เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1270

ตอนที่ 1270

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1270 ค่ายกลวิญญาณหลักและรอง

แปลโดย iPAT

ร่างจิ๋วกรีดร้องขณะใช้ท่าไม้ตาย “ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่…”

ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าร่างกายของมนุษย์จิ๋วก็มีขนาดเท่ากับมนุษย์ปกติ

นอกจากนี้ปีกบนแผ่นหลังของเขายังหายไปทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะทั้งหมดสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของผู้อมตะลึกลับได้อย่างชัดเจน

เขาเป็นชายชราที่ไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ ลักษณะพิเศษเพียงอย่างเดียวของเขาคือเส้นผมสีม่วงที่ดูยุ่งเหยิงราวกับขอทาน

“อา…” ไท่เป่ยหยุนเฉิงน้ำตาไหลนอง เขาคุกเข้าลงและกล่าวด้วยด้วยตื่นเต้น “ท่านอาจารย์!”

“โอ้ เป็นเจ้า ข้าจำได้ว่าข้ามอบมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งกาลเวลาให้เจ้า” ผู้อมตะระดับแปดยิ้ม

“แม้แผนการของนิกายจะประสบความสำเร็จ แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…” อิงอู๋เซี่ยเร่งข้อมูลให้กับชายชราผมม่วง

หลังจากชั่วครู่ชายชราผมม่วงก็เข้าใจทุกสิ่ง

“น่าเสียดายที่เจตจำนงสวรรค์ได้รับชัยชนะ”

“แต่ยังมีความหวัง”

“อิงอู๋เซี่ย เจ้าทำได้ดีแล้ว นี่เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเจ้าจริงๆ”

“และไท่เป่ยหยุนเฉิง ยืนขึ้น”

“ตอนนี้ในขณะที่ข้ายังมีสติ เราจะร่วมมือกับเซี่ยหูและกำจัดผู้อมตะภาคกลาง!”

สถานการณ์เลวร้าย ชายชราผมม่วงตระหนักว่าผู้อมตะระดับแปดเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้

เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายของเขากลายเป็นแสงสีม่วงบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและยืนเคียงข้างปีศาจอมตะเซี่ยหู

“สหาย ชื่อของเจ้าคือ?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่แปลกใจ ท่านหญิงหว่านซูลอบแจ้งข่าวเกี่ยวกับนิกายเงาให้เขาทราบแล้ว

ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญลึกลับ ปีศาจอมตะเซี่ยหูตื่นเต้นมาก

“ข้ามีหลายชื่อ แต่…” ชายชราผมม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียกข้าว่าราชันภูเขาม่วง”

เมื่อถึงจุดนี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงก็ร่วมมือกันจัดการผู้อมตะระดับแปดของภาคกลาง

ราชันภูเขาม่วงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เขาจะโจมตีเพียงเล็กน้อย แต่การโจมตีแต่ละครั้งของเขากลับมีประสิทธิภาพสูงมากและสามารถเปลี่ยนสถานการณ์

ผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ธรรมดา การคงอยู่ของราชันภูเขาม่วงช่วยปีศาจอมตะเซี่ยหูได้มาก

เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินทียนต่อสู้อย่างสิ้นหวัง พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่แต่ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

หลังจากต่อสู้มากกว่าสิบรอบ พวกเขาก็ถูกบังคับให้กลับเข้าไปในค่ายนักรบ

ผู้นำยอดเขาหิมะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มโห่ร้องด้วยความยินดี

ผลการต่อสู้ครั้งนี้ชัดเจนมาก ใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุนและผู้อมตะอีกสี่คนกลายเป็นซีดเผือด

สถานการณ์เลวร้ายลง ความหวังในการรอดชีวิตของพวกเขาก็ลดน้อยลงเช่นกัน แล้วพวกเขาควรทำอย่างไร?

ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ มังกรดาบบรรพกาลซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆ ‘นิกายเงามีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะจริงๆ…’

‘แล้วเหตุใดฉินไป่เฉิงไม่ขอความช่วยเหลือจากกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะเมื่อเขาต่อสู้กับฟงจิวเก้อในหุบเขาเหล่าโป?’

‘หรือบางทีความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจไม่ลึกซึ้งนัก’

ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคบอกฟางหยวนว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและยังไม่ได้จากไป

การไล่ล่าของฟางหยวนถูกขัดขวางแต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้และกำลังรอคอยโอกาสอยู่อย่างเงียบๆ

ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันลี้ผู้อมตะสองคนบินลงมาจากท้องฟ้า

พวกเขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์นิรันดร์

“มันคือที่นี่” ผู้อมตะดำกล่าวและใช้วิญญาณบางดวงสร้างแสงสีรุ้งขึ้น

ผู้อมตะคลื่นสมุทรเร่งถาม “เจ้าต้องการให้ข้าดูแลค่ายกลวิญญาณนี้หรือไม่?”

ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “เข้าไปพร้อมกัน”

หลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในค่ายกลวิญญาณ

ผู้อมตะคลื่นสมุทรตกใจ “ค่ายกลวิญญาณของเจ้าช่างทรงพลังนัก แต่…”

เขาลังเลเล็กน้อย

“แต่อันใด?” ผู้อมตะดำรู้สึกสนใจ

ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง “แต่ข้ารู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ มันยังขาดบางสิ่ง มันน่าจะเชื่อมต่อกับทะเลสาบ”

ผู้อมตะดำขมวดคิ้วและจะปรบมือยกย่อง “ดังคาด เจ้าเป็นกึ่งปรมาจารณ์เอกบนเส้นทางแห่งวารี เจ้ามีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ถูกต้อง ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นเพียงส่วนรอง ยังมีค่ายกลวิญญาณหลักที่เชื่อมต่อกับมัน”

“เช่นนั้นค่ายกลวิญญาณหลักอยู่ที่ใด?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว

แต่ก่อนที่ผู้อมตะดำจะตอบคำถาม ผู้อมตะคลื่นสมุทรกลับเกิดแรงบันดาลใจและตระหนักว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ค่ายกลวิญญาณหลักคือค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ!”

“ถูกต้อง” ผู้อมตะดำหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับมอบหมายให้แสดงตัวในฐานะซุนหมิงลู่และสร้างค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันให้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูโดยใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืน แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือแต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าข้าคือผู้ใด”

“ตอนนี้ตราบเท่าที่ข้าเปิดใช้งานค่ายกลวิญญาณนี้ ข้าสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันและดึงแม่น้ำหวนคืนให้มาที่นี่”

“เมื่อค่ายกลวิญญาณพังทลายลง ทุกคนและทุกสิ่งในรัศมีหนึ่งพันลี้รอบแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะถูกแม่น้ำหวนคืนดึงดูดมาที่นี่”

ผู้อมตะดำกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึง “ในกรณีนี้ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่จะไม่ถูกส่งมาที่นี่ด้วยงั้นหรือ?”

ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งตกลงไป แม้จะเป็นผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถใช้วิญญาณของพวกเขา ในตำนานมนุษย์คนแรก เมื่อเขาเดินทางไปในแม่น้ำหวนคืน เขาไม่ได้ใช้วิญญาณแม้แต่ดวงเดียว”

“เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียงของเรา?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรรู้สึกตื่นเต้น

แต่ผู้อมตะดำกลับส่ายศีรษะอีกครั้ง “พวกเราอยู่ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน หากเราโจมตี มันจะสะท้อนการโจมตีเหล่านั้นกลับมาหาพวกเรา นี่คือความหมายของคำว่าหวนคืน”

ผู้อมตะคลื่นสมุทรสับสน “แล้วเราจะช่วยหม่าหงหยุนและจับจ้าวเหลียนหยุนได้อย่างไร?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อมตะดำหัวเราะ “เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าแม่น้ำหวนคืนอยู่ภายใต้การควบคุมของค่ายกลวิญญาณรองและค่ายกลวิญญาณหลักของข้า”

“เมื่อค่ายกลวิญญาณหลักพังทลาย แม่น้ำหวนคืนจะไหลมาหาพวกเรา เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะจัดการลำดับการเคลื่อนที่ของทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ จ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุนจะอยู่ด้านหน้าสุด”

“ท่านหญิงหว่านซูและคนอื่นๆจะอยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าผู้อมตะระดับแปดจะถูกทิ้งไว้หลังสุด”

“ช่างอัศจรรย์นัก!” ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย เขาปรบมือ “ด้วยวิธีนี้ท่านหญิงหว่านซูและคนอื่นๆจะต่อสู้เพื่อก้าวมาข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ขณะที่พวกเราจะรอจับตัวเป้าหมายอยู่ที่นี่”

“อย่างไรก็ตาม…” ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว “หากจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุนไม่สามารถอดทน พวกเขาจะเป็นเหมือนมนุษย์คนแรกและถูกพัดไปตามแม่น้ำหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาอาจถูกพัดไปอยู่ด้านหลังผู้อมตะคนอื่นๆ สิ่งนี้จะไม่ทำลายแผนการของพวกเรางั้นหรือ?”

ผู้อมตะดำเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผนการของข้า แต่การเดินทางในแม่น้ำหวนคืนไม่เกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะ หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนไม่ได้เสียเปรียบ”

“แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แน่นอน” ผู้อมตะคลื่นสมุทรยังไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้

ผู้อมตะดำยักไหล่ “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดจากผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นข้า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว พวกเรามีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดสองคนขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีผู้อมตะระดับแปดถึงสี่คน!”

ผู้อมตะคลื่นสมุทรพูดไม่ออก เขาต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือขีดจำกัดของพวกเขาจริงๆ

ในความเป็นจริงมันน่าประทับใจมากแล้วที่ผู้อมตะดำสามารถทำได้ถึงระดับนี้

“อย่ากังวล เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการของท่านราชันใต้เท่านั้น เขาย่อมมีแผนการอื่นอยู่อีกแน่นอน เราเพียงต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด เท่านั้นก็พอแล้ว” ผู้อมตะดำตบไหล่ปลอบใจผู้อมตะคลื่นสมุทร

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท