เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1290

ตอนที่ 1290

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1290 พักรบ

แปลโดย iPAT

เปลวเพลิงสีซีดราวกับหิ่งห้อยหรือตะเกียงกำลังลุกไหม้อยู่บนกำแพงหิน

มันกำลังส่องสะท้อนใบหน้าของราชันภูเขาม่วงและกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ล่าถอยออกจากแม่น้ำหวนคืน

แต่หลังจากมาถึงที่นี่ ราชันภูเขาม่วงก็กลับสู่สภาวะวิกลจริตอีกครั้ง

เมื่อมองไปยังราชันภูเขาม่วงที่กำลังกัดนิ้วเท้าของตนเอง ไป่หนิงปิงเย้ยหยัน “นี่คือแผนการของเจ้างั้นหรือ? นี่คือผู้อมตะระดับแปดที่จะสังหารฟางหยวนงั้นหรือ?”

ในการเดินทางสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้อิงอู๋เซี่ยจะสามารถปลุกราชันภูเขาม่วงให้ตื่นขึ้น แต่เขาก็สูญเสียซื่อหนิวและไท่เป่ยหยุนเฉิง

ไห่ลั่วหลันเงียบ

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ไม่สามารถเชื่อถือ

แต่เนื่องจากข้อตกลงพันธมิตร ไห่ลั่วหลันจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ

อิงอู๋เซี่ยถูกไป่หนิงปิงเย้ยหยันแต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

หลังจากประสบความล้มเหลวมาหลายครั้ง จิตใจของเขาเริ่มมั่นคงไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใดก็ตาม

เขากล่าวอย่างช้าๆ “ข้าประเมินฟางหยวนต่ำเกินไป ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะสามารถหลอมรวมวิญญาณความพยายามและกลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน ไม่แปลกใจเลยที่เจตจำนงสวรรค์เลือกเขาเป็นเครื่องมือ คนผู้นี้ต้องถูกฆ่าเท่านั้นเพราะเขาจะไม่มีวันยอมจำนน”

อิงอู๋เซี่ยยกย่องฟางหยวน

แม้พวกเขาจะเป็นศัตรู แต่อิงอู๋เซี่ยต้องยอมรับว่าฟางหยวนมีความได้เปรียบและแข็งแกร่งกว่า

ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็น เมื่อนางนึกถึงฉากที่ฟางหยวนพิชิตแม่น้ำหวนคืน นางก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก

ในถ้ำเล็กๆมีเพียงเสียงกรีดร้องของราชันภูเขาม่วงเท่านั้นที่ดังกังวานไปทั่ว

ครู่ต่อมาราชันภูเขาม่วงก็หยุดกรีดร้อง ร่างเล็กลุกขึ้นอย่างสงบ

“นายท่านตื่นแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยดีใจมาก

ราชันภูเขาม่วงยังรู้สึกปวดศีรษะ ใบหน้าของเขายังบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“ก่อนหน้านี้ในแม่น้ำหวนคืน ข้าบังคับตนเองให้ตื่นขึ้น ดังนั้นมันจึงอยู่ได้ไม่นาน แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ข้ามีเวลาอีกมาก การต่อสู้จบลงมานานเพียงใดแล้ว?”

“ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ฟางหยวนหนีออกจากภาคเหนือโดยผ่านกำแพงภูมิภาค ข้าคิดว่าเขาไปที่ทะเลตะวันออก ท้ายที่สุดเขาก็มีรากฐานอยู่ในทะเลตะวันออก สำหรับการต่อสู้ ผลลัพธ์ยังไม่ปรากฏ ผู้อมตะภาคกลางต้องการจากไปแต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูไล่ล่าพวกเขา ในช่วงเวลาสำคัญ คฤหาสน์วิญญาณอมตะบินลงมาจากท้องฟ้าและนำทั้งสองฝ่ายขึ้นไปต่อสู้กันต่อบนสวรรค์สีขาว” อิงอู๋เซี่ยตอบ

ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ครั้งนี้ผู้อมตะภาคกลางจะพ่ายแพ้ ในอดีตเทพอมตะตะวันเดือดเลือกภาคเหนือเป็นอาณาจักรของเขา แล้วเขาจะไม่จัดเตรียมบางสิ่งเอาไว้ได้อย่างไร? นอกจากนั้นในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ผู้อมตะระดับแปดของถ้ำสวรรค์ยังไม่ปรากฏตัว”

“นายท่าน หลังจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร?” อิงอู๋เซี่ยถาม

เมื่อผู้อมตะระดับแปดราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้น เขาจึงกลายเป็นผู้นำนิกายเงาโดยธรรมชาติ

ราชันภูเขาม่วงกำลังจะกล่าวแต่ในจังหวะนี้เสียงลมกลับดังขึ้นในถ้ำอย่างกะทันหัน

ต่อมาเปลวเพลิงบนกำแพงก็เริ่มสั่นไหว

ดววตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น “ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่หลบภัยที่ข้าสร้างขึ้น เปลวเพลิงเหล่านี้เป็นค่ายกลวิญญาณ มันจะปกป้องพวกเราจากการอนุมานของผู้อื่น ตั้งแต่ข้าเป็นบ้า เปลวเพลิงเหล่านี้สั่นไหวไปกี่ครั้งแล้ว?”

“หนึ่งร้อยเจ็ดครั้ง” ไป่หนิงปิงตอบอย่างชัดเจน

“ข้าเกรงว่าการอนุมานของฟางหยวนจะรวมอยู่ในนี้ด้วย การตรวจสอบของเขาพึ่งพาวิธีการบนเส้นทางแห่งโชค แม้เราจะอยู่ในมิติช่องว่าง เราก็ไม่สามารถหลบหนีจากเขา” อิงอู๋เซี่ยกล่าว

ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ฟาหงยวนสมควรเป็นคนที่เจตจำนงสวรรค์เลือกเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดยั้งนิกายเงาของเรา เขาทั้งกล้าหาญและมีพรสวรรค์ พลังใจของเขาก็น่าเหลือเชื่อมาก เขาเป็นอัจฉริยะที่จะพบได้ในรอบหมื่นปีเท่านั้น”

ราชันภูเขาม่วงประเมินฟางหยวนสูงมาก

แต่ผู้อมตะทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ไม่ได้โต้แย้ง พวกเขาเห็นด้วยกับคำกล่าวของราชันภูเขาม่วง

ราชันภูเขาม่วงกล่าวต่อ “ดังนั้นแผนต่อไปของเราก็คือสงบศึกกับฟางหยวน”

นี่เป็นคำกล่าวที่น่าตกใจมาก

“กระไรนะ!? สงบศึก?” อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆตะลึง

“มันแปลกมากงั้นหรือ?” ราชันภูเขาม่วงมองคนทั้งสาม

เขาเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันอย่างชัดเจน

“เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้ารู้น้อยเกินไป ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราตอนนี้ไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นวังสวรรค์” ราชันภูเขาม่วงส่ายศีรษะ “เจ้าคิดว่าการช่วยร่างหลักของเราเป็นเรื่องง่ายงั้นหรือ? นอกจากค่ายกลวิญญาณของภาคใต้และอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ ข้ารับรองได้เลยว่าเมื่อเราโจมตี วังสวรรค์จะขัดขวางพวกเรา เช่นเดียวกับเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน พวกเขาใช้หอคอยดวงตาสวรรค์และพยายามทำลายแผนการของพวกเรา ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไปแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเพื่อช่วยหม่าหงหยุน”

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกล่ายเป็นมืดครึ้ม “นายท่าน ข้าเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ร่างหลักของเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน นั่นเป็นสิ่งที่ข้ากังวล…”

“นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรร่วมมือกับฟางหยวน” ราชันภูเขาม่วงกล่าวเสริม

“ประการแรก ฟางหยวนแข็งแกร่งมาก ท่าไม้ตายอมตะของเขาสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด”

“ประการที่สอง ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกอย่างสมบูรณ์ เขาถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจร้าย ดังนั้นเราจึงมีศัตรูร่วมกันคือวังสวรรค์”

“สุดท้าย ความร่วมมือเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์ นิกายเงาของเรามีทรัพยากรมากมายขณะที่เขามีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถคลี่คลายความฝัน”

อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้วลึก เขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัวและพยายามพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้

แต่ในไม่ช้าเขาก็แสดงออกด้วยความกังวล “ฟางหยวนเป็นนักวางแผนที่ชั่วร้าย เขาคิดว่าพวกเราเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องการกำจัดพวกเรา ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เราต้องการวิธีคลี่คลายความฝันอย่างมากขณะที่ความต้องการทรัพยากรอย่างเร่งด่วนของเขาลดน้อยลง มันยากสำหรับเราที่จะสร้างความร่วมมือ”

ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่เจ้ารู้ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างทารกอมตะหรือไม่?”

“ท่านหมายถึงพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันของร่างทารกอมตะงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่อย่างแน่นอน พลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างทารกอมตะ สิ่งที่ข้าหมายถึงคือปัญหาที่ซ่อนอยู่!” ราชันภูเขาม่วงส่ายศีรษะ

“มีปัญหาร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ด้วยงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยตะลึง

“แผนเดิมของเราคือการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะระดับสิบ มีเพียงวิญญาณอมตะระดับสิบเท่านั้นที่ไร้ข้อบกพร่อง แต่เห็นได้ชัดว่าเราสามารถหลอมรวมวิญญาณระดับเก้าเท่านั้น ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันยังไม่แสดงออกมาในเวลานี้ แต่มันจะบังคับให้ฟางหยวนต้องร่วมมือกับพวกเรา” ราชันภูเขาม่วงกล่าว

ร่างทารกอมตะมีข้อบกพร่องร้ายแรง!

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆสงสัยแต่ราชันภูเขาม่วงไม่ตอบ

ในเวลาเดียวกันราชันภูเขาม่วงก็มีคำถามและข้อสงสัยบางอย่าง

‘แปลก’

‘จากข้อมูลของอิงอู๋เซี่ย นิกายเงาของเราหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอย่างเร่งรีบ มันไม่เหมือนแผนเดิมของเรา’

‘สิ่งใดคือสาเหตุที่ทำให้ร่างหลักต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเช่นนี้?’

‘ดูเหมือนนอกจากสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน ข้ายังต้องเดินทางไปยังสายธารแห่งกาลเวลา’

…..

ทะเลตะวันออก

เหนือทะเลสีฟ้า ฟางหยวนเคลื่อนที่ผ่านก้อนเมฆไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของเขาคือภาคใต้

‘มันเกิดขึ้นอีกครั้ง!’ ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

เขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดที่ลดลงอย่างรวดเร็ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจะหมดพลังในไม่ช้า

เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนกำลังอนุมานเกี่ยวกับตัวเขา

หลังจากตรวจสอบความปลอดภัย ฟางหยวนรีบวางมิติช่องว่าง

เมื่อเข้าสู่มิติช่องว่าง อันตรายของฟางหยวนจะบรรเทาลง

ฟางหยวนถอนหายใจ

หลังการต่อสู้ที่แม้น้ำหวนคืน เขาถูกอนุมานซ้ำแล้วซ้ำอีก

รูปลักษณ์ของหลิวกวนซื่อถูกแพร่กระจายออกไป

ไม่เพียงภาคเหนือแต่มันแพร่กระจายไปทุกภูมิภาค ตอนนี้ทุกคนกำลังค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเขา

หลิวกวนซื่อเป็นตัวตนปลอมแต่เขายังคงเป็นฟางหยวน

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงต้องต่อสู้กับแรงกดดันมหาศาล

แม้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดจะสามารถต่อต้านการอนุมานเหล่านี้แต่มันก็มีเวลาจำกัด

ระหว่างทางฟางหยวนพบกับการอนุมานมาแล้วประมาณห้าร้อยครั้ง

สิ่งนี้รบกวนการเดินทางของเขาเป็นอย่างมาก มันทำให้เขาต้องหยุดเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

ในความเป็นจริงด้วยความเร็วของเขา เวลานี้เขาต้องอยู่ที่ภาคใต้แล้ว

‘หากไม่ใช่เพราะวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด สถานการณ์ของข้าจะเลวร้ายกว่านี้’

‘อย่างไรก็ตามเป็นไปตามการคาดเดา ข้าทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้น ผู้คนต่างเปรียบเทียบข้ากับฟงจิวเก้อ’

‘เมื่อข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ข้าได้รับความช่วยเหลือจากนิกายเงา นั่นทำให้ข้าไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าต้องคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเพื่อต่อต้านการอนุมานเหล่านั้น’

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา การคิดค้นท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันไม่ง่ายเหมือนการสร้างเกราะหวนคืน

ท้ายที่สุดเกราะหวนคืนก็เกิดขึ้นจากหลายองค์ประกอบที่สนับสนุนมันโดยบังเอิญ

สิ่งสำคัญที่สุดคือเขามีวิญญาณอมตะที่สามารถใช้เป็นแก่นกลาง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหา

แต่สำหรับวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืด ไม่ใช่วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ขณะที่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดของฟางหยวนไม่โดดเด่น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท