เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1267

ตอนที่ 1267

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1267 กำลังเสริมจากภาคกลาง

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

“อีกครั้ง!” ท่านหญิงหว่านซูเดินเข้าไปหาหม่าหงหยุนพร้อมบอลสายฟ้าที่อยู่ในมือ

“เชิญเลย” หม่าหงหยุนกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ

ท่านหญิงหว่านซูส่งบอลสายฟ้าไปที่หน้าอกของหม่าหงหยุน

“อ๊าก…”

สายฟ้าปะทุขึ้นบนร่างของหม่าหงหยุนขณะที่เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นและพยายามประคองสติเอาไว้

เมื่อการโจมตีของบอลสายฟ้าสิ้นสุดลง หม่าหงหยุนยังไม่หมดสติ แต่ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงก่ำและเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“ข้าพลาดอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เกิดสิ่งใดขึ้น? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”

นางล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

แม้ความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดจะต่ำมาก แต่ไม่มีเหตุผลที่นางจะติดอยู่ที่ขั้นตอนนี้ตั้งแต่เริ่มต้น

ท่านหญิงหว่านซูอาเจียนออกมาเป็นเลือด

หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน หม่าหงหยุนกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด สิ่งสำคัญที่สุดร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งสายฟ้า

หากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งสายฟ้า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้จะช่วยเขาได้มาก

“ไม่เบื่อที่จะทำเช่นนี้งั้นหรือ? ลองเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นดีหรือไม่? ข้าเบื่อแล้ว” หม่าหงหยุนรู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่แน่นอน ดังน้นเขาจึงเลิกสนใจเรื่องนี้และเริ่มล้อเลียนท่านหญิงหว่านซู

ดวงตาของท่านหญิงหว่านซูส่องประกายเย็นเยียบขณะที่หม่าหงหยุนกรีดร้องขึ้นอย่างกะทันหัน

ท่านหญิงหว่านซูฟังเสียงกรีดร้องของหม่าหงหยุนอยู่อย่างเงียบๆ

หม่าหงหยุนกรีดร้องกระทั่งหมดสติไปในที่สุด

ท่านหญิงหว่านซูพ่นลมหายใจออกมาและเริ่มครุ่นคิด

…..

“จ้าวเหลียนหยุนใกล้ตายแล้ว”

“วิญญาณแห่งความรักแสดงพลังอำนาจออกมาแล้วกี่ครั้ง?”

“ดูเหมือนท่านหญิงหว่านซูจะสังเกตเห็นบางสิ่ง”

ในวังสวรรค์แห่งโชค ราชันใต้เข้าใจสถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะอย่างชัดเจน

ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจ

ผู้อมตะภาคกลางยังไม่ปรากฏตัว พวกเขากำลังวางแผนใด

“การจับวิญญาณแห่งความรักเป็นความต้องการของบรรพชนในอดีต พวกเราบุตรหลานต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ!”

“ผู้อมตะดำเตรียมพร้อม!”

ราชันใต้ส่งคำสั่งไปยังถ้ำสวรรค์นิรันดร

แปดผู้อมตะยังปิดล้อมปรมาจารย์ห้าธาตุ

เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่งจากราชันใต้ สองผู้อมตะระดับเจ็ดก็แยกตัวออกจากแท่นบูชาแห่งโชค

“เราจะไปเดี๋ยวนี้!” สองผู้อมตะกล่าว

“กลับมาให้เร็วที่สุด” ผู้นำกลุ่มผู้อมตะทั้งแปดไม่พูดมาก การจับกุมปรมาจารย์ห้าธาตุด้วยผู้อมตะเพียงเจ็ดคนทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

วังสวรรค์แห่งโชค

‘ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด วิญญาณแห่งความรักและหม่าหงหยุนจะกลับสู่ถ้ำสวรรค์นิรันดร ผู้อมตะภาคกลาง หากพวกเจ้ายังไม่เคลื่อนไหว มันจะสายเกินไป’ ราชันใต้คิดกับตนเอง

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น

“วังสวรรค์แห่งโชค! ดังนั้นทั้งหมดก็เป็นการกระทำของพวกเจ้า!”

“ทำลายวังสวรรค์แห่งโชคแก้แค้นให้กับสหายของพวกเรา!”

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังปรากฏขึ้นด้านหน้าวังสวรรค์แห่งโชค

หนึ่งคือศาลานกขมิ้นและอีกหนึ่งคือหอคอยวายุ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง ผู้อมตะภาคกลางต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อหลบหนีจากอุโมงค์มิติ

“หือ ในที่สุดพวกเขาก็ออกมา!” ราชันใต้สูดหายใจและเปิดการป้องกันของวังสวรรค์แห่งโชค

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองของภาคกลางโจมตีวังสวรรค์แห่งโชคจากด้านหน้าและด้านหลัง

แม้ผีดิบอมตะตะวันเดือดจะอยู่ในวังสวรรค์แห่งโชค แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหว เขายังนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน

แม้วังสวรรค์แห่งโชคจะถูกโจมตี เขาก็ยังไม่แยแส

ในไม่ช้าหน้าผากของราชันใต้ก็ปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ

วังสวรรค์แห่งโชคทรงพลังแต่จุดอ่อนสำคัญประการหนึ่งของมันคือมันไม่สามารถเคลื่อนย้าย หากมันเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งที่มันทำมาตลอดสามแสนปีจะกลายเป็นสูญเปล่า

วังสวรรค์แห่งโชคเหมือนร่มขนาดใหญ่ที่ปกป้องภาคเหนือเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่เทพอมตะตะวันเดือดทิ้งไว้เพื่อบุตรหลานของเขา

แล้วราชันใต้จะทำลายเจตนารมณ์ของบรรพชนเพียงเพราะเขาถูกโจมตีได้อย่างไร

ด้วยการระดมกำลังโจมตี ผู้อมตะภาคเหนือจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“เหยากวง มาช่วยข้าควบคุมวังสวรรค์แห่งโชคและต่อสู้กับศัตรู!” ราชันใต้ออกคำสั่ง

เหยากวงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ด้วยการควบคุมโดยผู้อมตะระดับแปดสองคน วังสวรรค์แห่งโชคจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ออกมา

สถานการณ์เกิดเสถียรภาพอีกครั้ง

การแสดงออกของราชันใต้เต็มไปด้วยความสงสัย “แปลก เหตุใดคฤหาสน์วิญญาณอมตะของภาคกลางจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่? ดูเหมือนพวกเขาจะประสบอุบัติเหตุบางอย่างในอุโมงค์มิติ นอกจากนั้นข้าจำได้ว่ามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง หลังที่แข็งแกร่งที่สุดคือค่ายนักรบ มันถูกทำลายไปแล้วในอุโมงค์มิติงั้นหรือ?”

แต่ในเวลาต่อมาดวงตาของราชันใต้กลับเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาได้รับข้อมูลใหม่

“ค่ายนักรบปรากฏขึ้นที่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ!”

ถ้ำสวรรค์นิรันดรแทรกซึมเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ดังนั้นราชันใต้จึงเข้าใจสถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเป็นอย่างดี

“บึม!”

การระเบิดครั้งใหญ่ปะทุขึ้น

ยอดเขาทั้งสิบสองของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะค่ายนักรบน่าสะพรึงกลัวมาก เหตุผลก็คือมันอยู่ภายใต้การคุวบคุมของผู้อมตะระดับแปดสองคน

หนึ่งคือเว่ยหลิงหยางและอีกหนึ่งคือไป่เฉินเทียน

นักรบหมื่นมังกรกำลังควบคุมหอคอยวายุและศาลานกขมิ้นต่อสู้กับวังสวรรค์แห่งโชค

ขณะเดียวกันค่ายนักรบก็กำลังต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

“พวกเรารอดแล้ว!”

“กำลังเสริมมาแล้ว!”

“เหตุใดถึงมีเพียงค่ายนักรบ?”

ผู้อมตะภาคกลางทั้งห้าที่อยู่บนยอดเขาหิมะเงยหน้าขึ้นและมองค่ายนักรบด้วยความเบิกบานใจ

ค่ายนักรบค้นพบผู้อมตะทั้งห้ารวมถึงจ้าวเหลียนหยุนที่มีวิญญาณแห่งความรักอย่างรวดเร็ว

เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนต้องการช่วยพวกเขา แต่ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันไม่ได้มีไว้เพื่อโอ้อวดเท่านั้น กล่าวได้ว่าค่ายนักรบไม่ได้มีช่วงเวลาที่สะดวกสบายนัก

“ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา มันใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืน!”

“แม่น้ำหวนคืนอยู่ในมือของปีศาจอมตะเซี่ยหูงั้นหรือ? แต่ค่ายกลวิญญาณนี้เชื่อมต่อกับแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้เราจะไม่สามารถทำลายค่ายกล แต่เราสามารถทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ เมื่อรากฐานของมันถูกทำลาย ค่ายกลวิญญาณจะพังทลายลงเช่นกัน”

เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนตัดสินใจ

“บึม บึม บึม…”

ค่ายนักรบโจมตีอย่างดุเดือดและทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

“สามี” ท่านหญิงหว่านซูหยุดหลอมรวมชั่วคราว นางยืนอยู่ข้างกายปีศาจอมตะเซี่ยหูด้วยความกังวล

“ที่รัก หากเราปล่อยให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้โจมตีต่อไป แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเวลานั้นมาถึงค่ายกลวิญญาณจะถูกทำลายเช่นกัน แต่เจ้าสามารถผ่อนคลาย คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังเดียวจะทำสิ่งใดได้? ปล่อยให้ข้ามอบบทเรียนให้กับผู้อมตะภาคกลางเหล่านี้และทำให้พวกเขากลับไป!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูหัวเราะเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้าหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างกล้าหาญ

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่กลางอากาศ

อย่างไรก็ตามค่ายนักรบที่ถูกควบคุมโดยผู้อมตะระดับแปดสองคนของภาคกลางกลับไม่มีความได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท