เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1252

ตอนที่ 1252

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1252 ชะตากรรมพลิกผัน

แปลโดย iPAT

“ค่ายกลวิญญาณนี้เรียกว่าชะตากรรมพลิกผัน มันถูกสร้างขึ้นโดยซุนหมิงลู่และใช้วิญญาณอมตะมากกว่าสิบดวง จุดสำคัญคือมันเชื่อมต่อกับแม่น้ำหวนคืน ดังนั้นมันจึงมีพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์”

จ้าวเหลียนหยุนอธิบาย

วิญญาณแห่งความรักปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาด้วยตัวของมันเองโดยใช้พลังงานอมตะจำนวนมากที่อยู่ในมิติช่องว่างของจ้าวเหลียนหยุนเป็นเชื้อเพลิง ครั้งนี้มันทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน

“แม่น้ำหวนคืน? เจ้าหมายถึงแม่น้ำหวนคืนในตำนานมนุษย์คนแรกงั้นหรือ?” ดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือเบิกกว้างขึ้น

“ถูกต้อง มันคือแม่น้ำหวนคืนในตำนาน” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า

ตำนานมนุษย์คนแรกกล่าวถึงภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และแม่น้ำหวนคืน พวกมันเป็นสามอุปสรรค์ที่อยู่ด้านหลังประตูแห่งชีวิตและความตาย มนุษย์คนแรกเข้าไปในประตูแห่งชีวิตและความตายเพื่อช่วยหยางเมิ้ง แต่เขาล้มเหลว เขาทำได้เพียงเดินทางผ่านอุปสรรคทั้งสามเพื่อฟื้นคืนสู่ชีวิตเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมนุษย์คนแรกสามารถผ่านภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป แต่เขาล้มเหลวในแม่น้ำหวนคืน

“แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะอยู่ในมือของปีศาจอมตะเซี่ยหู” ปู้เจิ้งซือถอนหายใจ

มู่หลิงหลานกล่าว “ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์เคยใช้ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีลอบเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตาย เขานำภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปออกมา แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายแม่น้ำหวนคืน ข้าไม่คาดหวังว่าแม่น้ำหวนคืนจะอยู่ในมือของบางคน”

มู่หลิงหลานเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณที่มีทักษะในการรวบรวมข้อมูล ดังนั้นมู่หลิงหลานจึงล่วงรู้ความลับมากมาย

กลุ่มผู้อมตะค่อยๆยอมรับความจริงเรื่องนี้อย่างช้าๆ

เนื่องจากภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปถูกนำออกมา มันจึงไม่แปลกหากแม่น้ำหวนคืนจะปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน

“สิ่งสำคัญในเวลานี้คือทำลายค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน” ปู้เจิ้งซือเน้นย้ำ

แต่จ้าวเหลียนหยุนส่ายศีรษะ “แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายค่ายกลวิญญาณนี้ กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังไม่สามารถคลี่คลายมันเพราะมันใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืน”

จ้าวเหลียนหยุนอธิบายอย่างช้าๆ หลังจากนั้นกลุ่มผู้อมตะจึงล้มเลิกความคิดที่จะทำลายค่ายกลวิญญาณ

ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันใช้ยอดเขาทั้งสิบห้าเป็นแกนกลาง หากพวกเขาต้องการทำลายมัน พวกเขาต้องบุกโจมตียอดเขาทั้งสิบห้า

คำกล่าวของสนมผมฟ้ามีทั้งเรื่องจริงและคำลวง แต่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ

ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันสามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของผู้อมตะ ผู้อมตะระดับหกจะได้รับพลังอำนาจระดับเจ็ดขณะที่ผู้อมตะระดับเจ็ดจะได้รับพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด

นอกจากนี้หากผู้อมตะเสียชีวิตภายในค่ายกล พวกเขาจะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ช่วยสนับสนุนค่ายกลวิญญาณรวมถึงการหลอมรวมวิญญาณของท่านหญิงหว่านซูที่กำลังปรับแต่งหม่าหงหยุน

“ไม่แปลกใจเลยที่ร่างกายและมิติช่องว่างของสนมผมฟ้าแตกสลายไป”

“แม้ดวงวิญญาณของนางจะยังอยู่แต่มันจะถูกดูดกลืนไปโดยค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันในที่สุด”

“ผู้ใดจะคิดว่าซุนหมิงลู่จะสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณที่ทรงพลังถึงเพียงนี้ กระทั่งสิบนิกายโบราณก็อาจไม่สามารถแข่งขัน”

“ซุนหมิงลู่เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลอันดับหนึ่งของภาคเหนือ ตามข่าวลือ เขามีนิสัยไม่ยอมคนแต่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ เขาไม่ใช่ปีศาจอมตะ ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องลดความยโสและเชิญเขามาซ้ำแล้วซ้ำอีก ในที่สุดซุนหมิงลู่ก็ประทับใจในความรักของปีศาจอมตะเซี่ยหูที่มีต่อท่านหญิงหว่านซู ดังนั้นเขาจึงช่วยสร้างค่ายกลวิญญาณนี้ขึ้น”

ผู้อมตะภาคกลางวิพากษ์วิจารณ์

“หมายความว่าหากเราออกจากยอดเขาแห่งนี้ เราต้องแยกย้ายกันไปและปกป้องตนเองงั้นหรือ?” ปู้เจิ้งซือถาม

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “มันควรเป็นเช่นนั้น เรามาที่นี่ได้เพราะพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก”

วิญญาณแห่งความรักเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันอาจเหนือกว่าค่ายกลวิญญาณทั้งหมด ดังนั้นมันจึงสามารถนำผู้อมตะทั้งห้าเข้ามาที่นี่

อย่างไรก็ตามหากวิญญาณแห่งความรักไม่ทำงาน เมื่อคนทั้งห้าออกจากยอดเขาลูกนี้ พวกเขาจะถูกค่ายกลวิญญาณส่งไปสถานที่ต่างๆ

ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้วลึก นี่เป็นข่าวร้ายมาก

เขาได้รับมอบหมายให้ดูแลความปลอดภัยของจ้าวเหลียนหยุน แต่ค่ายกลวิญญาณนี้จะแยกพวกเขาออกจากกันขณะที่พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใด

“เช่นนั้นหากเจ้าเข้าไปในมิติช่องว่างของข้า ค่ายกลวิญญาณจะส่งผลกระทบต่อมิติช่องว่างของข้าด้วยหรือไม่?” ปู้เจิ้งซือถาม

มิติช่องว่างของผู้อมตะเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ยอมให้คนนอกเข้าไป

อย่างไรก็ตามปู้เจิ้งซือรูสึกถึงความสำคัญของเรื่องนี้และตัดสินใจเสียสละโดยปล่อยให้จ้าวเหลียนหยุนเข้าไป

เขาทำได้เพียงสิ่งนี้

เนื่องจากจ้าวเหลียนหยุนไม่มีมิติช่องว่างที่แท้จริง นางเป็นผู้อมตะเทียม มิติช่องว่างเทียมของวังสวรรค์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือมันสามารถเก็บเฉพาะพลังงานอมตะ วิญญาณ และเจตจำนง แต่ไม่สามารถจัดการหรือพัฒนาได้เหมือนมิติช่องว่างทั่วไป นอกจากนี้มันยังต้องได้รับการดูแลในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นมันจะไม่สามารถคงอยู่ต่อไป ข้อดีของมันคือสามารถเก็บวิญญาณอมตะระดับใดก็ได้ ตัวอย่างเช่นจ้าวเหลียนหยุนสามารถเก็บวิญญาณแห่งความรักซึ่งเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า หากเป็นมิติช่องว่างทั่วไป การเก็บวิญญาณอมตะระดับเก้าเอาไว้จะทำให้มิติช่องว่างของพวกเราระเบิด

อย่างไรก็ตามหลังจากทดลอง กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกลับพบว่าพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะเปิดทางเข้ามิติช่องว่างของตน

เห็นได้ชัดว่าซุนหมิงลู่ได้พิจารณาปัญหานี้เอาไว้ตั้งแต่แรก

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ

แม้พวกเขาจะสามารถกำจัดสนมผมฟ้าแต่พวกเขากลับติดอยู่ที่นี่

แต่ข่าวดีคือพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าศัตรูจะปรากฏตัว

เพราะค่ายกลวิญญาณนี้ไม่อนุญาตให้ผู้นำยอดเขาออกมาจากยอดเขาของตน

นี่คือพลังอำนาจของแม่น้ำหวนคืน

ซุนหมิงลู่ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืนเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน

ด้วยรูปแบบของมัน กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ไม่สามารถต่อต้านกฎข้อนี้

แต่ไม่ว่าค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันจะมีข้อบกพร่องดังกล่าว แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะยังเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้ทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถสร้างความปั่นป่วนระหว่างการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์

“ในกรณีนี้พวกเราอาจอยู่ที่นี่และรอกำลังเสริม” ปู้เจิ้งซือแนะนำ

ข้อเสนอแนะนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆทันที

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจการทำงานของค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะเคลื่อนไหว

จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้ว แต่นางไม่ได้โต้แย้ง ท้ายที่สุดหม่าหงหยุนก็อยู่บนยอดเขาที่หนึ่ง แม้จ้าวเหลียนหยุนจะพุ่งทะยานไปยังยอดเขาที่หนึ่งทันที แต่นางยังต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด

…..

สวรรค์สีดำ วังสวรรค์แห่งโชค

“เราพบกลุ่มเล็กๆของพวกเขาแล้ว” ราชันใต้สูดหายใจลึก

“อา…พวกเขาอยู่ที่ใด?” เหยากวงถาม

“พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แปลก…” ราชันใต้ไม่แน่ใจ

แม้เขาจะรู้ว่ากลุ่มผู้อมตะภาคกลางเข้าไปในอุโมงค์มิติ แต่เขาไม่รู้ว่ามีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่นั่น

เขาคิดว่าตนเองจะสามารถค้นหากองกำลังส่วนใหญ่ของภาคกลางแต่เขากลับพบเพียงคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการค้นพบนี้รวมถึงจ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญ

วิญญาณแห่งความรัก!

นี่เป็นสาเหตุที่ราชันใต้ตื่นขึ้น

“แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ?” เหยากวงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ทุกคนที่ปรากฏตัวขึ้นงั้นหรือ?”

ราชันใต้ส่ายศีรษะ “บางทีนี่อาจเป็นแผนการล่อลวงของศัตรู ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีผู้อมตะระดับแปดหรือคฤหาสน์วิญญาณอมตะปรากฏขึ้นเลย”

เหยากวงขมวดคิ้วลึกขึ้น

เช่นเดียวกันเมื่อฟางหยวนเผชิญหน้ากับอิงอู๋เซี่ย เขาไม่ได้ใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแต่มันยิ่งทำให้อิงอู๋เซี่ยรู้สึกวิตกมากขึ้น

สถานการณ์นี้คล้ายกับสถานการณ์ของเหยากวงและราชันใต้

หากผู้อมตะภาคกลางปรากฏตัว พวกเขาจะสามารถจัดการศัตรูทั้งหมดได้ในครั้งเดียว

อย่างไรก็ตามมีเพียงห้าคนที่ปรากฏตัวขึ้น นี่ทำให้ราชันใต้กับเหยากวงไม่เข้าใจแผนการของฝ่ายตรงข้าม

มันเป็นแผนการบางอย่างใช่หรือไม่? พวกเขากำลังวางแผนใดอยู่?

ราชันใต้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจ “ให้กลุ่มผู้อมตะภาคกลางต่อสู้กับกองกำลังภูเขาหิมะก่อน สิ่งสำคัญคือกลุ่มผู้อมตะภาคกลางส่วนใหญ่จะปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด เราจะรอดูอยู่ข้างสนาม”

“ตกลง” เหยากวงพยักหน้าแต่คาดเดาอยู่ภายใน ‘ท่านราชันใต้เข้าใจสถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ นี่ไม่ใช่ความสามารถของวังสวรรค์แห่งโชค หมายความว่าฝ่ายเรามีสายลับอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะงั้นหรือ?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท