เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1256

ตอนที่ 1256

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1256 เพื่อความรักและความยุติธรรม

แปลโดย iPAT

ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้ จ้าวเหลียนหยุนกลับได้ยินเสียงดังขึ้นท่ามกลางความมืด

เสียงนี้เรียกชื่อนาง “จ้าว…เหลียน…หยุน…จ้าว…เหลียน…หยุน…”

“ผู้ใด?”

“ผู้ใดเรียกข้า ผู้ใดเรียกชื่อของข้า?”

“เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับมันนัก?”

“อา…ข้าจำได้แล้ว นี่ไม่ใช่เสียงของข้าเองงั้นหรือ?”

จ้าวเหลียนหยุนนึกถึงฉากหนึ่งในอดีต

ในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ บิดาของจ้าวเหลียนหยุนเสียชีวิตขณะที่นางได้รับการปฏิบัติเช่นตัวหมากทางการเมืองและถูกบังคับให้แต่งงาน อย่างไรก็ตามนางต่อต้านชะตากรรมนี้โดยอาศัยหม่าหงหยุน สุดท้ายนางเปลี่ยนจากคุณหนูผู้มั่งคั่งกลายเป็นเด็กกำพร้า

วันหนึ่งหม่าหงหยุนพานางไปบนหุบเขาลูกหนึ่ง

“คุณหนู ข้าพบสถานที่ที่เหมาะสมกับท่านแล้ว” หม่าหงหยุนพึงพอใจมาก

จ้าวเหลียนหยุนมองไปรอบๆแต่นางพบเพียงหุบเขาเล็กๆที่ดูธรรมดาทั่วไปเท่านั้น นี่ทำให้มุมปากของนางกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุม “มีสิ่งใดพิเศษ มันเป็นเพียงหุบเขาทั่วไปและไม่มีทิวทัศน์ที่งดงาม”

“ท่านกำลังกล่าวสิ่งใด!?” ดวงตาของหม่าหงหยุนเบิกกว้างขึ้น “หุบเขาหายากมากในภาคเหนือ ให้ข้าสอนท่าน หากท่านตะโกนชื่อของท่านออกไป หุบเขาแห่งนี้จะตอบท่าน ทำเช่นนี้!”

หม่าหงหยุนสูดหายใจลึกก่อนตะโกน “จ้าว…เหลียน…หยุน…”

ไม่นานเสียงสะท้อนก็ดังกลับมา “จ้าว…เหลียน…หยุน…”

จ้าวเหลียนหยุนกลอกตา “คนโง่ มีสิ่งใดแปลกประหลาด มันเป็นเพียงเสียงสะท้อน ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดหัวทึบเท่าเจ้ามาก่อน!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” หม่าหงหยุนเกาศีรษะ “ผู้คนบอกว่าข้างี่เงา ข้างี่เง่าจริงๆ ข้าจะฉลาดเหมือนคุณหนูเสี่ยวหยุนได้อย่างไร?”

“แต่ทุกครั้งที่ข้ารู้สึกเศร้าใจในวัยเด็กเมื่อถูกคนอื่นๆกลั่นแกล้ง ข้าจะวิ่งมาที่หุบเขาและตะโกนใส่มันเสมอ”

“เมื่อเข้าเรียกชื่อของตนเองหนึ่งครั้ง หุบเขาจะตอบกลับข้าหนึ่งครั้ง เมื่อข้าเรียกอีกครั้ง มันก็จะตอบอีกครั้ง มันเล่นกับข้า มันไม่เคยทอดทิ้งหรือเพิกเฉยต่อข้า เว้นเพียงเสียงของข้าจะไม่ดังพอ”

“ระยะนี้ข้าเห็นคุณหนูไม่มีความสุขขณะที่ข้าต้องอยู่ข้างกายนายน้อยและไม่สามารถมาหาคุณหนูได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อคุณหนูไม่สบายใจ คุณหนูสามารถมาที่หุบเขาแห่งนี้และเล่นกับมัน”

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกพูดไม่ออก นางมองหม่าหงหยุนที่แสดงออกอย่างจริงจังและรู้สึกสงสาร

‘หม่าหงหยุนผู้นี้โง่มาก แต่จิตใจของเขาไม่ได้แย่เลย’

‘เขาคงมีชีวิตที่ยากลำบากตั้งแต่เด็ก กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังถูกนายน้อยตำหนิอยู่บ่อยครั้ง แต่ข้าไม่เคยเห็นเขาร้องไห้หรือโศกเศร้าเลย เขายิ้มได้ทั้งวัน’

‘เอาล่ะ เช่นนั้นข้าก็จะเล่นกับเจ้า’

เมื่อคิดได้เช่นนี้จ้าวเหลียนหยุนจึงสูดหายใจลึกก่อนจะตะโกนชื่อของนางออกมา

หม่าหงหยุนมีความสุขมากเมื่อเห็นจ้าวเหลียนหยุนทำตามคำแนะนำของเขา “ไม่ถูกต้อง ท่านต้องตะโกนให้ดังกว่านี้ ดังขึ้นอีก!”

จ้าวเหลียนหยุนตะโกนอีกครั้ง

หม่าหงหยุนส่ายศีรษะ “ยังดังไม่พอ หุบเขาจะได้ยินท่านก็ต่อเมื่อท่านตะโกนได้ดังมากพอ มิฉะนั้นมันจะไม่ตอบสนองท่าน”

จ้าวเหลียนหยุนสูดหายใจลึกและตะโกนสุดเสียง

“จ้าว…เหลียน…หยุน!”

หุบเขาตอบกลับมา “จ้าว…เหลียน…หยุน…”

หม่าหงหยุนหัวเราะเสียงดัง

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกสดชื่นเช่นกัน ความโศกเศร้าของนางดูเหมือนจะลดลงขณะที่อารมณ์ของนางกลายเป็นเบิกบานขึ้น

“จ้าว…เหลียน…หยุน…”

“จ้าว…เหลียน…หยุน…”

“จ้าว…เหลียน…หยุน…”

ท่ามกลางความมืด เสียงนั้นยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“จ้าวเหลียนหยุน เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่? เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง สวรรค์พิภพอยู่กับเจ้า ตราบเท่าที่เจ้าตะโกนเสียงดังมากพอ สวรรค์พิภพจะได้ยินเจ้า”

“จ้าวเหลียนหยุน ตื่นได้แล้ว ยังมีคนที่รอให้เจ้าไปช่วย”

“คนผู้นั้นเคยยืนอยู่เคียงข้างเจ้า พาเจ้าไปดูดาว และตะโกนเรียกชื่อเจ้าที่หุบเขา ไปช่วยเขา!”

“ช่วยเขา…”

“ไปช่วยเขา…”

“ตะโกนออกไปให้เขารู้ว่าเจ้ากำลังมา! ให้เขารู้ว่าเขาต้องอดทน! ให้เขารู้ว่าเขายังมีความหวัง!”

“ถูกต้อง!”

“ข้าจะช่วยเขา!”

“ข้าจะตายอยู่ที่นี่ไม่ได้!”

จ้าวเหลียนหยุนเปิดเปลือกตาขึ้นทันที

นางตื่นขึ้นด้วยความมึนงง

เมื่อนางตื่นขึ้น นางพบว่าร่างกายของนางกำลังลุกไหม้ขึ้นด้วยแสงสีฟ้าอ่อน

แสงสีฟ้ามาจากวิญญาณแห่งความรัก

อาการบาดเจ็บของจ้าวเหลียนหยุนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

แสงสีฟ้าอ่อนยังกระจายออกไปรอบๆ

จ้าวต้าหนิวถอยหลังกลับไปทีละก้าวด้วยความรู้สึกสยดสยอง “อา…แสงสว่างเหล่านี้คือสิ่งใด? มันหนักราวกับภูเขา! กลิ่นอายนี้มันคือวิญญาณอมตะชนิดใด!?”

ซือเจิ้งอี้อาบแสงสีฟ้าเช่นกัน

ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับพลังงานในร่างกายถูกเติมเต็ม อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ขณะที่พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ขอบคุณจ้าวเหลียนหยุน ต่อไปให้เป็นหน้าที่ของข้า!”

“คนชั่ว ข้าจะสังหารเจ้า…”

“หมัด…แห่ง…ความ…ยุติธรรม!”

ซือเจิ้งอี้ตะโกนเสียงดัง ยิ่งเขาตะโกนดังเท่าใด ท่าไม้ตายอมตะของเขาก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น

หมัดแสงขนาดใหญ่พุ่งเข้าโจมตีจ้าวต้าหนิว

“บึม!”

ราวกับเสียงคำรามของท้องฟ้า การป้องกันของจ้าวต้าหนิวพังทลายลง รูเลือดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขาและสามารถมองเห็นกำแพงห้องผ่านรูนี้

“ข้า…ข้า…” ดวงตาของจ้าวต้าหนิวค่อยๆพร่าเลือนก่อนที่เขาจะล้มลงบนพื้น

“ปัง!”

ร่างของเขาหยุดเคลื่อนไหว

หลายลมหายใจต่อมา ร่างกาย ดวงวิญญาณ และมิติช่องว่างของเขาก็ถูกค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันดูดซับเข้าไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า ความยุติธรรมเป็นฝ่ายชนะ!” ซือเจิ้งอี้ชูหมัดขึ้นและตะโกน

จ้าวเหลียนหยุนเผยรอยยิ้มขบขันอยู่ด้านข้าง

…..

กำแพงภูมิภาค

เสียงคำรามของมังกรดังขึ้น “อิงอู๋เซี่ย เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”

มันคือฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาล ในที่สุดเขาก็พบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยและคณะกลายเป็นเคร่งเครียด

อิงอู๋เซี่ยบอกผู้อมตะทั้งห้าไว้ล่วงหน้าแล้วว่าฟางหยวนจะตามทันในที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมใจเอาไว้แล้ว

ตอนนี้พวกเขากำลังรอการต่อสู้ที่ดุเดือด

มังกรดาบบรรพกาลอ้าปากและเผยให้เห็นคมเขี้ยวที่แหลมคม ดวงตาของมันโหดเหี้ยมและเยือกเย็น ขณะที่มันปลดปล่อยเจตนาสังหารอันเข้มข้นออกมา

ฟางหยวนพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่กล่าวเรื่องไร้สาระ

ฆ่าเท่านั้น!

“หากต้องการสู้กับนายท่าน เจ้าต้องผ่านข้าไปก่อน” ซือหนิวผู้ภักดีก้าวออกไปข้างหน้าและยกมือขวาขึ้น

กำแพงหินพุ่งขึ้นจากพื้นดินและกลายเป็นสิ่งกีดขวาง

“บึม!”

ในพริบตากำแพงหินถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

ไห่ลั่วหลันส่งวิหคเพลิงพุ่งออกมาจากปาก

วิหคเพลิงตัวเล็กตัวน้อยพุ่งเข้าปะทะลมหายใจมังกรและระเบิดกลางอากาศ

“วิหคเพลิงพิโรธ?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

นี่เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งไฟ เขาไม่ได้คาดหวังว่าไห่ลั่วหลันจะใช้วิธีนี้

โดยเฉพาะเมื่อวิหคเพลิงเหล่านี้ทำให้ฟางหยวนนึกถึงนางมารผลาญสวรรค์

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่นางมารผลาญสวรรค์บุกโจมตีฉลามปีศาจ นางใช้ท่าไม้ตายวิหคเพลิงพิโรธและฝากความประทับใจไว้กับฟางหยวน

แต่วิหคเพลิงพิโรธของไห่ลั่วหลันยังแตกต่างจากนางมารผลาญสวรรค์

หลังจากไห่ลั่วหลันส่งมอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้กับฟางหยวน นางหันมาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟเพราะนางมีมรดกของนางมารผลาญสวรรค์

เดิมทีนางไม่ได้สนใจมันและคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ใช้งานมันตลอดชีวิต แต่ผู้ใดจะคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันและทำให้นางต้องเรียนรู้มัน

โดยธรรมชาตินางไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ

แต่นางมีวิญญาณอมตะของนางมารผลาญสวรรค์!

เมืองคลื่นทมิฬของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือถูกซ่อนเอาไว้ ผมที่หกลอบไปที่นั่นและส่งวิญญาณอมตะของนางมารผลาญสวรรค์มาให้อิงอู๋เซี่ย

หลังจากนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงมอบพวกมันให้ไห่ลั่วหลัน

ไห่ลั่วหลันมีมรดกของนางมารผลาญสวรรค์อยู่แล้ว เมื่อได้รับวิญญาณอมตะเหล่านั้น นางจึงสามารถเลียนแบบท่าไม้ตายอมตะทั้งหมดของนางมารผลาญสวรรค์

ฟางหยวนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นวิหคเพลิงพิโรธ เขาเข้าใจทุกอย่างทันที

ลมหายใจมังกรยังพุ่งเข้าโจมตีศัตรูขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งสร้างวงแหวนเมฆาขึ้นเพื่อปกป้องทุกคน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท