เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1247

ตอนที่ 1247

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1247 ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี

แปลโดย iPAT

“นี่…พวกเราอยู่ที่ใด?” จ้าวเหลียนหยุนมองออกไปด้านนอกและรู้สึกตกใจ

แต่คราวนี้กระทั่งผู้รอบรู้เช่นอวี๋อี้เย่ซือก็ยังไม่สามารถให้คำตอบแก่นาง

ปู้เจิ้งซือกล่าวด้วยความไม่แน่ใจ “นี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าอุโมงค์มิติ!”

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามของภาคกลาง ค่ายนักรบ ศาลานกขมิ้น และหอคอยวายุกำลังเคลื่อนที่อยู่ในอุโมงค์ขนาดใหญ่

มันเป็นอุโมงค์สีน้ำเงินเข้มที่มีเส้นสายสีรุ้งเคลื่อนที่อยู่รอบๆ

“อุโมงค์มิติงั้นหรือ?” อวี๋อี้เย่ซือถาม

ปู้เจิ้งซือมองจ้าวเหลียนหยุนด้วยสายตาซับซ้อน “เจ้าน่าจะคุ้นเคยกับมัน?”

“ข้า?” จ้าวเหลียนหยุนสับสน นางไม่รู้ว่าเหตุใดปู้เจิ้งซือถึงกล่าวเช่นนี้

ปู้เจิ้งซือถอนหายใจกล่าว “เพราะอุโมงค์มิติเป็นท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!”

…..

ภาคใต้ ภายในค่ายกลวิญญาณ

อาณาจักรแห่งความฝัน

“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์” ฟางหยวนคุกเข่าลงบนพื้นและแสดงความเคารพต่อผู้อมตะหญิงที่อยู่ตรงหน้า

ผู้อมตะหญิงพึมพำ “ข้าคือจิงเมี่ยวซือ ข้าบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งวารี แม้เจ้าจะเป็นบุตรหลานของข้า แต่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีเช่นเดียวกับข้าหรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเท่านั้น”

“ท่านอาจารย์โปรดชี้แนะ” ฟางหยวนกล่าวด้วยความเคารพ

ผู้อมตะหญิงสะบัดแขนเสื้อขณะที่สภาพแวดล้อมของอาณาจักรแห่งความฝันเปลี่ยนไป ตอนนี้ฟางหยวนยืนอยู่หน้าสระหยกแห่งหนึ่ง

สระหยกสงบนิ่งมาก มันดูราวกับหยกชิ้นใหญ่

“แม่น้ำก็คือน้ำ ทะเลก็คือน้ำ สระหยกที่สงบนิ่งก็คือน้ำเช่นกัน เส้นทางแห่งวารีทั้งลึกและกว้างใหญ่ ก้าวเข้าไปในสระหยก หากเจ้าสามารถยืนอยู่บนผิวน้ำได้โดยไม่พึ่งพาวิญญาณ ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นศิษย์”

ฟางหยวนเบิกตากว้าง เขากล่าว “ท่านอาจารย์ หากข้าไม่ใช้วิญญาณ ข้าก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาจะยืนบนผิวน้ำได้อย่างไร?”

“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า” ผู้อมตะหญิงสะบัดแขนเสื้อและหายตัวไปต่อหน้าฟางหยวน

ฟางหยวนขมวดคิ้วและเดินไปรอบๆสระหยก หลังจากเดินวนหลายรอบ เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปในสระ

“ป๋อม…”

ด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาตกลงไปในน้ำ

เขารีบปีนขึ้นมาด้วยร่างกายที่เปียกชุ่ม

ฟางหยวนกัดฟันด้วยความลังเลก่อนที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

แต่ครั้งนี้กลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้น

ฟางหยวนถอนหายใจ ‘ช่างไร้ประโยชน์นัก เห้อ…ข้าพบปัญหาแล้ว’

ไม่นานมานี้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของเขายกระดับขึ้น เขาสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคขึ้นสู่ระดับใหม่ ดังนั้นเขาจึงสามารถค้นหาตำแหน่งของอิงอู๋เซี่ย

ฟางหยวนเริ่มเตรียมตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองโดยการหยิบยืมวิญญาณอมตะจากตระกูลวู

อย่างไรก็ตามเขาพบปัญหาเมื่อเขาต้องการจากไป

หากฟางหยวนจากไป ตระกูลวูจะไม่มีผู้อมตะระดับเจ็ดคอยดูแลค่ายกลวิญญาณนี้ เนื่องจากตระกูลวูเป็นผู้นำในธุรกิจซื้อขายโอกาส โดยปราศจากคนดูแล ตระกูลอื่นจะฉวยโอกาสโจมตี

วูหยงยินดีให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะ แต่เขาไม่เห็นด้วยที่ฟางหยวนจะออกเดินทาง

ตระกูลวูมีผู้อมตะจำนวนมาก แต่พวกเขาก็มีแหล่งทรัพยากรมากมายที่ต้องปกป้องเช่นกัน งานบางอย่างไม่สามารถโอนถ่ายได้อย่างง่ายดายเช่นหน้าที่ของฟางหยวนในการปกป้องค่ายกลวิญญาณ เรื่องนี้มีไม่กี่คนในตระกูลวูที่สามารถทำได้ แม้พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ความสามารถทางการเมืองของพวกเขายังน่าเป็นห่วง

เมื่อฟางหยวนขอออกเดินทาง มันทำให้วูหยงรู้สึกปวดหัว

แต่ฟางหยวนยังยืนกรานกับเรื่องนี้ ดังนั้นวูหยงจึงต้องใช้เวลาไตร่ตรองขณะที่ฟางหยวนทำได้เพียงรอคอยเท่านั้น

แต่ระหว่างการรอคอย ฟางหยวนได้เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

อาณาจักรแห่งความฝันจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา อาณาจักรแห่งความฝันมีทั้งความฝันที่เกิดจากประสบการณ์จริงและความฝันที่แปลกประหลาดเหนือจินตนาการ

ปกติแล้วฟางหยวนจะเลือกอาณาจักรแห่งความฝันที่เกิดจากประสบการณ์จริงของผู้อมตะ สำหรับอาณาจักรแห่งความฝันที่แปลกประหลาดและเหนือจินตนาการ มันเป็นเรื่องยากที่จะคลี่คลาย

‘ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ จิงเมี่ยวซือเป็นศิษย์ของซุ้ยหนี่ เจ้าของอาณาจักรแห่งความฝันนี้เป็นศิษย์ของจิงเมี่ยวซือ ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ จ้าวสมุทรเดียวดาย!’

‘ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ของภาคกลาง เคยมีสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวหนึ่งทำให้น้ำตกสวรรค์เปลี่ยนทิศทาง นั่นทำให้เกิดคลื่นยักษ์และทำให้น้ำท่วมภาคตะวันออกของภาคกลาง ครั้งนั้นจ้าวสมุทรเดียวดายของวังสวรรค์ใช้ท่าไม้ตายอมตะหลายครั้งเพื่อเปลี่ยนทิศทางของน้ำตกสวรรค์ให้กลับไปยังทิศทางที่ถูกต้อง เขามีวิธีการที่น่าเหลือเชื่อมาก’

‘ไม่แปลกใจเลยที่ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันของข้าไม่ได้ผล’

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

แต่กระทั่งเขาจะใช้หลายครั้ง อาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ก็ไม่หวั่นไหว

ฟางหยวนคิดว่ามันเป็นเพราะอาณาจักรแห่งความฝันนี้มีพลังมากเกินไป วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาเป็นวิญญาณอมตะระดับหกเท่านั้น มันไม่สามารถคลี่คลายความฝันนี้!

ฟางหยวนเคยสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาวมาก่อนและประสบความสำเร็จในการใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันที่นั่น

แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถคลี่คลายความฝันของจ้าวสมุทรเดียวดาย

หากเปรียบเทียบ จ้าวสมุทรเดียวดายเป็นเพียงผู้อมตะระดับแปด ขณะที่เทพอมตะกลุ่มดาวเป็นผู้อมตะระดับเก้า

นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของอาณาจักรแห่งความฝันไม่มีความสัมพันธ์กับระดับการบ่มเพาะของเจ้าของความฝัน

สำหรับเหตุผลที่แท้จริง ฟางหยวนไม่รู้

อย่าลืมว่าห้าร้อยปีในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาไม่ได้สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันมากนัก เป้าหมายหลักของเขาในช่วงเวลานั้นคือการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด

ฟางหยวนไม่ได้ศึกษาเส้นทางแห่งความฝันอย่างลึกซึ้ง แต่เขายังรู้บางสิ่ง ยิ่งอาณาจักรแห่งความฝันแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็จะได้รับประโยชน์มากเท่านั้นหลังจากประสบความสำเร็จในการคลี่คลายความฝัน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรู้สึกสนใจอาณาจักรแห่งความฝันนี้มากขึ้น

‘ตระกูลวูยังไม่ได้มอบหน้าที่ใหม่ให้ข้า ข้าต้องการยืมวิญญาณอมตะของตระกูลวู แต่วูหยงจะไม่ให้ข้ายืมจนกว่าข้าจะได้รับภารกิจใหม่’

‘ดังนั้นในช่วงเวลานี้ข้าควรใช้เวลาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน’

วันถัดมา ฟางหยวนยังพยายามยืนบนผิวน้ำ

โดยปราจากความช่วยเหลือจากวิญญาณ ผู้ใช้วิญญาณก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา แน่นอนว่ามันแตกต่างจากกรณีของวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์หรือวิญญาณความแข็งแกร่งของหมูป่าที่จะสลักร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไว้บนร่างกายของผู้ใช้วิญญาณ

‘มีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีเช่นวิญญาณเดินบนผิวน้ำ พวกมันจะสลักร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีไว้บนร่างกายของผู้ใช้วิญญาณและอนุญาตให้พวกเขาสามารถเดินบนผิวน้ำ แต่สิ่งนี้ไม่สามารถใช้ได้ในกรณีนี้’

อาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ไม่อนุญาตให้ฟางหยวนใช้วิญญาณ

‘เป็นเช่นที่จิงเมี่ยวซือกล่าว นางกำลังทดสอบความสามารถของข้า นี่คืออาณาจักรแห่งความฝันที่เกิดจากประสบการณ์จริงของผู้อมตะ จ้าวสมุทรเดียวดายผ่านมันไปได้ ดังนั้นข้าก็ต้องทำได้เช่นกัน เพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของข้าอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์’

ฟางหยวนพยายามต่อไปแต่ยังตกลงไปในสระน้ำ

ทุกครั้งที่เขาตกลงไปในสระหยก จิตวิญญาณของเขาจะได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น

หลังจากตกลงไปหลายครั้ง จิตวิญญาณของเขาอ่อนแอลงอย่างมาก

พิจารณาจากรากฐานของฟางหยวน เขาสามารถตกลงไปในสระน้ำได้สิบเจ็ดหรือสิบแปดครั้งก่อนจะถึงขีดจำกัด

ฟางหยวนต้องออกมาและใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาตนเองเป็นครั้งคราว

เขายังพยายามต่อไปแต่ยังตกลงไปในสระน้ำ

แต่ครั้งนี้เมื่อเขาปีนขึ้นมาจากสระหยก เขาเห็นจิงเมี่ยวซือยืนอยู่ข้างสระและมองมาที่เขา

จิงเมี่ยวซือกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “เพียงการทดสอบง่ายๆก็ทำไม่ได้ เจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของข้า!”

ฟางหยวนยิ้ม “ไม่ ท่านอาจารย์ ข้าทำมันไปแล้ว ดังที่ท่านกล่าว ข้าต้องยืนอยู่บนผิวน้ำโดยไม่จมลงไป ข้าทำมันไปแล้ว!”

จิงเมี่ยวซือยิ้มก่อนจะชี้นิ้วไปที่ร่างกายของฟางหยวน “แล้วนี่คือสิ่งใด?”

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “นี่ไม่ใช่สิ่งใดเพราะสระน้ำในใจของข้ายังสงบนิ่งและไม่เคลื่อนไหว ข้ายืนอยู่บนผิวน้ำ เมื่อมองลงไป ข้ายังเห็นภาพสะท้อนของตนเองที่ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำได้อย่างชัดเจน”

ความโกรธของจิงเมี่ยวซือค่อยๆจางหายไป

นางมองฟางหยวนอย่างลึกซึ้งและพยักหน้า “ไม่เลว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นศิษย์ของข้า”

ในเวลาต่อมาฟางหยวนกลับสู่โลกของความเป็นจริง

“อันใด!? อาณาจักรแห่งความฝันนี้มีเพียงฉากเดียวงั้นหรือ!?” ฟางหยวนตะลึง

แต่ในไม่ช้าความตกใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความสุข

“วิเศษมาก ในที่สุดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของข้าก็บรรลุระดับปรมาจารย์แล้ว!”

ก่อนหน้านี้แม้ฟางหยวนจะเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี แต่หากเปรียบเทียบ มันยังห่างไกลจากปรมาจารย์ที่แท้จริงอยู่มากนัก

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับบรรลุระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารีได้ในครั้งเดียว

นอกจากเส้นทางแห่งวารี ฟางหยวนยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งเลือด เส้นทางแห่งปัญญา และเส้นทางแห่งดวงดาว

ปรมาจารย์บนเส้นทางหกสาย!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท