เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1269

ตอนที่ 1269

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1269 มนุษย์จิ๋วระดับแปด

แปลโดย iPAT

“เซี่ยหู รับนี่!” เว่ยหลิงหยางชี้นิ้วไปที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูและยิงลำแสงขนาดใหญ่ออกไป

ปีศาจอมตะเซี่ยหูโบกมือสร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นปิดกั้นลำแสงของเว่ยหลิงหยางได้อย่างง่ายดาย

จากนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ทะยานร่างบินไปทางเว่ยหลิงหยางราวกับขวานที่หมุนวน

การแสดงออกของเว่ยหลิงหยางเปลี่ยนไปทันที

นี่เป็นท่าที่รับมือได้ยากมาก เขาเคยพบกับความทุกข์ทรมานจากท่านี้มาก่อนแล้ว

เว่ยหลิงหยางถูกบังคับให้บินกลับเข้าไปในค่ายนักรบและใช้มันปกป้องตนเองอย่างไม่สามารถช่วยได้

“บึม บึม บึม…”

ขวานน้ำแข็งทำให้ค่ายนักรบเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากตกตายลงทันที

“เร็ว ซ่อมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!”

“มีคนบาดเจ็บ รีบรักษา!”

“ใช้การโจมตีของคฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นการป้องกัน!”

ผู้อมตะที่อยู่ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะต่างตื่นตระหนก

เว่ยหลิงหยางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง มือขวาของเขาถูกแช่แข็งและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

“ข้าถูกโจมตีตั้งแต่เมื่อใด?” กระทั่งตัวเว่ยหลิงหยางเองยังรู้สึกประหลาดใจ

ปีศาจอมตะเซี่ยหูมีวิธีการมากมาย แม้บางท่าจะไม่ทรงพลังนัก แต่มันกลับมีประสิทธิภาพและร้ายกาจ

นั่นเป็นเหตุให้เว่ยหลิงหยางได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวของปีศาจอมตะเซี่ยหูโดยไม่รู้ตัว

เขาทดลองหลายวิธีแต่ยังไม่สามารถรักษามือขวาที่ถูกแช่แข็ง

“อาการบาดเจ็บชนิดนี้ค่อนข้างลำบาก…” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ

“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ข้าเพียงต้องผนึกมือขวาเอาไว้ชั่วคราว ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลมากที่สุดคือนักรบหมื่นมังกร เขาควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังและยังได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะส่วนใหญ่ของเรา แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าคือวังสวรรค์แห่งโชคและถ้ำสวรรค์นิรันดร เราต้องช่วยหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอย่างรวดเร็วที่สุดและไปช่วยนักรบหมื่นมังกรก่อนจะล่าถอยกลับภาคกลาง!”

ดวงตาของเว่ยหลิงหยางส่องประกายขึ้น

ผู้อมตะภาคกลางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แม้พวกเขาจะพบอุบัติเหตุในอุโมงค์มิติ แต่ผู้อมตะเหล่านี้ยังสามารถตอบสนองและหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้กลับไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา

เดิมทีมันเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่จะจัดการวังสวรรค์แห่งโชค แต่ตอนนี้พวกเขายังแยกกันเป็นสองกลุ่ม ในฐานะผู้ตัดสินใจ เว่ยหลิงหยางกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางจิตใจอย่างมาก

“บึม!”

ค่ายนักรบเกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองของภาคกลางเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นสูงที่มีคุณสมบัติเข้าสู่วังสวรรค์ พวกเขาแข็งแกร่งมากโดยธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามพลังการต่อสู้ของคนเหนือถือว่าสูงที่สุดในห้าภูมิภาค นอกจากนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือ

ครั้งนี้เขาแสดงพลังการต่อสู้ที่น่าประหลาดใจออกมาและทำให้ผู้อมตะภาคกลางไม่สามารถต่อต้านตั้งแต่วินาทีแรกเมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น

“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้! รักษาอาการบาดเจ็บของท่านและควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ข้าจะออกไปก่อกวนปีศาจอมตะเซี่ยหู!” ไป่เฉินเทียนกัดฟันกล่าว

“ระวังตัวด้วย” เว่ยหลิงหยางกล่าวด้วยความกังวล

ไป่เฉินเทียนบินออกจากค่ายนักรบและใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที

แสงสีเขียวพุ่งไปยังยอดเขาหิมะ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาตั้งใจทำลายค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน

เมื่อค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันถูกทำลาย ค่ายนักรบจะไม่ถูกกดดันอีกต่อไป โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง พวกเขาจะสามารถช่วยจ้าวเหลียนหยุนและบางทีอาจสามารถช่วยหม่าหงหยุนได้เช่นกัน

ปีศาจอมตะเซี่ยหูอาจทรงพลัง แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดการโจมตีเต็มรูปแบบของค่ายนักรบ

“หยุดฝันกลางวัน!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเคยเห็นท่าไม้ตายของผู้อมตะภาคกลางมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบโต้ด้วยท่าไม้ตายอมตะของเขา

ฝนน้ำแข็งร่วงหล่นลงมา เมื่อมันตกกระทบลงบนพื้น มันกลายเป็นอสูรหิมะ

อสูรหิมะแต่ละตัวเป็นอสูรหิมะระดับสัตว์อสูรเดียวดายและยังมีกระทั่งสัตว์อสูรบรรพกาล

พวกมันยืนอยู่บนยอดเขาและคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า

ปีศาจอมตะเซี่ยหูพ่นลมหายใจอันเย็นเยียบออกมาและก่อให้เกิดพายุหิมะที่ทรงพลัง

อสูรหิมะเหมือนปลาได้น้ำและยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ไป่เฉินเทียนถูกปราบปรามทันที

“ทรงพลังนัก!”

“ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ได้รับประโยชน์จากค่ายกลวิญญาณแต่เขายังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งของเขาน่าจะบรรลุระดับปรมาจารย์เอกแล้ว!”

ไม่ว่าจะเป็นไป่เฉินเทียนหรือเว่ยหลิงหยาง ทั้งคู่ต่างตกตะลึงกับฉากนี้

ความสำเร็จระดับปรมาจารย์เอกอนุญาตให้ผู้อมตะเปลี่ยนแปลงท่าไม้ตายอมตะของพวกเขาได้ดังใจปรารถนา

“แต่หากเพิ่มข้าอีกคนจะเป็นอย่างไร?” เว่ยหลิงหยางเย้ยหยันและบังคับค่ายนักรบพุ่งทะยานออกไป

อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามีความสำเร็จด้านการรักษาที่ไม่ธรรมดา

การแสดงออกของปีศาจอมตะเซี่ยหูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดสองคนพร้อมกันรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ นี่ค่อนข้างลำบากสำหรับเขา

อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่สามารถทำลายค่ายนักรบและกวาดล้างผู้อมตะระดับแปดเพราะเขาต้องการรักษาค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันเอาไว้เพื่อการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์

ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางโจมตีไปที่จุดอ่อนของศัตรูและค่อยๆพลิกสถานการณ์

“บึม บึม บึม…”

การระเบิดทุกครั้งทำให้ค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันเกิดการสั่นสะเทือน

“ยอดเยี่ยม!”

“กำลังเสริมของเราแข็งแกร่งมาก!”

จ้าวเหลียนหยุนและคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป พวกเขายืนอยู่บนยอดเขาหิมะและเฝ้ามองการต่อสู้ด้านบน

ในทำนองเดียวกันผู้นำยอดเขาหิมะทั้งหมดก็จ้องมองการต่อสู้บนท้องฟ้าเช่นเดียวกัน

แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล

“พลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด…น่าอัศจรรย์และน่ากลัวจริงๆ”

“หากค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันถูกทำลาย พวกเราต้องตายอย่างน่าอนาถ”

“นายท่านเซี่ยหูแข็งแกร่งมาก แต่ผู้บุกรุกจากภาคกลางก็เจ้าเล่ห์มาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็ว…”

บนยอดเขาที่หนึ่ง ท่านหญิงหว่านซูกำลังปรับแต่งหินสีม่วงทองและมาถึงขั้นตอนสุดท้าย

“ข้าไม่คาดหวังว่าข้าต้องใช้กลิ่นหอมหมื่นลี้เพื่อละลายหินก้อนนี้” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกประหลาดใจ

กลิ่นหอมหมื่นลี้เป็นทรัพยากรอมตะชนิดหนึ่ง นี่ทำให้ท่านหญิงหว่านซูตระหนักว่าแก่นแท้ของวิธีการนี้คือเส้นทางอาหาร

เส้นทางอาหารหายากมาก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านหญิงหว่านซูจะไม่สามารถจัดการหินก้อนนี้

เมื่อหินหลอมละลาย แสงสีม่วงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ท่านหญิงหว่านซูหรี่ตามองแต่แทบไม่สามารถเห็นสิ่งใด

มีร่างขนาดเล็กมากนอนอยู่ในหินก้อนนี้ มันยังมีปีกสีม่วงคู่หนึ่งอยู่บนแผ่นหลัง

“มนุษย์จิ๋ว?” ท่านหญิงหว่านซูตกตะลึงเมื่อนางตระหนักถึงมัน

มนุษย์จิ๋วค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นขณะที่กลิ่นอายของมันรั่วไหลออกมา

ผู้อมตะระดับแปด!

“เหตุใดถึงมีผู้อมตะระดับแปดอีกคนและมันเป็น…กลิ่นอายของคนเหนือ!” ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางมองหน้ากัน

“พวกเราขอแสดงความเคารพต่อท่านสีม่วง!” อิงอู๋เซี่ยนำกลุ่มผู้อมตะโค้งคำนับต่อมนุษย์จิ๋วระดับแปดผู้นี้

มีเพียงไป่หนิงปิงที่ยังยืนตัวตรง

“อา…ข้าตื่นขึ้นแล้ว…” มนุษย์จิ๋วกระพริบตา ความสับสนหายไปจากใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและไม่แยแส

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท