เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1251

ตอนที่ 1251

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1251 การต่อสู้ของสนมผมฟ้า

แปลโดย iPAT

“เพียงวิญญาณอมตะไม่กี่ดวง แล้วอย่างไร?” อิงอู๋เซี่ยกล่าว “ตราบเท่าที่แผนการของเราประสบความสำเร็จ การสูญเสียทั้งหมดของเจ้าจะได้รับการชดเชย การปล่อยวางเป็นเครื่องหมายของคนฉลาด ยิ่งไปกว่านั้นเราไม่ได้ละทิ้งพวกมันอย่างไร้เหตุผลแต่เราทิ้งพวกมันไว้เบื้องหลังเพื่อสร้างความสับสนให้กับศัตรูและสร้างโอกาสอันล้ำค่าให้กับตนเอง”

ไป่หนิงปิงบ่น “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าพยายามลดความแข็งแกร่งของข้า?”

“เจ้ากำลังคิดมากเกินไป แต่เจ้ายังสามารถเลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อยื้อเวลาให้พวกเราหลบหนี” อิงอู๋เซี่ยมองไป่หนิงปิง

ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายเย็นเยียบก่อนที่นางจะพยักหน้าในที่สุด “ข้าจะไปกับพวกเจ้า”

ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการต่อสู้ แต่เผชิญหน้ากับฟางหยวนที่มีพลังการต่อสู้ระดับนี้ นางไม่มีความมั่นใจในชัยชนะ

…..

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่เก้า

กลุ่มผู้อมตะภาคเหนือทั้งห้าถูกปิดล้อมด้วยเส้นผมสีฟ้าของสนมผมฟ้า

“นี่เป็นท่าไม้ตายชนิดใดกัน?”

“พลังงานอมตะของข้าถูกดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว”

“อา…” อวี๋อี้เย่ซือกรีดร้องเมื่อเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นบนร่างกายของเขา

แต่ไฟชนิดนี้กลับไม่ได้เผาทำลายเส้นผมสีฟ้า นอกจากนั้นเส้นผมสีฟ้ายังปล่อยไอน้ำจำนวนมากออกมาทำให้ร่างกายของอวี๋อี้เย่ซือกลายเป็นเปียกชุ่ม

“ไฟของข้าคือไปจากเตาดิน กระทั่งทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดยังหลอมละลายในเวลาไม่กี่นาที แต่มันไม่สามารถเผาทำลายเส้นผมของข้า” เสียงของสนมผมฟ้าดังขึ้น

อวี๋อี้เย่ซือตกใจมาก

“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ยิ่งดิ้นรน เส้นผมของข้าก็ยิ่งรัดแน่น ตั้งแต่นายท่านเซี่ยหูหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ข้าก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้อย่างไม่หยุดยั้ง พวกเจ้าคิดว่าตอนนี้ผมของข้าจะยาวถึงเพียงใด?”

สนมผมฟ้าเอนกายนอนบนเตียงของนางอีกครั้งและหัวเราะอย่างมีความสุข

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้า แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะอยู่ภายใต้การปกป้องจากค่ายกลวิญญาณที่ยอดเยี่ยม พลังการต่อสู้ของข้าบรรลุถึงระดับเจ็ดขณะที่พวกเจ้าอ่อนแอลง ยอมจำนนอย่างเชื่อฟัง บางทีพวกเจ้าอาจมีโอกาสรอดชีวิต”

“ฮืม เจ้าคิดง่ายเกินไป” เป็นเพียงเวลานี้ที่เงาร่างสายหนึ่งบินออกมาจากรังไหม

รังไหมไม่ได้รับความเสียหายแต่เงาร่างสายนี้สามารถเคลื่อนที่ผ่านรังไหมออกมาได้อย่างอิสระ

ร่างภูตผีชนิดนี้ไม่ได้มาจากผู้ใดนอกจากผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งภูตผีของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ปู้เจิ้งซือ!

การแสดงออกของสนมผมฟ้ากลายเป็นมืดครึ้ม “ดังนั้นก็มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งภูตผี ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสามารถหลบหนีจากเส้นผมของข้า!”

ขณะที่นางกล่าว เสียงผมสีฟ้าจำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นราวกับอสรพิษ

ปู้เจิ้งซือเผยรอยยิ้มสดใส “เจ้ายังขาดแคลนประสบการณ์ คิดว่าสามารถทำร้ายข้าได้งั้นหรือ?

ร่างภูตผีของเขากลับเข้าไปในรังไหมอีกครั้ง

ภายในรังไหมจ้าวเหลียนหยุนกำลังกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของนางเพื่อต่อต้านเส้นผมสีฟ้า

ปู้เจิ้งซือเข้ามาด้านข้างและทำให้จ้าวเหลียนหยุนสะดุ้งตกใจ

“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ยกเลิกท่าไม้ตายสายป้องกันของเจ้าและตามข้ามา” ปู้เจิ้งซือวางมือบนไหล่ของนางและออกคำสั่ง

จ้าวเหลียนหยุนคิด ‘หากข้าหยุดใช้ท่าไม้ตายสายป้องกัน ข้าจะถูกเส้นผมสีฟ้าฉีกเป็นชิ้นๆหรือไม่?’

อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนคิดอีกครั้งและตัดสินใจเชื่อปู้เจิ้งซือ

เมื่อนางยกเลิกท่าไม้ตายสายป้องกัน เส้นผมสีฟ้าพุ่งเข้าโจมตีนางทันที แต่ร่างกายของจ้าวเหลียนหยุนกลับเปลี่ยนเป็นร่างภูตผีและพุ่งออกจากรังไหมพร้อมกับปู้เจิ้งซือ

ใบหน้าของสนมผมฟ้ากลายเป็นซีดขาวด้วยความตกใจ

ปู้เจิ้งซือบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งภูตผี เป็นเรื่องปกติที่เขาจะสามารถเปลี่ยนร่างเป็นภูตผี แต่การเปลี่ยนผู้อื่นเป็นภูตผีถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งภูตผีมีอยู่ไม่มาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปู้เจิ้งซือเป็นอัจฉริยะท่ามกลางพวกเขา

ด้วยความสามารถนี้ นิกายคฤหาสน์วิญญาณจึงไว้วางใจให้เขาเป็นผู้ปกป้องจ้าวเหลียนหยุน

หลังจากช่วยชีวิตจ้าวเหลียนหยุน ปู้เจิ้งซือยังทำสิ่งเดียวกันกับคนอื่นๆ

ผู้อมตะของภาคกลางทั้งห้าเริ่มปิดล้อมและโจมตีสนมผมฟ้า

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อห้าแต่สนมผมฟ้ากลับไม่เสียเปรียบ

เส้นผมสีฟ้าของนางเคลื่อนไหวไปรอบๆราวกับอสรพิษ

“เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้อมตะระดับหกแต่นางกลับมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด!”

“มีร่องรอยของค่ายกลวิญญาณในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะอยู่จริงๆ”

“หลีกทาง ให้ข้าโจมตี!” มู่หลิงหลานก้าวออกไปข้างหน้าและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขา

“อะวู้…”

หมาป่าวารีสีฟ้าอ่อนสามตัวปรากฏขึ้นกลางอากาศและพุ่งเข้าโจมตีสนมผมฟ้าด้วยกรงเล็บและคมเขี้ยวของพวกมัน

สนมผมฟ้าลุกขึ้นจากเตียงและทะยานขึ้นสู่อากาศ

ผู้อมตะทั้งห้าไล่ล่านางทันที

สนมผมฟ้ากลายเป็นฝ่ายป้องกัน เส้นผมสีฟ้าขดตัวเป็นรังไหมสีฟ้าปกป้องนางจากการโจมตีของศัตรู

“ท่าไม้ตายอมตะของนางน่ากลัวมาก มันสามารถดูดกลืนพลังงานอมตะของศัตรูและใช้มันโจมตี”

“พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะส่วนหนึ่งของพวกเราถูกดูดซับและย้อนกลับมาโจมตีพวกเรา”

“กระทั่งอสรพิษของข้าก็ไม่สามารถทะลวงรังไหมนี้เข้าไปได้” มู่หลิงหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

ปู้เจิ้งซือถ่ายทอดเสียงไปหามู่หลิงหลาน

ร่างกายของมู่หลิงหลานสั่นสะท้านขึ้นก่อนที่เขาจะเปิดปากกล่าว “เช่นนั้นให้ข้าลองอีกครั้ง”

เขาสะสมพลังงานก่อนจะชี้นิ้วไปที่รังไหมสีฟ้าของสนมผมฟ้า

อสรพิษวารียาวครึ่งเมตรพุ่งออกจากเล็บของเขา

ภายใต้การควบคุมของมู่หลิงหลาน อสรพิษวารีเคลื่อนที่ช้ามาก

ในเวลาเดียวกันปู้เจิ้งซือก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะเช่นกัน อสรพิษวารีกลายเป็นอสรพิษภูตผีและสามารถทะลวงเข้าไปในรังไหมของสนมผมฟ้าได้อย่างง่ายดาย

สนมผมฟ้าตกใจมาก นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันท่าที่สองอย่างรวดเร็ว

แต่อสรพิษภูตผีกลับเปลี่ยนเป็นอสรพิษวารีอีกครั้ง มันทำลายการป้องกันของสนมผมฟ้าและเจาะเข้าไปในหัวใจของนาง

สนมผมฟ้ากรีดร้องเสียงดังขณะที่ดวงวิญญาณของนางหลุดออกจากร่าง

เส้นผมสีฟ้าระเบิดออกไปทุกทิศทุกทางราวกับลูกศรอันแหลมคม

ผู้อมตะของภาคกลางทั้งห้าปกป้องตนเองและปล่อยให้ดวงวิญญาณของสนมผมฟ้าหลบหนีไป

“เราชนะแล้ว! สนมผมฟ้าตายไปแล้ว นางเหลือเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น!” ซือเจิ้งอี้ตื่นเต้นมาก

“การร่วมมือเป็นสิ่งที่ดี” ปู้เจิ้งซือและมู่หลิงหลานเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

ผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสองเป็นกำลังสำคัญในการเอาชนะสนมผมฟ้า อวี๋อี้เย่ซือ จ้าวเหลียนหยุน และซือเจิ้งอี้เป็นเพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น

การต่อสู้สิ้นสุดลง ยอดเขาที่เก้ากลายเป็นเงียบสงบ

แต่พวกเขาควรทำอย่างไรต่อไป?

ผู้อมตะทั้งห้าพูดคุยและตัดสินใจ

พวกเขาจะล่าถอยและรอให้กำลังเสริมจากภาคกลางมาถึง

พวกเขาเพียงห้าคนจะสามารถต่อต้านแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะทั้งหมดได้อย่างไร? ลืมผู้อมตะคนอื่นไปได้เลย เพียงปีศาจอมตะเซี่ยหูผู้เดียว พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้

อย่างไรก็ตามผู้อมตะทั้งห้าพบว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเป็นการร่วมตัวของแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก การป้องกันของมันเหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป นอกจากนั้นยังมีค่ายกลวิญญาณที่กระทั่งร่างภูตผีของปู้เจิ้งซือก็ยังกลายเป็นไร้ประโยชน์

“บัดซบ! เราไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล มิฉะนั้นเราอาจสามารถถอดรหัสค่ายกลวิญญาณนี้!” มู่หลิงหลานรู้สึกผิดหวัง

มีผู้อมตะหลากหลายเส้นทางร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ แต่โชคไม่ดีที่พวกเขาติดอยู่ในอุโมงค์มิติและไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลอยู่ในกลุ่มคนทั้งห้า

แม้ผู้อมตะทั้งห้าจะสามารถเอาชนะสนมผมฟ้า แต่ดวงวิญญาณของนางสามารถหลบหนีขณะที่พวกเขาติดอยู่บนยอดเขาที่เก้าและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง

“เราควรทำอย่างไร?” พวกเขามองหน้ากันและรู้สึกถึงแรงกดดัน

พวกเขาจะไม่กดดันได้อย่างไร?

นี่คือฐานทัพของศัตรู

ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นผู้อมตะระดับแปดที่สามารถบดขยี้พวกเขาได้ด้วยนิ้วเดียว

“พวกท่านรู้สึกแปลกๆหรือไม่? เราอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดปรากฏตัวออกมา” อวี๋อี้เย่ซือกล่าว

ผู้อมตะอีกสี่คนรู้สึกเช่นเดียวกัน

“มันแปลกจริงๆ เราบุกแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและต่อสู้อย่างดุเดือดกับสนมผมฟ้า แต่นอกจากสนมผมฟ้ากลับไม่มีผู้ใดปรากฏตัวขึ้นอีก”

“การต่อสู้ระหว่างพวกเรากับสนมผมฟ้าไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ แต่มันกลับไม่มีผู้ใดออกมาสนับสนุนนาง”

“ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ปรากฏตัวอาจเป็นเพราะความภาคภูมิใจในฐานะผู้อมตะระดับแปด แต่ผู้อมตะคนอื่นๆควรจะออกมาปิดล้อมพวกเรา ไม่มีทางที่พวกเขาจะนิ่งเฉย!”

มู่หลิงหลาน ปู้เจิ้งซือ และอวี๋อี้เย่ซือไตร่ตรองเรื่องนี้และรู้สึกว่ามันแปลกมาก

เป็นเพียงเวลานี้ที่วิญญาณแห่งความรักปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังของมันออกมาจากร่างของจ้าวเหลียนหยุน

กลิ่นอายนี้ทำให้การแสดงออกของผู้อมตะอีกสี่คนเปลี่ยนแปลงไป

“เป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังนัก! นี่คือวิญญาณอมตะระดับเก้างั้นหรือ?”

“ข้าจำได้ กลิ่นอายนี้ปรากฏขึ้นในอุโมงค์มิติเช่นกัน”

“ดังนั้นมันก็ปกป้องพวกเรา!”

มู่หลิงหลาน อวี๋อี้เย่ซือ และซือเจิ้งอี้มองจ้าวเหลียนหยุนด้วยความตกตะลึง

อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถควบคุมร่างกายของนางได้ ดวงตาของนางกลอกไปมา ขาของนางลอยขึ้นจากพื้น ขณะที่นางส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาอย่างน่าขนลุก

“อย่ารบกวนนาง นี่คือพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก!”

“วิญญาณแห่งความรัก!”

“วิญญาณหลักของนิกายคฤหาสน์วิญญาณถูกนำมาที่นี่โดยจ้าวเหลียนหยุนจริงๆ!”

ผู้อมตะอีกสามคนตกใจมาก

ปู้เจิ้งซือเผยรอยยิ้มขมขื่นขณะอธิบายเรื่องราวให้คนที่เหลือฟัง

หลังจากไม่นานจ้าวเหลียนหยุนก็ตื่นขึ้น “ข้ารู้ความลับทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณนี้แล้ว”

ผู้อมตะทั้งสี่มีความสุขมาก

“นี่คือพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรักงั้นหรือ?” ดวงตาของมู่หลิงหลานเบิกกว้างขึ้น

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า

“อธิบายให้พวกเราฟังเร็วเข้า!” ปู้เจิ้งซือกระตุ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท