เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1283

ตอนที่ 1283

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1283 ความลับของแม่น้ำหวนคืน

แปลโดย iPAT

‘ข้าจะล้มเหลวหรือไม่?’ ฟางหยวนยังว่ายอยู่ในแม่น้ำ เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน หัวใจของเขาจมดิ่งลง ‘ไม่ จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย ข้ายังมีโอกาส ข้าไม่สามารถยอมแพ้!’

“ก้าวสุดท้าย!” ไป่เฉินเทียนกรีดร้อง

กลุ่มผู้อมตะแทบไม่กล้าหายใจ พวกเขารู้สึกประหม่ามากกับช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่นี้

“ท่านปู่เหมา เตรียมช่วยหม่าหงหยุนกันเถอะ เราจะต่อสู้และนำพวกเขาจากไป!” ผู้อมตะดำส่งสัญญาณเตือนพังพอนหางสุนัข

แต่ฝ่ายหลังกลับตอบว่า “ไม่จำเป็น”

“ท่านปู่เหมา ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ผู้อมตะดำรู้สึกมึนงง

เพราะตอนนี้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนไปถึงก้าวสุดท้ายแล้ว

ขาซ้ายของเขายังอยู่ในแม่น้ำหวนคืนขณะที่เท้าขวาลอยอยู่กลางอากาศและกำลังจะก้าวออกจากแม่น้ำ

ตอนนี้ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดหม่าหงหยุนได้อีก เว้นเพียงจ้าวเหลียนหยุนจะกลายเป็นบ้าหรือหม่าหงหยุนจะยอมแพ้

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น

หม่าหงหยุนก้าวไปข้างหน้า

เขาเหยียบน้ำ

“จ๋อม!”

ด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“เหตุใดถึงมีน้ำ?” หม่าหงหยุนตกตะลึง จ้าวเหลียนหยุนก็มึนงงเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้หม่าหงหยุนอยู่ที่ก้าวสุดท้ายก่อนจะสามารถออกจากแม่น้ำ

แต่ตอนนี้หม่าหงหยุนกลับยังอยู่ในแม่น้ำหวนคืน

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” หม่าหงหยุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขากัดฟันและก้าวต่อไป

เป็นเช่นก่อนหน้าอีกครั้ง เขายังอยู่ในแม่น้ำ

กลุ่มผู้อมตะตะลึง

มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เหมาหลี่ชิวหัวเราะเสียงดัง “ช่างสนุกนัก สนุกเกินไปแล้ว ดูหน้าพวกเจ้าสิ ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันตลกเกินไปจริงๆ”

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนแปลงไป

ผู้อมตะดำตระหนักได้ทันทีว่าเหมาหลี่ชิวแน่ใจว่าหม่าหงหยุนจะไม่สามารถออกจากแม่น้ำหวนคืน นั่นคือเหตุผลที่มันสามารถสงบจิตใจและไม่พยายามที่จะช่วยพวกเขา

“ท่านปู่เหมา เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรร้อนใจถาม

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าโง่ ดูหน้าเจ้าสิ!” เหมาหลี่ชิวหัวเราะและแสดงออกอย่างมีความสุข

“แม่น้ำหวนคืนเป็นเช่นนี้!”

“มันมีส่วนต้นน้ำและปลายน้ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้หนึ่งจะออกจากแม่น้ำหวนคืนจากทางต้นน้ำ เพราะแม่น้ำหวนคืนไม่มีจุดสิ้นสุด ทุกย่างก้าวที่พวกเจ้าเดินไป แม่น้ำหวนคืนจะสร้างส่วนต่อขยายขึ้นใหม่เสมอ”

“ในตำนาน มนุษย์คนแรกต้องการช่วยบุตรชายของเขา แต่วิญญาณชะตากรรมกำหนดชีวิตและความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเอาไว้แล้ว คนตายจะมีชีวิตที่สองได้อย่างไร? นั่นเป็นการขัดต่อกฎของสวรรค์พิภพ ดังนั้นวิญญาณสติปัญญาจึงไม่ได้บอกความลับของแม่น้ำหวนคืนแก่มนุษย์คนแรก”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันตลกเกินไปแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะเจอเรื่องน่าขันเช่นนี้!”

เหมาหลี่ชิวกล่าวและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

มันกลิ้งไปบนพื้นและตบท้องของตนเอง

การแสดงออกของของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

นี่เป็นความลับจากอดีตอย่างแท้จริง

“นี่หมายความว่าในตำนาน วิญญาณสติปัญญาวางกับดักมนุษย์คนแรกงั้นหรือ?”

“มนุษย์คนแรกล้มเหลวในก้าวสุดท้าย แต่ความจริงก็คือไม่มีก้าวสุดท้ายเพราะแม่น้ำหวนคืนไม่มีจุดสิ้นสุด”

“นี่เป็นแผนการของวิญญาณสติปัญญา!”

“เดี๋ยว! นั่นหมายความว่าหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนจะติดอยู่ในแม่น้ำหวนคืนตลอดไปงั้นหรือ?”

บางคนเตือน

กลุ่มผู้อมตะมองกลับไปที่แม่น้ำ

แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่สนใจหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน พวกเขามองฟางหยวนที่อยู่ด้านหลัง

ฟางหยวน!

เขายังไม่ยอมแพ้ เขายังพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

“หลิวกวนซื่อผู้นี้ไม่ถูกกวาดออกมา เขายังพยายามและเข้าใกล้หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ!”

“นั่นหมายความว่าด้วยความเร็วของเขา เขาจะสามารถไล่ตามหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยันได้อย่างแน่นอน?”

“หลิวกวนซื่อมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา การต่อสู้ก่อนหน้านี้สามารถบอกทุกสิ่ง เขาต่อสู้กับท่านไป่เฉินเทียนได้อย่างเท่าเทียมในแม่น้ำหวนคืน!”

ผู้อมตะหลายคนคาดเดา

ในแม่น้ำหวนคืนเหลือเพียงสามคนคือฟางหยวน หม่าหงหยุน และจ้าวเหลียนหยุน

ผู้อมตะที่อยู่ด้านนอกแม่น้ำหวนคืนถูกกวาดออกมาและไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปอีก

‘บัดซบ! ความหวังเดียวในตอนนี้คือหลิวกวนซื่องั้นหรือ?’ ไป่เฉินเทียนคิดขณะที่หน้าผากปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เขาแจ้งเตือนหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน “เดินช้าๆ อย่ารีบร้อน ตราบเท่าที่พวกเจ้ารักษาความเร็วในปัจจุบัน พวกเจ้าจะสามารถอยู่ในแม่น้ำหวนคืนต่อไป!”

ไป่เฉินเทียนเคยต่อสู้กับฟางหยวน เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของฟางหยวนเป็นอย่างดี

ในประเด็นนี้สามารถพิสูจน์ได้จากอาการบาดเจ็บของอิงอู๋เซี่ย เขาเป็นผีดิบอมตะและได้รับความช่วยเหลือจากราชันภูเขาม่วง แต่เขายังอยู่ห่างจากความตายเพียงก้าวเดียว

ดังนั้นหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนจึงต้องหลีกเลี่ยงฟางหยวน

พวกเขาต้องยื้อเวลาจนกว่าฟางหยวนจะไม่สามารถอดทนและถูกกวาดออกไป

นี่เป็นความหวังเดียวของผู้อมตะภาคกลาง

แต่ฟางหยวนยังว่ายต่อไปข้างหน้า เขาไม่เร็ว แต่หากเปรียบเทียบกับหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนที่ช้าเหมือนเต่า ฟางหยวนเหมือนจรวด

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นจากแม่น้ำ เขาอยู่ห่างจากหม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนเพียงร้อยก้าว

ปีศาจอมตะเซี่ยหูเร่งกล่าว “ดีมาก หลิวกวนซื่อ จับพวกเขา แล้วเจ้าสามารถขอสิ่งใดก็ได้จากข้า เมื่อเจ้ามอบพวกเขาให้ข้า เจ้าจะกลายเป็นพันธมิตรของข้า ผู้ใดที่พยายามจัดการเจ้าต้องเผชิญหน้ากับข้าเซี่ยหู!”

เว่ยหลิงหยางตะลึง เขาเร่งกล่าวเช่นกัน “หลิวกวนซื่อ เราคือสิบนิกายโบราณของภาคกลางและเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ หากเจ้าสามารถปกป้องพวกเขา เจ้าสามารถเข้าร่วมกับภาคกลาง เราสามารถเปลี่ยนมิติช่องว่างของเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะภาคกลาง หลังจากทำความดีความชอบครั้งนี้ ภาคกลางจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ไม่ว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจะมอบสิ่งใดให้เจ้า เราสามารถให้เจ้าได้มากกว่าหลายสิบเท่า!”

“ฮืม! หลิวกวนซื่อ แม้เจ้าจะไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน ตราบเท่าที่เจ้าปกป้องหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนและมอบพวกเขาให้กับถ้ำสวรรค์นิรันดร เราจะอนุญาตให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสสุงสุดนอก การเข้าร่วมกับถ้ำสวรรค์นิรันดรจะทำให้เจ้าได้รับผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด เจ้าจะก้าวเข้าสู่ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ ไม่ใช่เส้นทางสายปีศาจ ไม่เพียงพวกเรา แต่ทุกเผ่าของตระกูลฮวงจินจะต้อนรับเจ้า!” ผู้อมตะคลื่นสมุทรนำเสนอเช่นกัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท