เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1278

ตอนที่ 1278

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1278 พังพอนหางสุนัข

แปลโดย iPAT

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นในค่ายกลวิญญาณรอง

ผู้อมตะคลื่นสมุทรไม่แปลกใจอีกต่อไป

ในช่วงเวลานี้เสาแสงลดลงเหลือห้าสิบส่วน

“ค่ายกลวิญญาณนี้น่าสนใจทีเดียว” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังเข้าหูผู้อมตะคลื่นสมุทร

“ผู้ใด?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตกใจและเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที

“เด็กน้อย อย่ากลัวและอย่าขยับ” เสียงเดิมกล่าวอีกครั้ง

ผู้อมตะคลื่นสมุทรไม่สามารถเคลื่อนไหว

เขารู้สึกราวกับอยู่ในธารน้ำแข็ง

ผู้อมตะคลื่นสมุทรป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หนึ่งในแปดผู้อมตะเกาะสวรรค์ของถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่เขากลับไม่สามารถตอบสนองก่อนที่เขาจะถูกหยุด

“เจ้าเป็นทายาทของนายท่าน ตราบเท่าที่เจ้าไม่โจมตีข้า ข้าจะไม่กินเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงสายเดิมกล่าว

จากนั้นผู้อมตะคลื่นสมุทรก็เห็นอสูรกายที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนเนินเขาปรากฎตัวขึ้น

มันเป็นสัตว์สี่เท้าที่มีขนสีม่วง

มันดูเหมือนพังพอน

ดวงตาของมันเหมือนคริสตัลสีม่วงที่งดงาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหางของมัน

มันไม่ใช่หางพังพอนแต่เป็นหางสุนัข

พังพอนหางสุนัข?

ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึงก่อนจะนึกถึงการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้

ในเวลาต่อมาจดหมายจากราชันใต้ก็ถูกส่งมายังมิติช่องว่างของผู้อมตะคลื่นสมุทร สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกส่งมาเพื่อช่วยพวกเขา มันจะจัดการศัตรูของถ้ำสวรรค์นิรันดร

“เจ้าคือพังพอนหางสุนัข ม้าของบรรพชนตะวันเดือดงั้นหรือ?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก

สัตว์ร้ายพยักหน้าก่อนจะอ้าปากกล่าว “หยุดเรียกข้าว่าม้า ข้ามีชื่อของตนเอง ข้าชื่อเหมาหลี่ชิว เรียกข้าว่าปู่เหมาก็ได้”

“เหมา ปู่เหมา!” อีกด้านหนึ่งผู้อมตะดำรู้สึกพูดไม่ออก

“เอาล่ะ ลืมค่ายกลวิญญาณนี้ไปได้เลย ไปที่แม่น้ำหวนคืนและนำหม่าหงหยุนกับวิญญาณแห่งความรักมา!” เหมาหลี่ชิวกล่าวก่อนจะส่งกรงเล็บของมันออกไป

“บึม!”

ค่ายกลวิญญาณรองที่ผู้อมตะดำสร้างขึ้นอย่างยากลำบากพังทลายลงทันที

“นี่!” ดวงตาของผู้อมตะดำแทบหลุดออกมาจากเบ้า

“หยุดพูดมาก รีบจบเรื่องนี้ ท่านปู่ผู้นี้จะรีบกลับไปนอน!” เหมาหลี่ชิวกล่าวและพ่นลมหายใจออกมา

สัตว์ร้ายบินขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่ผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทรถูกลมหายใจของเหมาหลี่ชิวดึงขึ้นไปพร้อมกัน

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของแม่น้ำหวนคืนทำให้ผู้อมตะทั้งหมดรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

แม่น้ำหวนคืนหยุดไหลเชี่ยวและเริ่มสงบลง

‘แม่น้ำหวนคืนกลับสู่สภาพปกติแล้วงั้นหรือ?’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

มีขยะจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแม่น้ำพัดพามา เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้อมตะหลายคนเลือกที่จะล่องลอยไปตามกระแสน้ำเพื่อไปยังจุดสิ้นสุดของมัน

นี่เป็นวิธีเดียวที่จะออกจากแม่น้ำหวนคืน

‘สถานการณ์ไม่ดีนัก’ ฟางหยวนยังไม่พบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและยังเดินหน้าต่อไป

บนท้องฟ้า ไป่เฉินเทียนและผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆกำลังมองลงไปที่แม่น้ำหวนคืน

เดิมทีคนเหล่านี้พยายามว่ายไปข้างหน้า แต่แม่น้ำหวนคืนยังพัดพวกเขากลับไป

ไป่เฉินเทียนตระหนักถึงสถานการณ์ แม้เขาจะสามารถเดินหน้าต่อ แต่ผู้อมะคนอื่นๆทำไม่ได้ สุดท้ายพวกเขาจึงต้องลอยไปตามกระแสน้ำและออกจากแม่น้ำหวนคืนในที่สุด

ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงกลายเป็นคนนอก หากพวกเขาโจมตีแม่น้ำหวนคืน มันจะสะท้อนกลับไปหาพวกเขา

ในไม่ช้าไป่เฉินเทียนก็พบฟางหยวนที่อยู่ในแม่น้ำหวนคืน

“การต่อสู้ของพวกเราสามารถมองข้ามตราบเท่าที่เจ้าส่งมอบวิญญาณความใคร่” ไป่เฉินเทียนส่งเสียงไปหาฟางหยวน

“นี่คือผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับท่านไป่เฉินเทียนได้อย่างเท่าเทียมงั้นหรือ? เขาฝึกฝนมาอย่างไร?” ผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆมองฟางหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและไม่สนใจไป่เฉินเทียน

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางโกรธมาก “ช่างกล้าหาญนัก! เจ้ากล้าดูหมิ่นท่านไป่เฉินเทียนงั้นหรือ?”

ไป่เฉินเทียนก่นเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถทำสิ่งใดหากเจ้าซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำงั้นหรือ?”

“เจ้าควรกังวลเรื่องของตนเองก่อน ที่นี่ไม่ใช่ภาคกลาง” ฟางหยวนตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว

ความกังวลของไป่เฉินเทียนถูกเปิดเผย แต่เขายังแสดงออกด้วยความไม่แยแสและเริ่มบินออกไป

เรื่องของฟางหยวนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยหากเปรียบเทียบกับจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุน

พังพอนหางสุนัขทำลายค่ายกลวิญญาณรองไปแล้ว ดังนั้นสถานการณ์ของแม่น้ำหวนคืนจึงสามารถสังเกตุเห็นได้โดยง่าย

ขยะถูกกวาดออกไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มีเพียงผู้อมตะบางส่วนที่ยังอยู่ในแม่น้ำ

มู่หลิงหลาน จ้าวเหลียนหยุน และหม่าหงหยุนอยู่ด้านหน้าสุด

กลุ่มที่สองได้แก่ ปีศาจอมตะเซี่ยหู ราชันภูเขาม่วง และท่านหญิงหว่านซู

กลุ่มที่สามคือ ผู้อมตะระดับแปดเว่ยหลิงหยางและกลุ่มผู้อมตะของภาคกลาง

กลุ่มที่สี่ประกอบด้วย อิงอู๋เซี่ยและสมาชิกนิกายเงา ตลอดไปถึงผู้นำยอดเขาหิมะ

และกลุ่มที่ห้ามีเพียงฟางหยวนผู้เดียว เมื่อเขาถูกแม่น้ำหวนคืนดูดกลืนเข้ามา เขาอยู่ไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงตกลงไปส่วนท้ายของแม่น้ำ

สถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าสนใจ

“เร็ว ว่ายไปข้างหน้า!” มู่หลิงหลานกล่าวด้วยความกังวลเมื่อมองเห็นปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วง

กลุ่มที่สองของปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงกำลังตามจับหม่าหงหยุน

กลุ่มที่สามของเว่ยหลิงหยางไม่ต้องการยอมแพ้ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถขัดขวางปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วง หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนจะมีโอกาสรอด

อิงอู๋เซี่ยและกลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะมีความคิดเช่นเดียวกับเว่ยหลิงหยาง พวกเขาอยู่ด้านหลังแต่ยังมีความหวัง

“ดูข้างหลังเร็วเข้า!” ไห่ลั่วหลันตื่นตระหนก

อิงอู๋เซี่ยหันหลังกลับด้วยหัวใจเต้นแรง “เขาตามพวกเรามาถึงที่นี่จริงๆ!”

แม่น้ำหวนคืนสงบลงแล้ว ไม่มีขยะเหลืออยู่ ดังนั้นวิสัยทัศน์ของทุกคนจึงกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้อิงอู๋เซี่ยจึงสามารถมองเห็นฟางหยวน

ฟางหยวนไม่รู้ถึงการคงอยู่ของราชันภูเขาม่วง

แม้เขาจะมองเห็นปีศาจอมตะเซี่ยหู แต่ราชันภูเขาม่วงมีร่างกายเล็กเกินไป มันยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ฟางหยวนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้เขาจะพบไป่เฉินเทียน แต่เขาก็รู้เพียงว่าเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดขึ้นที่นี่ ส่วนฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ ไป่เฉินเทียนจะบอกเขางั้นหรือ?

ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่ยินดีทิ้งโอกาสสังหารกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยเพื่อกำจัดภัยคุกคาม

ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายขึ้น เขาตัดสินใจว่ายน้ำเร็วขึ้น

“เขาเป็นศัตรูของเรางั้นหรือ?” ผู้นำยอดเขาหิมะเย้ยหยันฟางหยวน “มาร่วมมือกันฆ่าเขา! สถานการณ์ด้านนอกค่อนข้างซับซ้อน มีผู้อมตะอยู่มากมาย แต่ที่นี่เขาอยู่เพียงลำพัง!”

หลังกล่าวจบประโยค กลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะก็เตรียมพร้อมโจมตี

อิงอู๋เซี่ยเตรียมเคลื่อนไหวเช่นกัน

หากพวกเขาสามารถสังหารฟางหยวนได้ในเวลานี้ พวกเขาอาจได้รับร่างทารกอมตะกลับคืน นี่เป็นโอกาสที่ดี

‘อย่างไรก็ตาม…ร่างทารกอมตะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ ข้าควรไปพบท่านสีม่วงก่อน ร่างหลักของเรายังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน’ อิงอู๋เซี่ยคิดและตัดสินใจ

“มากับเรา เราจะไปพบท่านเซี่ยหู คนผู้นี้ไม่สำคัญ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือผู้อมตะภาคกลาง” อิงอู๋เซี่ยไม่ได้เปิดเผยตัวตนของฟางหยวน แต่เขาประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวกลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะ

“ถูกต้อง ไปรวมกลุ่มกับนายท่านเซี่ยหูกันเถอะ!” ผู้นำยอดเขาหิมะไม่สามารถออกจากแม่น้ำหวนคืนในช่วงเวลานี้

เพราะผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางบินอยู่บนท้องฟ้า หากพวกเขาออกไป พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นการอยู่ในแม่น้ำหวนคืนย่อมปลอดภัยกว่า

แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักว่าการว่ายอยู่ในแม่น้ำหวนคืนไม่ใช่เรื่องง่าย

ในสภาพแวดล้อมพิเศษนี้ พวกเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าและถูกผลักกลับไปอย่างต่อเนื่อง

ในตำนาน มนุษย์คนแรกล้มเหลวในแม่น้ำหวนคืนเช่นกัน

ไม่มีผู้ใดคิดว่าตนเองจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่มนุษย์คนแรกยังล้มเหลว แต่ในสถานการณ์นี้ผู้อมตะทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเองที่จะอยู่ในแม่น้ำหวนคืน

“หม่าหงหยุน…อย่าคิดว่าจะสามารถหลบหนี!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวเสียงเย็นโดยมีท่านหญิงหว่านซูอยู่ข้างกาย

“เร็ว เร็วอีก พวกเขากำลังจะตามทัน!” มู่หลิงหลานและหม่าหงหยุนลากจ้าวเหลียนหยุนไปข้างหน้า

“เทพธิดาจ้าวอดทนไว้ พวกเราจะไปถึงในไม่ช้า!” เว่ยหลิงหยางตะโกน

ด้านอิงอู๋เซี่ย เขารู้สึกปวดหัวกับฟางหยวนที่ไล่ล่ามาจากด้านหลัง เขาพยายามว่ายไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น

“อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนลดระยะห่างของเขากับอิงอู๋เซี่ยได้อย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้าคนแรกที่ไม่สามารถอดทนได้ก็ปรากฏตัวขึ้น

มันคือหนึ่งในผู้นำยอดเขาหิมะ

เขาใช้พละกำลังทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงปล่อยตัวลอยไปตามกระแสน้ำเท่านั้น

ฟางหยวนหลีกเลี่ยงคนผู้นี้

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับสิ่งนี้ หากเขาหยุด เขาจะถูกผลักถอยหลังเช่นกัน แม้เขาจะสามารถสังหารศัตรู แต่ความก้าวหน้าของเขาก็จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

“ระวัง!” บนท้องฟ้า ไป่เฉินเทียนตะโกน

“ในที่สุดข้าก็ตามทัน เจ้าหนู” ปีศาจอมตะเซี่ยหูอยู่ข้างหลังกลุ่มของจ้าวเหลียนหยุนแล้ว

จ้าวเหลียนหยุนรู้ว่าตนเองไม่มีพละกำลังเหลืออยู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะเป็นภาระของหม่าหงหยุน

นางมองหม่าหงหยุนด้วยความรักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดิ้นรนออกจากมือของเขาและทิ้งตัวลอยกลับหลังไปทางปีศาจอมตะเซี่ยหู

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท