เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1272

ตอนที่ 1272

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1272 มันคือสิ่งใด

แปลโดย iPAT

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนได้ทดสอบขีดความสามารถของร่างกายนี้มาแล้ว

เขาไม่ได้ใช้วิญญาณแต่เขายังรวดเร็วเหมือนม้า

เพียงกระโดดเบาๆ เขาก็สามารถทะยานไปได้ไกลมากกว่าสิบเมตร

การกระโดดลงจากความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเมตรโดยใช้ศีรษะปะทะพื้นทำให้เขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเท่านั้นและมันยังเกิดขึ้นเพียงสามลมหายใจก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งและความทนทานสูงมาก เขาวิ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเหนื่อย

ประสาทสัมผัสทั้งห้าและการมองเห็นของเขาน่าอัศจรรย์มาก วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลและสามารถมองเห็นทุกสิ่งในระยะหนึ่งหมื่นก้าวได้อย่างชัดเจน

การเต้นของหัวใจของเขากลับมาเป็นปกติแทบจะทันทีหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก

ความคิดของเขารวดเร็วมากโดยไม่ต้องพึ่งแสงแห่งปัญญา

ไม่เพียงต้นไม้ กระทั่งเนินเขาจะพุ่งชนเขา ร่างกายของฟางหยวนก็ไม่บุบสลาย

นี่คือร่างทารกอมตะ มันไม่เกี่ยวกับวิญญาณ มันเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า!

‘ในแม่น้ำหวนคืน ข้าไม่สามารถใช้วิญญาณ แต่คนอื่นๆก็เช่นกัน!’

‘อย่างไรก็ตามร่างกายของข้าแข็งแกร่งมาก พลังงานแห่งเต่าของข้าก็มีมากมายเช่นกัน’

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกตื่นเต้น

‘อิงอู๋เซี่ย!’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาเริ่มว่ายน้ำไปข้างหน้า

แม่น้ำหวนคืนไหลเร็วมากแต่ทิศทางการเคลื่อนที่ของมันถูกบังคับโดยค่ายกลวิญญาณ มันไหลย้อนกระแสน้ำไปทางผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทร

“โฮก!”

เสือตัวหนึ่งพยายามปีนขึ้นไปบนแผ่นไม้ด้วยขาของมัน

ฟางหยวนว่ายเข้าไปหาเสือตัวนั้นแต่มันไม่ขยับ ฟางหยวนปีนขึ้นไปและพักอยู่บนแผ่นไม้

แต่ไม้แผ่นนี้ไม่สามารถรับน้ำหนักของมนุษย์และเสือ มันเริ่มจมลง

เสือกระวนกระวายและต้องการกัดฟางหยวน แต่ฟางหยวนกลับใช้มือข้างหนึ่งคว้าศีรษะของมันเอาไว้และใช้มืออีกข้างชกเสือตัวนี้จนตาย

“โชคดีที่มันไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นสัตว์ป่าทั่วไป”

ร่างทารกอมตะไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายด้วยเพียงร่างกาย

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะไม่ขาดแคลนสัตว์อสูร แต่เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์และกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน มันทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเก็บสัตว์อสูรของตนไว้ในมิติช่องว่างและไม่ปล่อยให้ศัตรูสังหารสัตว์อสูรเดียวดายของพวกเขา

ฟางหยวนว่ายไปในแม่น้ำหวนคืนเพื่อค้นหาอิงอู๋เซึ่ย

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะพังทลาย แม่น้ำหวนคืนไหลออกมา ขณะที่ฟางหยวนไม่รู้ว่าราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้นแล้ว

เขายังคิดว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด เขาคาดเดาว่าอิงอู๋เซี่ยมีความสัมพันธ์กับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ แต่พวกเขาอาจไม่มีความใกล้ชิด มิฉะนั้นเหตุใดปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ไปช่วยพวกเขาที่ภูเขาอี้เทียน?

การวิเคราะห์ของฟางหยวนไม่ผิด

แต่เขายังขาดวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูลและมีข้อมูลที่ไม่เพียงพอ

‘ตอนนี้แม้ข้าจะพบปีศาจอมตะเซี่ยหู ข้าก็ยังสามารถรักษาชีวิต เพราะในแม่น้ำหวนคืน วิญญาณไม่สามารถใช้งาน มันเป็นสภาพแวดล้อมพิเศษ!’

‘เนื่องจากอิงอู๋เซี่ยมีความเกี่ยวข้องกับปีศาจอมตะเซี่ยหู หากข้าพลาดโอกาสนี้ พวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การคุ้มครองจากเขา’

‘หากข้าพลาดโอกานี้ ข้าอาจไม่มีโอกาสกำจัดพวกเขาอีก!’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรีบว่างไปข้างหน้าหลังจากหยุดพักได้ไม่นาน

อย่างไรก็ตามคนที่เขาพบกลับเป็นไป่เฉินเทียน

ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลาง!

ฟางหยวนตะลึง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’

‘ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ไม่ใช่ปีศาจอมตะเซี่ยหูแต่เป็นผู้อมตะภาคกลาง!?’

ไป่เฉินเทียนอยู่ในสภาพที่น่าอนาถมาก เขาได้รับบาดเจ็บขณะที่เขากำลังพักอยู่บนหลังเต๋าขนาดใหญ่

อาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้มาจากแม่น้ำหวนคืนแต่มันเกิดจากการต่อสู้ก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลารักษาอาการบาดเจ็บ เมื่อถูกแม่น้ำหวนคืนพัดมา เขาก็ไม่สามารถใช้วิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บของตนได้อีก

แต่โชคดีที่เขาพบเต่าตัวนี้และสามารถปีนขึ้นไปพักอยู่บนหลังเต่า

ฟางหยวนค้นพบไป่เฉินเทียน ไป่เฉินเทียนก็ค้นพบฟางหยวน

แต่ไป่เฉินเทียนไม่รู้จักฟางหยวน

เพราะฟางหยวนอยู่ในร่างทารกอมตะ! รูปลักษณ์ดั่งเดิมของเขาถูกเผยแพร่ออกไปโดยวังสวรรค์แต่ไม่ใช่ร่างทารกอมตะ

แม้ไป่เฉินเทียนจะไม่รู้จักฟางหยวน แต่เขายังขมวดคิ้วและระวังตัวมาก

เพราะกลิ่นอายของฟางหยวนบ่งบอกว่าเขาเป็นคนเหนือ

นี่เป็นเพราะร่างทารกอมตะ

‘เขาคือผู้ใด? เขาไม่ใช่หนึ่งในผู้นำยอดเขาหิมะ แต่เขาอาจเป็นพันธมิตรของปีศาจอมตะเซี่ยหู?’

ไป่เฉินเทียนยืนขึ้นและมองทุกการเคลื่อนไหวของฟางหยวน

ในแม่น้ำหวนคืน โดยไม่สามารถใช้วิญญาณ พลังการต่อสู้ของไป่เฉินเทียนมีจำกัด

ฟางหยวนมองไป่เฉินเทียนอย่างระมัดระวังและไม่ได้เข้าไปใกล้

แม้ฟางหยวนจะมีร่างทารกอมตะ แต่เขาคงโง่มากหากคิดว่าตนเองเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแม่น้ำหวนคืน

แม่น้ำหวนคืนไม่อนุญาตให้ใช้วิญญาณ แต่พลังงานแห่งเต๋ายังมีประสิทธิภาพ

ร่างทารกอมตะของฟางหยวนแข็งแกร่งเพราะมันมีพลังงานแห่งเต๋าอยู่บนร่างกาย

ในทำนองเดียวกันหากผู้ใช้วิญญาณใช้วิญญาณความแข็งแกร่งของหมูป่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะสลักอยู่บนร่างกายของพวกเขา หากผู้ใช้วิญญาณผู้นี้ตกลงมาในแม่น้ำหวนคืนและไม่สามารถใช้วิญญาณ พวกเขาก็ยังสามารถพึ่งพาร่างกายของตนและโจมตีศัตรูด้วยความแข็งแกร่งของหมูป่า

สำหรับผู้อมตะที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะไม่เคยใช้วิญญาณเช่นวิญญาณความแข็งแกร่งของหมูป่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตนเองได้อย่างไร?

นี่เป็นเรื่องปกติมาก

ผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช่คนโง่จะรู้ถึงข้อดีของพลังงานแห่งเต๋าดังกล่าว

ร่างกายของฟางหยวนมีข้อได้เปรียบ แต่ผู้อมตะคนอื่นๆก็มีบางสิ่งซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

สำหรับผู้อมตะระดับแปด พวกเขามีรากฐานที่ลึกซึ้ง ฟางหยวนไม่ต้องการต่อสู้กับไป่เฉินเทียนในเวลานี้

“เจ้าคือผู้อมตะภาคกลางใช่หรือไม่?”

“ข้าเป็นผู้อมตะภาคเหนือ แต่ข้าเป็นศัตรูกับปีศาจอมตะเซี่ยหู”

“ข้าเห็นเขาพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดแต่ข้าไม่ต้องการให้เขาประสบความสำเร็จ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่และหาวิธีบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ”

“เจ้าช่วยเขาหลอมรวมวิญญาณงั้นหรือ?”

ฟางหยวนตรวจสอบ

คิ้วของไป่เฉินเทียนคลายลงเล็กน้อย เขาตอบ “ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็เป็นศัตรูของข้าเช่นกัน”

“ไม่นานมานี้ข้ากำลังต่อสู้กับเขาในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะแต่มันกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน”

“อาการบาดเจ็บของข้าล้วนมาจากฝีมือของปีศาจเฒ่าเซี่ยหู!”

ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเล็กน้อย

ฟางหยยวนตระหนักได้ในที่สุดว่าเกิดหลายสิ่งขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

แต่ไป่เฉินเทียนกล่าวอย่างคลุมเครือในหลายประเด็น นั่นทำให้ฟางหยวนไม่ได้รับข้อมูลมากนัก

หลังจากทั้งหมดพวกเขาไม่เชื่อใจกันแม้แต่น้อย

นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ

พวกเขาพึ่งพบกัน เป็นเรื่องยากที่จะบอกเจตนาของอีกฝ่าย

และในสถานการณ์ที่วิญญาณไม่สามารถใช้งาน ทั้งสองฝ่ายต่างต้องระวังตัว

ฟางหยวนรู้ว่าไม่สามารถรับข้อมูลเพิ่มจากไป่เฉินเทียน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจากไป

เขาทิ้งเต่าตัวใหญ่ไว้ด้านหลัง

กระทั่งช่วงเวลาที่พูดคุย เขาก็ยังไม่เข้าไปใกล้ ขณะเดียวกันไป่เฉินเทียนก็ไม่ได้เชิญฟางหยวนขึ้นไปพักบนหลังเต่าเช่นกัน

ไป่เฉินเทียนเห็นฟางหยวนกำลังจะจากไปและเริ่มผ่อนคลายลง

แต่ในจังหวะนี้สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น

“ตุบ”

ด้วยเสียงอันแผ่วเบา

สิ่งของบางอย่างที่มีขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ถูกกระแสน้ำพัดมาและตกลงใบหน้าของฟางหยวน

มันอ่อนนุ่มราวกับแมงกะพรุนและติดอยู่บนหน้าผากของเขา

“มันคือสิ่งใด?” ฟางหยวนตะลึง เขาต้องการดึงมันออกไป

แต่ในเวลานี้ไป่เฉินเทียนกลับตะโกนเสียงดัง “ใจเย็นๆ อย่าทุบมัน!”

“โอ้?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ สิ่งใดที่สามารถทำให้ผู้อมตะระดับแปดรู้สึกประหม่า?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท