เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1280

ตอนที่ 1280

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1280 ความพยายามของแต่ละคน

แปลโดย iPAT

ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน

ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการฆ่าไป่เฉินเทียน แต่ในจังหวะนี้พังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวกลับปรากฎตัวขึ้น

‘เหตุใดพังพอนตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่ว่ามันควรอยู่ในถ้ำตลอดเวลางั้นหรือ?’ ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกประหลาดใจ

พังพอนหางสุนัขตัวนี้มีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นพาหนะของเทพอมตะตะวันเดือด มันมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน เห็นได้ชัดว่ามันมีวิธียืดอายุขัย

พลังงานแห่งเต๋าของพังพอนหางสุนัขแปลกประหลาดและลึกลับมาก

ยิ่งมันอายุมากขึ้น หางสุนัขของมันก็ยิ่งหดสั้นลง เมื่อมันใกล้ตาย หางสุนัขของมันจะหายไปจนหมด

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มันรู้สึกว่าชีวิตของมันกำลังจะสิ้นสุดลง มันจะกินสุนัขอสูรเดียวดายเพื่อยืดอายุขัยให้กับตัวมันเอง ด้วยวิธีนี้หางของมันจะงอกออกมาและทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป

เทพอมตะตะวันเดือดใช้วิญญาณอมตะมอบสติปัญญาให้กับพังพอนหางสุนัขและทำให้มันสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ

เดิมทีมันก็เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อมันได้รับสติปัญญาและสามารถใช้วิธีการของผู้อมตะ ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งมาก

กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูยังต้องระวังมัน

ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการสังหารไป่เฉินเทียน แต่เมื่อพังพอนหางสุนัขปรากฎตัว เขาจึงต้องยกเลิกแผนการนี้

“ผู้ใดจะคิดว่าเหมาหลี่ชิวจะช่วยชีวิตข้าไว้!” ไป่เฉินเทียนสูดหายใจลึกและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เขารู้เรื่องพังพอนหางสุนัขตัวนี้เช่นกัน

สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้มีชื่อเสียงมาก

ปีศาจอมตะเซี่ยหูกวาดมองผู้อมตะของถ้ำสวรรค์นิรันดรสองคนที่มาพร้อมกับพังพอนหางสุนัข

เขามองผู้อมตะดำและหัวเราะเสียงเย็น “คัดคาด ซุนหมิงลู่ เจ้าเป็นสมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดรจริงๆ! ผู้ใดจะคิดว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรจะลดตัวลงมาทำเรื่องเช่นนี้”

เขาเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเห็นผู้อมตะดำ มันก็เหมือนได้รับการยืนยัน

ผู้อมตะดำทักทายปีศาจอมตะเซี่ยหูอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านเซี่ยหู เราพบกันอีกครั้ง ข้าเป็นหนึ่งในแปดผู้อมตะเกาะสวรรค์ของถ้ำสวรรค์นิรันดร ผู้อมตะดำ ซุนหมิงลู่เป็นเพียงชื่อที่ข้าใช้เดินทางในภาคเหนือเท่านั้น”

ปีศาจอมตะเซี่ยหัวก่นเสียงเย็นแต่เขาไม่ได้โจมตี

เพราะผู้อมตะดำมาพร้อมกับพังพอนหางสุนัข

ไม่ใช่ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจะหวาดกลัวพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิว แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นเหตุการณ์ในแม่น้ำหวนคืน

เมื่อสถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนยังไม่ได้รับการยืนยัน มันจึงไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้ มิฉะนั้นบุคคลที่สามจะได้รับประโยชน์

หลังจากผู้อมตะดำทักทายปีศาจอมตะเซี่ยหู สายตาของเขาก็หันไปทางหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน

“ท่านปู่เหมา สองคนข้างหน้าคือเป้าหมายของเรา!” ผู้อมตะดำเตือนพังพอนหางสุนัข

ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

เสียงหัวเราะเของปีศาจอมตะเซี่ยหูยิ่งเย็นชามากขึ้น

แต่เหมาหลี่ชิวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ให้พวกเขาตัดสินแพ้ชนะ เราจะรออยู่ที่นี่ แม่น้ำหวนคืนสามารถสะท้อนการโจมตีกลับมาหาพวกเรา แล้วเหตุใดข้าต้องใช้ความพยายามทำบางสิ่ง ข้าจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการเสียเวลาและไร้ประโยชน์!”

มันหยุดก่อนกล่าวต่อ “อย่ากังวล คนเหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน ยิ่งว่ายไปไกลเท่าใด มันก็ยิ่งยากลำบากเท่านั้น ทุกความพยายามและความมุ่งมั่นจะถูกชะล้างโดยแม่น้ำหวนคืน”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามต่างระวังตัวและไม่ได้เข้าสู่การต่อสู้

สถานการณ์นอกแม่น้ำกลายเป็นหยุดชะงัก ดังนั้นผู้อมตะทั้งหมดจึงมองไปที่แม่น้ำหวนคืน

ภายในแม่น้ำ

หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังคงเป็นผู้นำ

ราชันภูเขาม่วงเป็นอันดับสอง ตอนนี้เขาเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นกว่าก่อนหน้า

อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงอยู่ในอันดับสาม

อันดับสี่คือฟางหยวน

อันดับห้าถูกยึดครองโดยเว่ยหลิงหยางและผู้อมตะภาคกลาง

ราชันภูเขาม่วงเคลื่อนไหวด้วยแขนขาทั้งสี่และยังกระพือปีกเป็นครั้งคราว

‘ข้าต้องอดทน ข้าต้องจับสองคนนี้เพื่อควบคุมปีศาจอมตะเซี่ยหูและจัดการผู้อมตะภาคกลาง!’

ราชันภูเขาม่วงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

แต่แม่น้ำหวนคืนยังโจมตีเจตจำนงในใจของเขา

เขายักไหล่และพยายามขจัดความลังเลในใจ

‘เก้าหมื่นปีก่อนเมื่อเจตจำนงสวรรค์โจมตี ข้าใช้ความพยายามทั้งหมดและพบความหวังที่จะรอดชีวิต ด้วยการผนึกตัวข้าเอง ข้ากลายเป็นก้อนหินสีม่วงทอง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจตจำนงสวรรค์ยังต้องการทำร้ายข้าและบังคับให้ข้าเข้าสู่สถานการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้!’

‘ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าตื่นขึ้นหลายครั้งและประสบอันตรายมามากมาย ข้ารอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายเงา’

‘ตอนนี้ร่างหลักของข้าประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะแต่มันถูกขโมยไป’

‘ร่างหลักติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอันใหญ่หลวง’

‘นิกายเงาที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นเงาของอดีต ข้าไม่สามารถล้มเหลวในครั้งนี้ ข้าต้องอดทน!’

‘ข้ากำลังจะทำสำเร็จ!’

ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น เขาอยู่ใกล้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหลุนมาก

“โอ้ ไม่ ราชันภูเขาม่วงกำลังจะถึงตัวหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน!’ ผู้อมตะภาคกลางเต็มไปด้วยความกังวล

ปีศาจอมตะเซี่ยหูและอิงอู๋เซี่ยแสดงออกอย่างมีความสุข

“พวกเราจะทำอย่างไร?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะโกน

“ไม่ทำ!” เหมาหลี่ชิวกลอกตา “เว้นเพียงพวกเขาจะออกมา”

“อ๊าก…” แต่ในจังหวะนี้ราชันภูเขาม่วงกลับยกมือขึ้นกุมศีรษะของตนเองและกรีดร้อง เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนักขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงออกด้วยความเจ็บปวด

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ทุกคนตะลึงและมึนงง

‘มันเกิดขึ้นแล้ว บัดซบ!’ อิงอู๋เซี่ยลอบสาปแช่งเจตจำนงสวรรค์อยู่ภายใน

ในช่วงเวลาสำคัญราชันภูเขาม่วงตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและลอยไปตามกระแสน้ำ

โชคดีที่อิงอู๋เซี่ยอยู่ด้านหลังราชันภูเขาม่วงและสามารถคว้าร่างของเขาเอาไว้

ดังนั้นหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนจึงรอดพ้นจากอันตรายและยังอยู๋ในตำแหน่งเดิม

ราชันภูเขาม่วงร่วงหล่นลงไป กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นลำดับที่สอง

ที่สามคือฟางหยวน

และที่สี่คือกลุ่มของเว่ยหลิงหยาง

“ท่านเว่ยหลิงหยาง ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว!” ไป่เฉินเทียนรู้สึกมีความสุขมาก

ผู้อมตะภาคกลางต่างโห่ร้องให้กำลังใจ

นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้อมตะภาคกลางที่เกิดบางสิ่งขึ้นกับราชันภูเขาม่วง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะที่ไม่รู้จักฟางหยวน พวกเขารู้สึกว่าตอนนี้เหลือเพียงเว่ยหลิงหยางเท่านั้นที่เป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยังอยู่ในแม่น้ำหวนคืน ดังนั้นเขาต้องได้รับชัยชนะ

เว่ยหลิงหยางกัดฟันแน่น

ความยากลำบากในการว่ายน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือแม่น้ำหวนคืนส่งผลกระทบต่อทุกความคิดของเขา

ทุกความพยายามจะถูกกีดขวางโดยแม่น้ำหวนคืน

ความคิดมากมายของเขาถูกชะล้างออกไป แต่มีอยู่ความคิดหนึ่งที่ติดแน่นอยู่ในใจของเว่ยหลิงหยาง

“ข้าต้องอดทน!”

“ข้าเป็นความหวังเดียวของภาคกลาง หากเราสามารถจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน เราจะได้รับชัยชนะ!”

“ข้าล้มเหลวไม่ได้!”

“ความภาคภูมิใจของภาคกลาง เกียรติยศของวังสวรรค์ พวกมันจะไม่ถูกทำลายเพราะข้า!”

เว่ยหลิงหยางว่ายไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเล

ผู้อมตะภาคกลางที่อยู่รอบๆติดตามเขาไปเช่นกัน

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกลายเป็นกองกำลังใหญ่ที่สุดและสะดุดตาที่สุดในแม่น้ำหวนคืน

กระทั่งเหมาหลี่ชิวยังต้องกล่าว “โอ้ ดูเหมือนผู้อมตะภาคกลางจะมีข้อได้เปรียบ ฮืม วังสวรรค์ยังชอบวุ่นวายไปทั่ว แต่อย่าลืมว่าหม่าหงหยุนเป็นคนเหนือ!”

ไป่เฉินเทียนขมวดคิ้ว

เขามองเหมาหลี่ชิวกับปีศาจอมตะเซี่ยหูที่แสดงออกอย่างเย็นชาและรู้สึกกังวล ‘แม้เว่ยหลิงหยางจะได้รับชัยชนะ แต่จะเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อพวกเขาออกจากแม่น้ำหวนคืน?’

ไป่เฉินเทียนคิดในทุกแง่มุม แต่เขายังไม่สามารถหลบหนีและทำได้เพียงเฝ้ามองต่อไปเท่านั้น

เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที

สถานการณ์ในแม่น้ำหวนคืนยังเหมือนเดิม

หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอยู่ด้านหน้าสุด

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ลำดับที่สอง

ฟางหยวนเป็นอันดับสาม

และกลุ่มของเว่ยหลิงหยางเป็นอันดับสี่

ตำแหน่งไม่เปลี่ยนแปลงแต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“โอ้ คนเหล่านี้ยังอดทนมาถึงจุดนี้ แปลก เหตุใดที่นี่ถึงมีคนโดดเด่นมากมายนัก?” เหมาหลี่ชิวกล่าว “ดังคาด ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ในยุคที่เทพอมตะจะถือกำเนิด อัจฉริยะมากมายจะปรากฏตัวขึ้น”

ดวงตาของไป่เฉินเทียนส่องประกายขึ้นเช่นกัน

เขากำลังประเมินผู้อมตะภาคกลางและจดจำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้

คนเหล่านี้มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ หากพวกเขาเติบโตต่อไปโดยปราศจากอุบัติเหตุ พวกเขาจะเป็นเสาหลักที่สำคัญของแต่ละนิกายอย่างแน่นอน

‘อดทนไว้! ภารกิจปกป้องเทพธิดาจ้าวอยู่ในมือของข้า ข้าไม่สามารถยอมแพ้!’ ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้ว

‘เช่นเดียวกับการหลอมรวมวิญญาณ ไม่ว่ามันจะยากลำบากเพียงใดหรือเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดา ตราบเท่าที่ข้าอดทน ข้าจะได้รับสิ่งตอบแทน!’ อวี๋อี้เย่ซือให้กำลังใจตนเอง

ซือเจิ้งอี้แสดงออกด้วยความโกรธ ‘ท่านมู่หลิงหลานเสียสละตนเองเพื่อปกป้องเทพธิดาจ้าว แล้วข้าจะถอยกลับได้อย่างไร? ข้าต้องทำงานอย่างหนัก! ซือเจิ้งอี้! เพื่อเห็นแก่ความรักและความยุติธรรม เจ้าไม่สามารถถอย!’

ฟางหยวนจ้องมองอิงอู๋เซี่ยอย่างไร้อารมณ์ ‘ความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก ผู้อมตะระดับแปดที่กำลังบ้าคลั่งผู้นี้ต้องเป็นสมาชิกของนิกายเงา ข้าต้องฆ่าเขา ข้าต้องกำจัดพวกเขาทั้งหมด! แม่น้ำหวนคืน มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ข้าจะกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท