เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1261

ตอนที่ 1261

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1261 ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด

แปลโดย iPAT

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ดวงตามังกรมองไปที่ซื่อหนิว

ซื่อหนิวเงยหน้าขึ้นและตะโกน “นายท่าน ไปเร็ว!”

“ซื่อหนิว ข้าจะจดจำความภักดีของเจ้าเอาไว้!” อิงอู๋เซี่ยชำเลืองมองซื่อหนิวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบจากไป

เมื่อซื่อหนิวตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเพื่อถ่วงเวลาฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆจึงสามารถออกจากกำแพงภูมิภาคและเข้าสู่ภาคเหนือได้ในที่สุด

ขณะที่เท้าของพวกเขาเหยียบลงบนพื้นหญ้า อิงอู๋เซี่ยก็ดึงไท่เป่ยหยุนเฉิงออกมาจากมิติช่องว่างของเขา

ชายชราตื่นขึ้นแล้วแต่อาการบาดเจ็บของเขายังรุนแรงมาก ชีวิตของเขายังอยู่ในอันตราย

เมื่อผู้อมตะทั้งสี่อยู่พร้อมหน้า พวกเขาก็กระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศและหายตัวไปจากจุดนั้นทันที

…..

ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน

การต่อสู้จบลงแล้ว

กลุ่มโจรเสียชีวิตทั้งหมด

แต่ฝ่ายขบวนสินค้าก็อยู่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก

ศพถูกทิ้งไว้ทุกหนทุกแห่งพร้อมกับบ่อเลือด

“ลุกหนวด กลับมา ตื่นได้แล้ว!” ฟางหยวนมองลุงเคราหนาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและรู้สึกตื่นตระหนก

“ช่วยด้วย ช่วยเขาที!” ฟางหยวนตะโกนด้วยเสียงแหบแห้งแต่ไม่มีผู้ใดเข้ามา

ฟางหยวนรีบวิ่งไปหานายน้อย “ลุงหนวดได้รับบาดเจ็บขณะช่วยชีวิตท่าน เขากำลังจะตาย โปรดช่วยเขาด้วย!”

“เขาไม่สามารถช่วยได้แล้ว อาการบาดเจ็บของเขาร้ายแรงมาก สิ่งสำคัญคือเขาถูกโจมตีโดยวิญญาณพิษ เราไม่สามารถรักษาเขา” นายน้อยส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ไม่ ท่านมีวิธี ท่านสามารถรักษาพิษ ท่านถูกโจมตีโดยวิญญาณพิษเช่นกัน!” ฟางหยวนไม่ยอมแพ้

การแสดงออกของนายน้อยกลายเป็นมืดครึ้ม “เจ้าต้องการให้ข้าใช้วิญญาณอันล้ำค่าเพื่อคนนอกงั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าวิญญาณสายรักษามีขีดจำกัดในการใช้งาน”

“แต่ลุงหนวดได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยท่าน!” ฟางหยวนโต้แย้ง

“แม้เขาจะไม่ช่วยข้า ข้าก็ยังมีผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลความปลอดภัยของข้าตลอดเวลา” นายน้อยเย้ยหยันและโบกมือไล่ฟางหยวน “ไปซะ วิญญาณสายรักษาของข้าจะนำไปใช้กับมดปลวกเช่นพวกเจ้าได้อย่างไร?”

ฟางหยวนกัดฟันและกำหมัดแน่นโดยไม่ขยับจากจุดเดิม

“เจ้ากำลังรนหาที่ตายงั้นหรือ?” นายน้อยเริ่มโกรธ

“ฟางหยวน…” เป็นเพียงเวลานี้ที่ลุงเคราหนาตื่นขึ้นและเรียกชื่อฟางหยวนเบาๆ

ร่างของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขาหันหลังและวิ่งกลับไปหาลุงเคราหนา “ลุงหนวด ท่านฟื้นแล้ว!”

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและมีความสุข

“อย่าต่อต้านนายน้อย เจ้าจะเป็นฝ่ายทุกข์ทรมาน หยุดอ้อนวอน วิญญาณสายรักษจะใช้กับคนเช่นพวกเราได้อย่างไร?” ลุงเคราหนายิ้ม

“แต่ท่านลุง อาการบาดเจ็บของท่าน…” ฟางหยวนสะอื้น

…..

“บึม!”

ซื่อหนิวล้มลงบนพื้นอย่างสูญสิ้นเรี่ยวแรง

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เขามองมังกรดาบบรรพกาลที่บินอยู่ด้านหน้าและหัวเราะ “ข้าทำสำเร็จ! นายท่านสามารถหลบหนี ฮ่าฮ่าฮ่า นิกายเงาจะไม่มีวันแพ้! เทพปีศาจจิตวิญญาณจงเจริญ!”

ฟางหยวนใช้กรงเล็บทุบทำลายร่างหินของซื่อหนิวจ

ร่างหินของซื่อหนิวระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปทั่ว

“คนกำลังจะตายจะตะโกนเพื่อสิ่งใด?” ฟางหยวนเย้ยหยันและหยิบชิ้นส่วนสำคัญที่สุดออกมาจากกองหิน

จากนั้นเขาก็บินออกจากกำแพงภูมิภาคและไปยังภาคเหนือ

เขาโยนชิ้นส่วนหินลงบนพื้นก่อนที่มันจะดูดซับปราณสวรรค์พิภพและควบรวมเป็นแดนศักดิ์สิทธ์

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคตรวจสอบตำแหน่งของอิงอู๋เซี่ยและพบว่าพวกเขาอยู่ไกลมาก

“ฮืม! พวกเขาใช้ค่ายกลวิญญาณนั่น! แต่แล้วอย่างไร? พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายด้วยน้ำมือของข้าไม่ช้าก็เร็ว!”

“แต่ที่นั่นดูเหมือนจะเป็นโลกใต้บาดาลของกองกำลังพันธมิตรผีดิบ”

ฟางหยวนกลับสู่ร่างมนุษย์และขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาคุ้นเคยกับโลกใต้บาดานของภาคเหนือ เมืองคลื่นทมิฬยังซ่อนอยู่ที่นั่น น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดพบมัน ไม่ใช่เรื่องแปลกหากอิงอู๋เซี่ยจะไปที่นั่น

“กองกำลังพันธมิตรผีดิบอของภาคเหนือถูกทำลายไปแล้ว แต่ดูเหมือนที่นั่นจะมีทรัพยากรถูกทิ้งเอาไว้”

นี่เป็นสิ่งที่สามารถคาดเดา

ทรัพยการของเมืองคลื่นทมิฬยังถูกซ่อนไว้ที่นั่น

อย่างไรก็ตามซื่อหนิวตายไปแล้วขณะที่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยได้รับบาดเจ็บ หากพวกเขาต่อสู้อีกครั้ง แม้ที่นี่จะไม่ได้อยู่ในกำแพงภูมิภาค แต่ฟางหยวนยังมีความได้เปรียบ

แดนศักดิ์สิทธิ์ของซื่อหนิวก่อตัวขึ้นแล้ว ฟางหยวนเข้าไปแต่ไม่สามารถกำหราบจิตวิญญาณแผ่นดิน ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปฐพีของเขาอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่ปรมาจารย์ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปฐพีและต้องปล่อยมันไว้ชั่วคราว

ในอาณาจักรแห่งความฝัน

มีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่กล่าวกันว่าสามารถบรรเทาพิษ เด็กหนุ่มฟางหยวนลอบออกจากขบวนสินค้าและปีนขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อหาสมุนไพรดังกล่าว

ลมภูเขาอันหนาวเหน็บพัดมาทำให้ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้าน

หน้าผาสูงชันอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้อย่างง่ายดายหากประมาทเพียงเล็กน้อย

‘ข้าต้องหาสมุนไพรเพื่อรักษาลุงหนวด!’

‘เขาช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าจะไม่ชดใช้หนี้บุญคุณนี้ได้อย่างไร?’

‘อดทนไว้ ฟาง…หยวน…อย่ากลัว…’

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะยื่นมือออกไป หลังจากพยายามหลายครั้งในที่สุดเขาก็สามารถคว้าสมุนไพรมาได้

ในยามรุ่งสางด้วยตะกร้าที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและเสื้อผ้าที่ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขากลับไปยังค่ายพักแรม

…..

“เอาล่ะ อาณาจักรแห่งความฝันจบลงแล้ว” ฟางหยวนตื่นจากอาณาจักรแห่งความฝัน

ในที่สุดเขาก็กำจัดการแทรกแซงของอาณาจักรแห่งความฝันได้สำเร็จ

ในฉากสุดท้ายฟางหยวนยังได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันจำนวนมาก ถูกต้อง มันคือสมุนไพรในตะกร้า

‘หากข้าเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันด้วยตนเอง ไม่มีทางที่ข้าจะสามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรได้มากถึงเพียงนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันของอิงอู๋เซี่ยนอกจากจะสามารถใช้โจมตีศัตรู มันยังช่วยให้ผู้สำรวจได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน?’

ฟางหยวนคิดขณะไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอีกครั้ง

โดยปราศจากการแทรกแซงจากอาณาจักรแห่งความฝัน แม้อิงอู๋เซี่ยจะหนีไปจนสุดขอบโลก ฟางหยวนก็สามารถไล่ล่า

…..

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

“เทพธิดาจ้าว อย่าใช้วิญญาณแห่งความรักอีกเลย ตอนนี้เจ้าไม่สามารถพูดได้แล้ว หากใช้ซ้ำๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องจ่ายด้วยสิ่งใดอีก!” ซือเจิ้งอี้เกลี้ยกล่อม

แต่จ้าวเหลียนหยุนส่ายศีรษะ

ในการต่อสู้กับจ้าวต้าหนิว วิญญาณแห่งความรักได้แสดงพลังอำนาจของมันออกมา แต่ครั้งนั้นวิญญาณแห่งความรักไม่ได้ใช้พลังงานอมตะแต่มันกลับพรากบางสิ่งไปจากจ้าวเหลียนหยุน

สิ่งนั้นคือเสียงของนาง

หลังการต่อสู้จบลง จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้อีก นางไม่สามารถแม้แต่ก่นเสียงในลำคอ

“หงหยุนยังรอข้าอยู่! ข้าไม่สามารถรออยู่ที่นี่และเฝ้ามองจากด้านข้าง แม้ข้าจะพูดไม่ได้ แล้วอย่างไร? ข้ายังสามารถสื่อสารกับทุกคนผ่านวิญญาณ! มันไม่ใช่ปัญหา!” จ้าวเหลียนหยุนส่งข้อความเสียงไปยังซือเจิ้งอี้

ซือเจิ้งอี้ถอนหายใจ เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาอีกและทำได้เพียงปล่อยให้จ้าวเหลียนหยุนทำตามความปรารถนาของนางเท่านั้น

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจ้าวเหลียนหยุนจะกรีดร้องอย่างไร วิญญาณแห่งความรักก็ยังไม่ขยับเขยื้อน

จ้าวเหลียนหยุนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปและสามารถเพียงเดินออกไปจากยอดเขาที่สิบสองพร้อมกับซือเจิ้งอี้เท่านั้น

เมื่อพวกเขาเดินออกจากยอดเขา จ้าวเหลียนหยุนถูกส่งไปยังยอดเขาอีกแห่งและถูกแยกจากซือเจิ้งอี้

ต่างจากครั้งก่อนหน้า มีเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังขึ้นที่นี่

‘ผู้ใดกำลังต่อสู้กัน อวี๋อี้เย่ซือ ปู้เจิ้งซือ หรือมู่หลิงหลาน?’ จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน นางรีบขึ้นไปบนยอดเขา

ในไม่ช้านางก็เข้าไปห้องโถงบนยอดเขา

กลิ่นคาวเลือดพุ่งเข้าโจมตีจมูกของนางทันที

ฉากต่อมานางเห็นผู้อมตะหนุ่มที่งดงามราวกับผู้หญิงกำลังต่อสู้อย่างยากลำบากอยู่กับปีศาจอมตะผู้หนึ่ง

แน่นอนว่าเขาก็คืออวี๋อี้เย่ซือ

“อวี๋อี้เย่ซืออดทนไว้ ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!” จ้าวเหลียนหยุนใช้วิญญาณส่งเสียง

อวี๋อี้เย่ซือทั้งประหลาดใจและมีความสุข เขาเร่งตอบ “ระวัง! ศัตรูเป็นปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด!”

“กระไรนะ!? เส้นทางแห่งเลือด!?” จ้าวเหลียนหยุนตกใจมาก นางมองศัตรูด้วยความหวาดกลัวและระแวดระวัง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท