เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1279

ตอนที่ 1279

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1279 ความตายที่ใกล้เข้ามา

แปลโดย iPAT

“มู่หลิงหลาน!” ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางตะโกนอย่างพร้อมเพรียงด้วยความโกรธ

มู่หลิงหลานกัดฟันและว่ายเข้าไปหาจ้าวเหลียนหยุนก่อนจะผลักนางเข้าสู่อ้อมแขนของหม่าหงหยุน

“พวกเจ้าต้องมีชีวิตที่ดี!”

หลังกล่าวจบคำ มู่หลิงหลานหันกลับมาคว้าเอวของปีศาจอมตะเซี่ยหูเอาไว้

ปีศาจอมตะเซี่ยหูดิ้นรนอย่างหนักแต่เขายังถูกผลักออกไป

หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนรอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายในครั้งนี้ไปได้ในที่สุด

“เร็วเข้า ไปเร็ว!” หม่าหงหยุนจับจ้าวเหลียนหยุนขณะที่หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรง

“บัดซบ!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเตะยอดอกของมู่หลิงหลานและส่งเขาลงไปใต้น้ำ

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของปีศาจอมตะเซี่ยหูเหนือกว่ามู่หลิงหลานมาก

หลังจากทั้งหมดมู่หลิงหลานเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วเขาจะแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร?

ในไม่ช้าเขาก็พ่นเลือดออกมาและตายอยู่ในแม่น้ำหวนคืน

เมื่อเห็นสหายเสียชีวิตเช่นนี้ ผู้อมตะภาคกลางต่างรู้สึกปวดร้าว

“มู่หลิงหลาน ข้าจะจดจำการเสียสละของเจ้า วังสวรรค์จะจดจำเจ้า!” เว่ยหลิงหยางกรีดร้องและพุ่งเข้าไปหาปีศาจอมตะเซี่ยหู

ปีศาจอมตะเซี่ยที่ถูกขัดขวางโดยมู่หลิงหลานลอยมาอยู่ในกลุ่มที่สาม

เขาถูกกลุ่มผู้อมตะภาคกลางโจมตีด้วยความโกรธ

“สามี!” ท่านหญิงหว่านซูรีบเข้าไปช่วย

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ชั่วครู่และถูกกระแสน้ำผลักดันให้กลับไปพบกับกลุ่มที่สี่ของอิงอู๋เซี่ย

นี่ทำให้เกิดฉากการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายขึ้นในแม่น้ำหวนคืน

ไป่เฉินเทียนและคนอื่นต่างตกใจ

ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่สูญเสียท่าทีที่สง่างามและต่อสู้อยู่ในน้ำราวกับคนป่า

แต่มันสายเกินไปแล้วที่ไป่เฉินเทียนจะสอดมือเข้าไป

ในไม่ช้าเลือดสีแดงก็อาบย้อมแม่น้ำหวนคืน ซากศพของผู้อมตะจำนวนมากลอยไปตามกระแสน้ำ

“อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนมาถึงในที่สุด

“นายท่านของเราอยู่ที่ใด?” อิงอู๋เซี่ยตะโกนถามเมื่อเขาพบปีศาจอมตะเซี่ยหูท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย

“ต้นน้ำ!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูตอบ

ปรากฏว่าขณะที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูและมู่หลิงหลานกำลังต่อสู้กัน ราชันภูเขาม่วงแยกตัวออกไปเพื่อตามจับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนน

ด้วยเหตุนี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงสามารถต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง ในความเป็นจริงนี่คือแผนการกีดขวางศัตรูของพวกเขา

เมื่ออิงอู๋เซี่ยได้รับคำตอบ เขารีบว่ายไปข้างหน้าทันที ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆก็เช่นกัน

ฟางหยวนตะโกน “อิงอู๋เซี่ย เจ้าจะไปที่ใด?”

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจกล่าว “ไท่เป่ยหยุนเฉิง!”

“พวกเจ้าไปก่อน!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงตอบสนองทันที เขาพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนด้วยความแน่วแน่และไม่สนใจความตาย

ฟางหยวนถูกขัดขวาง

อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงพยายามหลบหนี

“บึม บึม บึม…”

การโจมตีของฟางหยวนทรงพลังมาก ในไม่ช้าไท่เป่ยหยุนเฉิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ไท่เป่ยหยุนเฉิงเตรียมใจมาแล้ว เขาจับตัวฟางหยวนเอาไว้พร้อมกับใช้ฟันกัดและศีรษะกระแทก

ฟางหยวนถูกพัวพันอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ในสถานการณ์ที่เร่งด่วน เขาอุทาน “ตาแก่เป่ย! เจ้ายังจำเหตุการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงได้หรือไม่?”

ไท่เป่ยหยุนเฉิงตะลึงกับถ้อยคำที่คุ้นเคยเหล่านี้และเปิดช่องว่างทันที

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความเหี้ยมโหด เขาใช้นิ้วแทงไปที่ดวงตาของไท่เป่ยหยุนเฉิงอย่างไร้ปรานี

ไท่เป่ยหยุนเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลออกมาจากดวงตาของเขา

ฟางหยวนฉวยโอกาสโจมตีเป็นครั้งสุดท้ายและทำให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงหยุดเคลื่อนไหว

เขาตายแล้ว!

“ฮืม!” ฟางหยวนยักไหล่และสะบัดร่างของไท่เป่ยหยุนเฉิงออกไปก่อนจะรีบว่ายน้ำไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยอีกครั้ง

ในช่วงเวลานี้กลุ่มของปีศาจอมตะเซี่ยหูกับเว่ยหลิงหยางได้แยกออกจากกันแล้วเนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

ไป่เฉินเทียนมองแม่น้ำหวนคืนจากด้านบนและสามารถเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน

หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนยังเป็นผู้นำ

ราชันภูเขาม่วงอยู่ในลำดับที่สอง

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในลำดับที่สาม

ฟางหยวนเป็นลำดับที่สี่

ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูอยู่ในลำดับที่ห้า

เว่ยหลิงหยางและผู้อมตะภาคกลางอยู่ที่หก

หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนอยู่ด้านหน้าแต่ไม่มีผู้ใดปกป้องพวกเขาอีกต่อไป

ลำดับที่สอง ราชันภูเขาม่วงเป็นศัตรู ลำดับที่สาม กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็เป็นศัตรู ลำดับที่ห้า ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ยังเป็นศัตรู

หากไม่มีทางเลือก ไป่เฉินเทียนต้องพึ่งพาฟางหยวนเท่านั้น

“เพียงปกป้องสองคนที่อยู่ด้านหน้า เจ้าจะได้รับมิตรภาพจากภาคกลางและวังสวรรค์!”

“เจ้าสามารถร้องขอสิ่งใดก็ได้ หากเจ้าต้องการวิญญาณอมตะหรือทรัพยากรในการบ่มเพาะ วังสวรรค์สามารถตอบสนองเจ้าได้ทั้งหมด!”

“ตราบเท่าที่เจ้าปกป้องหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุน!”

‘เป็นเช่นนี้อีกครั้ง…’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

เขานึกถึงสถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ

เวลานั้นเขาต้องเลือกเช่นกัน หากเขาเลือกที่จะช่วยหม่าหงหยุน มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเขา

สถานการณ์ในเวลานี้คล้ายกับครั้งนั้น

แต่ฟางหยวนยังนิ่งเฉย เขาเพียงว่ายน้ำต่อไป เขาตั้งใจกำจัดกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและลืมเรื่องของหม่าหงหยุนไปก่อน

แต่สิ่งที่ตามมาคือทางตัน

ยิ่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากเท่าใด มันก็ยิ่งยากลำบากมากเท่านั้น

“คุณหนูเสี่ยวหยุน เราต้องอดทน ข้าเชื่อว่าเรายังมีโอกาส!” หม่าหงหยุนพูดให้กำลังใจจ้าวเหลียนหยุน

แม่น้ำเย็นมากแต่อ้อมกอดของหม่าหงหยุนกลับทำให้จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกอบอุ่น

ความอบอุ่นนี้เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่สำหรับนาง นางกัดฟันและสู้ต่อไป

ด้านหลังพวกนางคือราชันภูเขาม่วง

‘หม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุน ฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่ข้าจับพวกเจ้าได้ ข้าจะสามารถควบคุมปีศาจอมตะเซี่ยหู เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะให้เขาจัดการอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้!’ ราชันภูเขาม่วงวางแผน

“ปกป้องท่านสีม่วง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกน

“ที่รัก ฟื้นได้แล้ว!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวด้วยความกังวล

ท่านหญิงหว่านซูหมดสติไปแล้ว นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ก่อนหน้า

ปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้สึกลังเล

เขากัดฟันและหยุดว่ายน้ำ เขาอุ้มท่านหญิงหว่านซูเอาไว้และปล่อยให้กระแสน้ำกวาดพวกเขาออกไป

เว่ยหลิงหยางอนุญาตให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจากไป เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่แล้ว

ปีศาจอมตะเซี่ยหูออกจากแม่น้ำหวนคืนและใช้วิญญาณอมตะรักษาอาการบาดเจ็บของภรรยาอย่างรวดเร็ว

ไป่เฉินเทียนรู้สึกประหม่า เขาไม่สามารถจัดการปีศาจอมตะเซี่ยหูด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว ผู้อมตะที่อยู่รอบข้างไม่มีประโยชน์ โดยปราศจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะผู้อมตะระดับแปดผู้นี้

“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูวางท่านหญิงหว่านซูที่ยังไม่ได้สติไว้ในมิติช่องว่างของเขาอย่างระมัดระวังก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีไป่เฉินเทียน

ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือ ด้วยบุคลิกของเขา เขาจะปล่อยโอกาสกำจัดศัตรูที่อ่อนแอเหล่านี้ได้อย่างไร?

“อย่างมากก็แค่ตาย!” ไป่เฉินเทียนตัดสินใจ เขาไม่ได้หลบหนีแต่พุ่งเข้าเผชิญหน้าโดยตรง

แต่เพียงเมื่อผู้อมตะระดับแปดทั้งสองกำลังจะต่อสู้กัน พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของคนนอก

มันคือพังพอนหางสุนัข!

พังพอนหายสุนัขแบกผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทรมาถึงแม่น้ำหวนคืนในที่สุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท