็นผู้อมตะของภาคใต้ ไท่เป่ยหยุนเฉิงและไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะภาคเหนือ ขณะที่ซื่อหนิวเป็นผู้อมตะภาคกลาง ไม่มีผู้ใดเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกแม้แต่คนเดียว

ผู้อมตะต่างภูมิภาคจะถูกต่อต้านจากผู้อมตะเจ้าถิ่น แม้ทะเลตะวันออกจะต้อนรับคนต่างถิ่นมากที่สุด แต่ต้องไม่ลืมว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก

ร่างทารกอมตะ!

มันสามารถเปลี่ยนกลิ่นอายและทำให้เขากลายเป็นผู้อมตะของภูมิภาคนั้นๆได้อย่างสมบูรณ์

หากพวกเขาพบผู้อมตะของทะเลตะวันออก มันจะกลายเป็นการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ

‘ในทะเลตะวันออกนอกจากฟางหยวน เราอาจต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะคนอื่นๆของทะเลตะวันออกอีกด้วย’ อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น

หลังจากพบกับความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง อิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นมาก เขาแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง

‘ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!’

‘เราต้องไปภาคเหนือ! แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเป็นความหวังเดียวของพวกเรา ที่นั่นพวกเราจะสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปดเพื่อกำจัดเขา!’

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดอิงอู๋เซี่ยก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่และบินเข้าไปในกำแพงภูมิภาคทันที

หลายชั่วโมงต่อมา มังการดาบบรรพกาลบินมาจากระยะไกล

‘พวกเขาพยายามเข้าสู่ภาคเหนืองั้นหรือ?’ มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้ก็คือฟางหยวน

ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดเดาของอิงอู๋เซี่ย หลังจากทำลายค่ายกลวิญญาณและไม่พบร่องรอยของอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นแผนการหลบหนี โชคดีที่เขาไม่ลังเลที่จะเปิดเผยไพ่ตายเพื่อทำลายค่ายกลวิญญาณ มิฉะนั้นเขาจะถูกขังอยู่ในที่มืดไปอีกนาน

‘แม้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคจะสามารถตรวจจับเป้าหมายแต่มันก็อาจทำให้ข้าเข้าใจผิด’

‘หากเป็นเช่นนั้นตำแหน่งที่ข้าสัมผัสได้ มันจะใช่ตำแหน่งจริงหรือไม่?’

หากเกิดข้อผิดพลาด ฟางหยวนจะไม่สามารถทำสิ่งใดเพราะนี่เป็นเพียงเบาะแสเดียวของเขา

แต่หากมันถูกต้อง…

ฮ่าฮ่า

‘ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งหมดในกำแพงภูมิภาค! พวกเจ้ากล้าเข้าไปในกำแพงภูมิภาคต่อหน้าข้า นี่เป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท