เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1268

ตอนที่ 1268

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1268 เงาในภูเขาหิมะ

แปลโดย iPAT

ปีศาจอมตะเซี่ยหูแสดงพลังอำนาจอันเป็นที่สุดของภาคเหนือออกมา

“ปีศาจอมตะเซี่ยหูสมกับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือจริงๆ!” ไป่เฉินเทียนไม่กล้ายโสอีกต่อไป

ด้วยการประลองไม่กี่กระบวนท่า ไป่เฉินเทียนตระหนักได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจอมตะเซี่ยหู

ค่ายนักรบสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง มันแทบไม่สามารถอดทนต่อการโจมตีของปีศาจอมตะเซี่ยหู

“น่าเสียดายที่มีเจ้าเพียงผู้เดียวขณะที่พวกเรามีผู้อมตะระดับแปดสองคน” เว่ยหลิงหยางหัวเราะเย้ยหยันและกล่าวกับไป่เฉินเทียน “ข้าจะทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะไว้กับเจ้า”

ไป่เฉินเทียนตอบ “วางใจได้ หากมีบางสิ่งผิดปกติข้าจะรีบแจ้ง”

เว่ยหลิงหลางลอบบินออกจากค่ายนักรบไปอย่างเงียบๆ

โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่สามารถต่อต้านค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันแต่ตอนนี้พลังงานส่วนใหญ่ของมันถูกใช้เพื่อปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ดังนั้นแรงกดดันต่อเว่ยหลิงหลางจึงลดน้อยลง เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เพราะเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ

เส้นทางแห่งกฎมีข้อได้เปรียบในแง่นี้

ปีศาจอมตะเซี่ยหู่แข็งแกร่งกว่าเว่ยหลิงหยาง แต่เขาก็ไม่สามารถแข่งขันในบางแง่มุม

เว่ยหลิงหยางเดินทางไปได้ครึ่งทางก่อนจะถูกค้นพบโดยปีศาจอมตะเซี่ยหู

“เจ้ากำลังจะไปที่ใด?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตะโกนด้วยความโกรธและโบกมือ

ทันใดนั้นพายุหิมะก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า เว่ยหลิงหยางรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

เขาเปลี่ยนทิศทางและฟันฝ่าอุปสรรคขณะที่ไป่เฉินเทียนพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู

ท่านหญิงหว่านซูไม่มีอารมณ์หลอมรวมวิญญาณในเวลานี้และกำลังเฝ้ามองการต่อสู้อย่างตั้งใจ

หากปีศาจอมตะเซี่ยหูชนะ ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี

หากปีศาจอมตะเซี่ยหูแพ้ ทุกอย่างจะจบสิ้น ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาจะระเบิดราวกับฟองสบู่แตก

แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจะแข็งแกร่ง แต่ฝ่ายตรข้ามมีผู้อมตะระดับแปดสองคนพร้อมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ในทางตรงข้ามค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันมีขีดจำกัดในการสนับสนุนผู้อมตะระดับแปด

“หากหนึ่งในผู้อมตะระดับแปดโจมตียอดเขาหิมะ ผลที่ตามมาจะไม่สามารถจินตนาการ!” ท่านหญิงหว่านซูเต็มไปด้วยความกังวล

ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะตกอยู่ในอันตราย

“ท่านหญิงหว่านซู ข้ามีแผนการที่สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ของท่าน!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ข้อความลึกลับถูกส่งมายังท่านหญิงหว่านซู

“นี่คือ?” ท่านหญิงหว่านซูตกใจมาก

เพราะวิญญาณที่ส่งข้อความดวงนี้เป็นสิ่งที่ท่านหญิงหว่านซูเก็บไว้ในมิติช่องว่างของนางมาตลอดและไม่เคยใช้งาน

หลายปีก่อน ไม่นานหลังจากท่านหญิงหว่านซูก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

ในถ้ำแห่งหนึ่ง

“ผู้อาวุโส ผู้น้อยจะออกไป ผู้น้อยไม่กล้ารบกวนผู้อาวุโสจากการรับมรดกนี้” หัวใจของท่านหญิงหว่านซูสั่นสะท้านขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้อมตะลึกลับ

แต่ผู้ใดจะคิดว่าผู้อมตะลึกลับจะกล่าวว่า “สาวน้อย เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้ตั้งแต่อายุยังน้อยและยังรู้ขีดจำกัดของตน เจ้ารู้ว่าเมื่อใดควรถอยหรือก้าวหน้า นั่นเป็นเรื่องที่ดี ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะรับมรดกนี้ ข้ายินดีมอบมรดกนี้ให้เจ้า แต่หลังจากเจ้าได้รับมรดก เจ้าต้องบอกเนื้อหาของมันให้ข้ารู้ นอกจากนั้นเจ้าจะติดหนี้บุณคุณข้าหนึ่งครั้ง หากเกิดสถานการณ์คับขันในอนาคต เจ้าต้องช่วยคนที่ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลนี้”

ท่านหญิงหว่านซูคิดก่อนจะตอบตกลง

นางไม่มีทางเลือกอื่น

หากนางไม่ตกลง นางคงไม่สามารถออกจากถ้ำ

หากเป็นเช่นนั้น เดิมพันกับสิ่งนี้ย่อมดีกว่า

“ดี มาเถอะ เรามาทำข้อตกลงกัน” ผู้อมตะลึกลับเผยรอยยิ้มสดใสขณะลูบเครา

…..

ฉากนี้ปรากฏขึ้นในใจของท่านหญิงหว่านซูอีกครั้ง

นางเร่งตอบกลับ “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านมีความสนใจในวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์หรือไม่?”

วิญญาณตอบกลับ “ฮ่าฮ่า ท่านหญิงหว่านซู ดูเหมือนท่านจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อสามีจริงๆ วางใจได้ เราไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อท่าน เราเพียงต้องการให้ท่านช่วยปรับแต่งทรัพยากรอมตะบางอย่างเท่านั้น หากท่านสามารถทำสิ่งนี้ พวกเราจะช่วยท่านกับสามีตอบโต้ผู้อมตะภาคกลาง”

“เช่นนั้นข้าก็ยินดีช่วยท่าน” ท่านหญิงหว่านซูพยักหน้าหลังจากครุ่นคิด

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มผู้อมตะลึกลับสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าท่านหญิงหว่านซู

พวกเขาก็คือกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย!

“ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง!” ท่านหญิงหว่านซูจำคนทั้งสองได้ทันที

ไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฟางหยวนในการทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง พวกเขาเป็นอาชญากรที่ถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคเหนือ

ตอนนี้ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้เห็นคนร้ายทั้งสอง

สำหรับไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ย ท่านหญิงหว่านซูไม่รู้จักพวกเขา

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากที่สุดคือผู้นำกลุ่มคนทั้งสี่กลับเป็นผีดิบอมตะที่อ่อนแอที่สุด

“แขกผู้มีเกียรติ ข้าสงสัยว่าพวกท่านจะช่วยเราขับไล่ศัตรูได้อย่างไร?” ท่านหญิงหว่านซูถาม

อิงอู๋เซี่ยยิ้มและกล่าวด้วยความมั่นใจ “ท่านหญิงหว่านซู ข้ารู้ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูได้เชิญบางคนมาช่วยลบข้อตกลงพันธมิตรของท่านไปแล้ว แต่เรามาโดยปราศจากเจตนาร้าย เรามีศัตรูร่วมกัน นั่นคือผู้อมตะภาคกลาง กล่าวได้ว่าเราเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดที่ท่านสามารถมีได้”

“เมื่อท่านรับข้อตกลงของเรา นั่นหมายความว่าท่านยังให้ความสำคัญกับคำสัญญาในอดีต ตราบเท่าที่ท่านช่วยเราปรับแต่งทรัพยากรอมตะ ทุกอย่างจะสามารถแก้ไข”

“ทรัพยากรอมตะชนิดใด?” ท่านหญิงหว่านซูยืนมือออกมา

อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยกลับส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มขมขื่น “ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้อยู่ในมิติช่องว่างของท่าน”

“มันคือหินสีม่วงทองที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูนำมาจากสุสานผีดิบของกองกำลังพันธมิตรแห่งภาคเหนือ” อิงอู๋เซี่ยตอบ

รูม่านตาของท่านหญิงหว่านซูหดเล็กลง นางหยิบทรัพยากรอมตะดังกล่าวออกมา “สิ่งนี้งั้นหรือ?”

มันเป็นหินสีม่วงทองที่มีขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “ถูกต้อง มันคือหินก้อนนี้”

“ดังนั้นพวกเจ้าก็เป็นสมาชิกนิกายเงา” ท่านหญิงหว่านซูเปิดเผยตัวตนของอิงอู๋เซี่ยได้ทันที

อิงอู๋เซี่ยไม่แปลกใจและยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ท่านหญิงช่างรอบรู้นัก ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว”

ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะภาคกลางจึงเป็นศัตรูของนางและสมาชิกนิกายเงา

ดังคำกล่าวที่ว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

ท่านหญิงหว่านซูมองการต่อสู้กลางอากาศก่อนจะหันกลับมายังหินสีม่วงทอง “นี่เป็นทรัพยากรประเภทใด ข้าไม่สามารถระบุ ข้าจะไม่ปิดบังจากพวกเจ้า ข้าเคยพยายามปรับแต่งมันมาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ!”

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มสดใส น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “นั่นเป็นวิธีการพิเศษของนิกายเงา ท่านหญิงหว่านซู ท่านเพียงไม่รู้ขั้นตอนและวิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น ข้าจะสอนท่าน ท่านเพียงต้องทำตามคำแนะนำของข้าและท่านจะประสบความสำเร็จ”

…..

มังกรดาบบรรพกาลบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

จากภายนอก ฉากภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะไม่สามารถมองเห็น

การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายที่กำลังดำเนินอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้น แต่โลกภายนอกยังสงบสุขและอากาศแจ่มใส

‘พวกเขาเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะงั้นหรือ? แปลก!’

ฟางหยวนรู้สึกสงสัย

เขารู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะกลายเป็นพื้นที่อันตรายเพราะปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์

แล้วอิงอู๋เซี่ยจะเข้าไปสถานที่เช่นนี้เพียงสิ่งใด?

นี่เป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตา?

มันเป็นวิธีการหลอกลวงท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคของอิงอู๋เซี่ยเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในทะเลตะวันออกหรือไม่?

แต่หากมันเป็นเรื่องจริง…

มันยังตีความได้หลายอย่าง

ฟางหยวนลังเล

เขามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแต่มันไม่ใช่เรื่องฉลาดหากเขาจะพุ่งเข้าไปทันที

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรอดูไปก่อน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท