เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1257

ตอนที่ 1257

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1257 มังกรดาบที่ดุร้าย

แปลโดย iPAT

ไท่เป่ยหยุนเฉิงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลักแต่วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าของเขาถูกใช้เป็นของแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเมฆาเนื่องจากเขามีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันนิกายเงาก็ไม่ขาดแคลนมรดกบนเส้นทางแห่งเมฆา ดังนั้นวิธีป้องกันของชายชราจึงค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตามหลังจากไท่เป่ยหยุนเฉิงสร้างวงแหวนเมฆา การแสดงออกของเขายังไม่ดีนัก

เมื่อผู้อมตะใช้ท่าไม้ตายอมตะในกำแพงภูมิภาค พวกเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ

การใช้ท่าไม้ตายอมตะห้าครั้งทำให้มิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิงเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นห้าครั้ง เขาพบกับความสูญเสียอย่างมาก

‘น่าสนใจ’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ร่างมังกรดาบบรรพกาลบินขึ้นขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างคล่องแคล่ว

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกลายเป็นมืดมน

ในกำแพงภูมิภาค ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปได้อย่างยากลำบากเพราะพวกเขาถูกกดดันโดยพลังงานที่ไร้รูปแบบ

แต่ฟางหยวนกลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

ฟางหยยวนบินขึ้นไปด้านบนและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันที เขามองลงมาและส่งลมหายใจมังกรพุ่งลงบนศีรษะของผู้อมตะทั้งห้าราวกับสายฝน

“ป้องกัน อย่าแยกกลุ่ม เราไม่สามารถต่อต้านเขาเพียงลำพัง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนเตือนทุกคน

เมื่อเห็นลมหายใจมังกรใกล้เข้ามา อิงอู๋เซี่ยเปิดปากคำราม

ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของภูตผี!

พลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะที่อยู่รอบๆ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมที่โดดเด่นของอิงอู๋เซี่ย

ลมหายใจมังกรของฟางหยวนถูกผลักดันก่อนจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

‘ตั้งแต่ข้าวางแผนต่อสู้กับนิกายเงา ข้าจะไม่เตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีทางจิตวิญญาณได้อย่างไร?’ ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน

เขาเตรียมใจมาแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีวิธีป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณ แต่รากฐานจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก เขาสามารถอดทนต่อเสียงคำรามของภูตผีได้อย่างสมบูรณ์ มันไม่สำคัญแม้จิตวิญญาณของเขาจะได้รับบาดเจ็บ เพราะเขามีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว!

“บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยสาปแช่งขณะป้องกันตัวจากลมหายใจมังกร

เขารู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

ลมหายใจมังกรยังร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน ผู้อตะทั้งห้าถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์

วิธีที่ดีที่สุดในการต่อต้านการโจมตีนี้คือการแยกย้ายและหลบเลี่ยง แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น ฟางหยวนจะมีโอกาสโจมตี

เป็นเพียงเวลานี้ที่ซื่อหนิวกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

“ครืน…”

เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือน มือยักษ์ที่เกิดจากดินและหินโผล่ขึ้นมาจากพื้น

มือยักษ์ปกป้องกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจากลมหายใจมังกร

แม้มันจะส่งสัญญาณของการพังทลายแต่ไห่ลั่วหลันยังสามารถใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของนาง

นางผลักฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า

“บึม!”

เพลิงสีแดงทะลุผ่านมือยักษ์และพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างรวดเร็ว หากฟางหยวนไม่ระวัง เขาจะถูกลอบโจมตีอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเพลิงสายนี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อฟางหยวน เขาสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ได้ผล!” หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง

ภาพอนาคตสามลมหายใจ!

ไห่ลั่วหลันไม่รู้ว่าฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้

‘แปลก ไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่นางสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไฟโดยไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกัน ดูเหมือนนิกายเงาจะมีวิธีการบางอย่าง ท้ายที่สุดวิญญาณทารกอมตะก็ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ’ ฟางหยวนค้นพบรายละเอียดบางอย่างจากการโจมตีของไห่ลั่วหลัน

ในไม่ช้ามือยักษ์ก็พังทลายลง ลมหายใจมังกรโปรยปรายลงมาอีกครั้ง

แต่ผู้อมตะทั้งห้าก็ไม่ร้อนรน พวกเขายังสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อป้องกันตนเอง

‘ลองท่าไม้ตายนี้ ให้ข้าดูว่าพวกเจ้าจะจัดการมันอย่างไร?’ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอื่น

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา อัญเชิญอสูรปี!

“โฮก…”

เสียงคำรามของพยัคฆ์ดังขึ้นก่อนที่อสูรปีขาลจะกระโดดออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อช่วยต่อสู้

ฟางหยวนโยนวิญญาณปีจำนวนมากให้มันเพื่อยกขวัญกำลังใจของอสูรปีขาล

ซื่อหนิวรู้สึกขมขื่น เพียงลมหายใจมังกรก็ยากที่จะรับมืออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีอสูรปีอีกตัว สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก

อสูรปีเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในกำแพงภูมิภาค

มันคล้ายกับอสูรเมฆาบรรพกาลที่เป็นสิ่งมีชีวิตจากสวรรค์สีขาวและไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงพลังงานของห้าภูมิภาค

สำหรับอสูรปี พวกมันอาศัยอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคเช่นกัน

“ฮืม!” อิงอู๋เซี่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่คล้ายคลึงกัน

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ อัญเชิญอสูรวิญญาณ!

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นนิกายเงาจึงมีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากที่สุด ไห่ฟานสามารถอัญเชิญอสูรปี นิกายเงาก็สามารถอัญเชิญอสูรวิญญาณ

วิธีการของอิงอู๋เซี่ยถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเขาสามารถอัญเชิญอสูรวิญญาณได้สามตัวพร้อมกัน

“อสูรวิญญาณของข้าไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคเช่นกันเพราะพวกมันมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย!”

แต่ความพึงพอใจของอิงอู๋เซี่ยอยู่ได้ไม่นานเมื่อฟางหยวนพุ่งมาข้างหน้า

มังกรดาบบรรพกาลบินไปรอบๆอย่างรวดเร็ว

มันใช้กรงเล็บมังกรทำลายศีรษะของอสูรวิญญาณโดยตรง

หางของมันตัดขาของอสูรวิญญาณอีกตัว

ขณะที่ลมหายใจมังกรทะลวงผ่านร่างกายของอสูรวิญญาณตัวที่สาม

มังกรดาบบรรพกาลมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น สิ่งสำคัญคือฟางหยวนยังมีท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผนึกภูตผี!

สิ่งนี้ทำให้อสูรวิญญาณไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของเขา

ดังนั้นฟางหยวนจึงมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับอสูรวิญญาณ

อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองได้ก่อนที่ฟางหยวนจะโจมตีพวกมันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

โชคดีที่อสูรวิญญาณไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน มิฉะนั้นพวกมันจะถูกทำลายโดยการโจมตีเดียวของฟางหยวน

แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็อ่อนแอลงมาก ร่างกายของพวกมันโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นไม่น่ามอง แต่เขาทำได้เพียงเฝ้าดูฟางหยวนทำลายอสูรวิญญาณทั้งสามเท่านั้น

อิงอู๋เซี่ยคิด ‘มันไม่สำคัญ แม้เจ้าจะกำจัดอสูรวิญญาณทั้งสามตัว แล้วอย่างไร? ข้าสามารถอัญเชิญพวกมันอีกครั้ง! มีอสูรวิญญาณมากมายอยู่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย!’

แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับเลิกโจมตีอสูรวิญญาณและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

ความเร็วของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน

เร็ว! เร็วมาก! เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!

ไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่สามารถตอบสนองได้แม้แต่น้อย

วงแหวนเมฆาของเขาถูกทำลายลงโดยกรงเล็บมังกรขณะที่ท้องของชายชราถูกเปิดออกและทำให้ลำไส้ของเขาทะลักออกมา

แต่…

‘เขายังไม่ตาย?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ

ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมังกรดาบ แต่ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนไม่สามารถเปิดปาก ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้เพียงกรงเล็บเท่านั้น

เขาเห็นชั้นน้ำแข็งช่วยปิดปากแผลของไท่เป่ยหยุนเฉิงอย่างรวดเร็ว

‘มันคือไป่หนิงปิง!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้

ด้วยความเร็วของฟางหยวน ตอนนี้ร่างของเขาอยู่ห่างจากผู้อมตะทั้งห้าไปหลายลี้

ไป่หนิงปิงมองฟางหยวนด้วยดวงตาสีฟ้าอันเย็นเยียบ

“รวดเร็วนัก!” ไห่ลั่วหลันลากไท่เป่ยหยุนเฉิงไปด้านหลัง

จากนั้นนางก็ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของชายชราแต่กลับไร้ประโยชน์

อาการบาดเจ็บที่เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ายากที่จะรักษา

เนื่องจากมันมีความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ละชนิด

ทุกครั้งที่มังกรดาบบรรพกาลโจมตี มันจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบเอาไว้เป็นจำนวนมาก นี่เป็นเรื่องยากที่ร่างกายอันบอบบางของมนุษย์จะสามารถอดทน

“โอ้ หากข้ามีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า มันจะไม่ลำบากเช่นนี้’ ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวก่อนหมดสติ

“เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือไท่เป่ยหยุนเฉิง!” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นมืดครึ้ม

เขาสามารถมองทะลุความคิดของฟางหยวน

ฟางหยวนแสร้งต่อสู้กับอสูรวิญญาณ แต่ในความเป็นจริงไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายหลักของเขาตั้งแต่แรก

ท้ายที่สุดแล้วไท่เป่ยหยุนเฉิงก็อ่อนแอที่สุดในกลุ่มผู้อมตะทั้งห้า

กำจัดศัตรูที่อ่อนแอที่สุดก่อนเสมอ!

“ตอนนี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงหมดประโยชน์แล้ว!” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยแย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาจะจัดการฟางหยวนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

“หือ?”

แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับรู้สึกถึงความผิดปกติ

เขาค้นพบว่าเกล็ดมังกรของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆที่ไม่รู้ว่าก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

‘สายตาของไป่หนิงปิงแปลกมาก!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว

“หากเราต้องการโต้ตอบฟางหยวน เราต้องลดความเร็วของเขาเป็นอันดับแรก” ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายเย็นเยียบ นางเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท