เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1280 ความพยายามของแต่ละคน
แปลโดย iPAT
ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน
ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการฆ่าไป่เฉินเทียน แต่ในจังหวะนี้พังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวกลับปรากฎตัวขึ้น
‘เหตุใดพังพอนตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่ว่ามันควรอยู่ในถ้ำตลอดเวลางั้นหรือ?’ ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกประหลาดใจ
พังพอนหางสุนัขตัวนี้มีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นพาหนะของเทพอมตะตะวันเดือด มันมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน เห็นได้ชัดว่ามันมีวิธียืดอายุขัย
พลังงานแห่งเต๋าของพังพอนหางสุนัขแปลกประหลาดและลึกลับมาก
ยิ่งมันอายุมากขึ้น หางสุนัขของมันก็ยิ่งหดสั้นลง เมื่อมันใกล้ตาย หางสุนัขของมันจะหายไปจนหมด
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มันรู้สึกว่าชีวิตของมันกำลังจะสิ้นสุดลง มันจะกินสุนัขอสูรเดียวดายเพื่อยืดอายุขัยให้กับตัวมันเอง ด้วยวิธีนี้หางของมันจะงอกออกมาและทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป
เทพอมตะตะวันเดือดใช้วิญญาณอมตะมอบสติปัญญาให้กับพังพอนหางสุนัขและทำให้มันสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ
เดิมทีมันก็เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อมันได้รับสติปัญญาและสามารถใช้วิธีการของผู้อมตะ ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งมาก
กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูยังต้องระวังมัน
ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการสังหารไป่เฉินเทียน แต่เมื่อพังพอนหางสุนัขปรากฎตัว เขาจึงต้องยกเลิกแผนการนี้
“ผู้ใดจะคิดว่าเหมาหลี่ชิวจะช่วยชีวิตข้าไว้!” ไป่เฉินเทียนสูดหายใจลึกและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขารู้เรื่องพังพอนหางสุนัขตัวนี้เช่นกัน
สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้มีชื่อเสียงมาก
ปีศาจอมตะเซี่ยหูกวาดมองผู้อมตะของถ้ำสวรรค์นิรันดรสองคนที่มาพร้อมกับพังพอนหางสุนัข
เขามองผู้อมตะดำและหัวเราะเสียงเย็น “คัดคาด ซุนหมิงลู่ เจ้าเป็นสมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดรจริงๆ! ผู้ใดจะคิดว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรจะลดตัวลงมาทำเรื่องเช่นนี้”
เขาเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเห็นผู้อมตะดำ มันก็เหมือนได้รับการยืนยัน
ผู้อมตะดำทักทายปีศาจอมตะเซี่ยหูอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านเซี่ยหู เราพบกันอีกครั้ง ข้าเป็นหนึ่งในแปดผู้อมตะเกาะสวรรค์ของถ้ำสวรรค์นิรันดร ผู้อมตะดำ ซุนหมิงลู่เป็นเพียงชื่อที่ข้าใช้เดินทางในภาคเหนือเท่านั้น”
ปีศาจอมตะเซี่ยหัวก่นเสียงเย็นแต่เขาไม่ได้โจมตี
เพราะผู้อมตะดำมาพร้อมกับพังพอนหางสุนัข
ไม่ใช่ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจะหวาดกลัวพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิว แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นเหตุการณ์ในแม่น้ำหวนคืน
เมื่อสถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนยังไม่ได้รับการยืนยัน มันจึงไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้ มิฉะนั้นบุคคลที่สามจะได้รับประโยชน์
หลังจากผู้อมตะดำทักทายปีศาจอมตะเซี่ยหู สายตาของเขาก็หันไปทางหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน
“ท่านปู่เหมา สองคนข้างหน้าคือเป้าหมายของเรา!” ผู้อมตะดำเตือนพังพอนหางสุนัข
ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เสียงหัวเราะเของปีศาจอมตะเซี่ยหูยิ่งเย็นชามากขึ้น
แต่เหมาหลี่ชิวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ให้พวกเขาตัดสินแพ้ชนะ เราจะรออยู่ที่นี่ แม่น้ำหวนคืนสามารถสะท้อนการโจมตีกลับมาหาพวกเรา แล้วเหตุใดข้าต้องใช้ความพยายามทำบางสิ่ง ข้าจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการเสียเวลาและไร้ประโยชน์!”
มันหยุดก่อนกล่าวต่อ “อย่ากังวล คนเหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน ยิ่งว่ายไปไกลเท่าใด มันก็ยิ่งยากลำบากเท่านั้น ทุกความพยายามและความมุ่งมั่นจะถูกชะล้างโดยแม่น้ำหวนคืน”
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามต่างระวังตัวและไม่ได้เข้าสู่การต่อสู้
สถานการณ์นอกแม่น้ำกลายเป็นหยุดชะงัก ดังนั้นผู้อมตะทั้งหมดจึงมองไปที่แม่น้ำหวนคืน
ภายในแม่น้ำ
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังคงเป็นผู้นำ
ราชันภูเขาม่วงเป็นอันดับสอง ตอนนี้เขาเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นกว่าก่อนหน้า
อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงอยู่ในอันดับสาม
อันดับสี่คือฟางหยวน
อันดับห้าถูกยึดครองโดยเว่ยหลิงหยางและผู้อมตะภาคกลาง
ราชันภูเขาม่วงเคลื่อนไหวด้วยแขนขาทั้งสี่และยังกระพือปีกเป็นครั้งคราว
‘ข้าต้องอดทน ข้าต้องจับสองคนนี้เพื่อควบคุมปีศาจอมตะเซี่ยหูและจัดการผู้อมตะภาคกลาง!’
ราชันภูเขาม่วงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
แต่แม่น้ำหวนคืนยังโจมตีเจตจำนงในใจของเขา
เขายักไหล่และพยายามขจัดความลังเลในใจ
‘เก้าหมื่นปีก่อนเมื่อเจตจำนงสวรรค์โจมตี ข้าใช้ความพยายามทั้งหมดและพบความหวังที่จะรอดชีวิต ด้วยการผนึกตัวข้าเอง ข้ากลายเป็นก้อนหินสีม่วงทอง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจตจำนงสวรรค์ยังต้องการทำร้ายข้าและบังคับให้ข้าเข้าสู่สถานการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้!’
‘ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าตื่นขึ้นหลายครั้งและประสบอันตรายมามากมาย ข้ารอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายเงา’
‘ตอนนี้ร่างหลักของข้าประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะแต่มันถูกขโมยไป’
‘ร่างหลักติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอันใหญ่หลวง’
‘นิกายเงาที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นเงาของอดีต ข้าไม่สามารถล้มเหลวในครั้งนี้ ข้าต้องอดทน!’
‘ข้ากำลังจะทำสำเร็จ!’
ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น เขาอยู่ใกล้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหลุนมาก
“โอ้ ไม่ ราชันภูเขาม่วงกำลังจะถึงตัวหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน!’ ผู้อมตะภาคกลางเต็มไปด้วยความกังวล
ปีศาจอมตะเซี่ยหูและอิงอู๋เซี่ยแสดงออกอย่างมีความสุข
“พวกเราจะทำอย่างไร?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะโกน
“ไม่ทำ!” เหมาหลี่ชิวกลอกตา “เว้นเพียงพวกเขาจะออกมา”
“อ๊าก…” แต่ในจังหวะนี้ราชันภูเขาม่วงกลับยกมือขึ้นกุมศีรษะของตนเองและกรีดร้อง เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนักขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงออกด้วยความเจ็บปวด
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ทุกคนตะลึงและมึนงง
‘มันเกิดขึ้นแล้ว บัดซบ!’ อิงอู๋เซี่ยลอบสาปแช่งเจตจำนงสวรรค์อยู่ภายใน
ในช่วงเวลาสำคัญราชันภูเขาม่วงตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและลอยไปตามกระแสน้ำ
โชคดีที่อิงอู๋เซี่ยอยู่ด้านหลังราชันภูเขาม่วงและสามารถคว้าร่างของเขาเอาไว้
ดังนั้นหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนจึงรอดพ้นจากอันตรายและยังอยู๋ในตำแหน่งเดิม
ราชันภูเขาม่วงร่วงหล่นลงไป กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นลำดับที่สอง
ที่สามคือฟางหยวน
และที่สี่คือกลุ่มของเว่ยหลิงหยาง
“ท่านเว่ยหลิงหยาง ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว!” ไป่เฉินเทียนรู้สึกมีความสุขมาก
ผู้อมตะภาคกลางต่างโห่ร้องให้กำลังใจ
นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้อมตะภาคกลางที่เกิดบางสิ่งขึ้นกับราชันภูเขาม่วง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะที่ไม่รู้จักฟางหยวน พวกเขารู้สึกว่าตอนนี้เหลือเพียงเว่ยหลิงหยางเท่านั้นที่เป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยังอยู่ในแม่น้ำหวนคืน ดังนั้นเขาต้องได้รับชัยชนะ
เว่ยหลิงหยางกัดฟันแน่น
ความยากลำบากในการว่ายน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือแม่น้ำหวนคืนส่งผลกระทบต่อทุกความคิดของเขา
ทุกความพยายามจะถูกกีดขวางโดยแม่น้ำหวนคืน
ความคิดมากมายของเขาถูกชะล้างออกไป แต่มีอยู่ความคิดหนึ่งที่ติดแน่นอยู่ในใจของเว่ยหลิงหยาง
“ข้าต้องอดทน!”
“ข้าเป็นความหวังเดียวของภาคกลาง หากเราสามารถจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน เราจะได้รับชัยชนะ!”
“ข้าล้มเหลวไม่ได้!”
“ความภาคภูมิใจของภาคกลาง เกียรติยศของวังสวรรค์ พวกมันจะไม่ถูกทำลายเพราะข้า!”
เว่ยหลิงหยางว่ายไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเล
ผู้อมตะภาคกลางที่อยู่รอบๆติดตามเขาไปเช่นกัน
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกลายเป็นกองกำลังใหญ่ที่สุดและสะดุดตาที่สุดในแม่น้ำหวนคืน
กระทั่งเหมาหลี่ชิวยังต้องกล่าว “โอ้ ดูเหมือนผู้อมตะภาคกลางจะมีข้อได้เปรียบ ฮืม วังสวรรค์ยังชอบวุ่นวายไปทั่ว แต่อย่าลืมว่าหม่าหงหยุนเป็นคนเหนือ!”
ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้ว
เขามองเหมาหลี่ชิวกับปีศาจอมตะเซี่ยหูที่แสดงออกอย่างเย็นชาและรู้สึกกังวล ‘แม้เว่ยหลิงหยางจะได้รับชัยชนะ แต่จะเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อพวกเขาออกจากแม่น้ำหวนคืน?’
ไป่เฉินเทียนคิดในทุกแง่มุม แต่เขายังไม่สามารถหลบหนีและทำได้เพียงเฝ้ามองต่อไปเท่านั้น
เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที
สถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนยังเหมือนเดิม
หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอยู่ด้านหน้าสุด
กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ลำดับที่สอง
ฟางหยวนเป็นอันดับสาม
และกลุ่มของเว่ยหลิงหยางเป็นอันดับสี่
ตำแหน่งไม่เปลี่ยนแปลงแต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“โอ้ คนเหล่านี้ยังอดทนมาถึงจุดนี้ แปลก เหตุใดที่นี่ถึงมีคนโดดเด่นมากมายนัก?” เหมาหลี่ชิวกล่าว “ดังคาด ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ในยุคที่เทพอมตะจะถือกำเนิด อัจฉริยะมากมายจะปรากฏตัวขึ้น”
ดวงตาของไป่เฉินเทียนส่องประกายขึ้นเช่นกัน
เขากำลังประเมินผู้อมตะภาคกลางและจดจำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้
คนเหล่านี้มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ หากพวกเขาเติบโตต่อไปโดยปราศจากอุบัติเหตุ พวกเขาจะเป็นเสาหลักที่สำคัญของแต่ละนิกายอย่างแน่นอน
‘อดทนไว้! ภารกิจปกป้องเทพธิดาจ้าวอยู่ในมือของข้า ข้าไม่สามารถยอมแพ้!’ ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้ว
‘เช่นเดียวกับการหลอมรวมวิญญาณ ไม่ว่ามันจะยากลำบากเพียงใดหรือเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดา ตราบเท่าที่ข้าอดทน ข้าจะได้รับสิ่งตอบแทน!’ อวี๋อี้เย่ซือให้กำลังใจตนเอง
ซือเจิ้งอี้แสดงออกด้วยความโกรธ ‘ท่านมู่หลิงหลานเสียสละตนเองเพื่อปกป้องเทพธิดาจ้าว แล้วข้าจะถอยกลับได้อย่างไร? ข้าต้องทำงานอย่างหนัก! ซือเจิ้งอี้! เพื่อเห็นแก่ความรักและความยุติธรรม เจ้าไม่สามารถถอย!’
ฟางหยวนจ้องมองอิงอู๋เซี่ยอย่างไร้อารมณ์ ‘ความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก ผู้อมตะระดับแปดที่กำลังบ้าคลั่งผู้นี้ต้องเป็นสมาชิกของนิกายเงา ข้าต้องฆ่าเขา ข้าต้องกำจัดพวกเขาทั้งหมด! แม่น้ำหวนคืน มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ข้าจะกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด!’