เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1292

ตอนที่ 1292

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1292 ปัญหาของวิญญาณทัศนคติ

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนหรี่ตา

จดหมายของนิกายเงาเหนือความคาดหมายของเขา

แต่หลังจากไตร่ตรอง มันสมเหตุสมผลมาก

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับทรัพยากรมากมาย แต่พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก มันทำให้สถานะของเขาเทียบเท่ากับฟงจิวเก้อ

ในความเป็นจริงก่อนที่ฟางหยวนจะได้รับจดหมายฉบับนี้ เขาได้รับจดหมายหลายฉบับ

หนึ่งในนั้นคือชูตู๋ ในจดหมาย ชูตู๋แสดงความยินดีกับฟางหยวนที่ได้รับชัยชนะและแสดงความเสียใจที่เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น เขายังกล่าวถึงสถานการณ์ของนิกายชูที่เปลี่ยนเป็นเผ่าชูขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดกลายเป็นผู้อาวุโสนอกทั้งหมด ศิษย์ของชูตู๋อยู่ในสถานะบุตรหลาน ชูตู๋ยังกล่าวถึงความยากลำบากของตนเองเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ การขับไล่ฟางหยวนออกจากนิกายไม่ใช่ความปรารถนาของเขา เขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น

ยังมีจดหมายจากสามปีศาจคลั่ง พวกเขาแสดงความยินดีกับฟางหยวนและต้องการให้ฟางหยวนกลับไปสำรวจถ้ำปีศาจคลั่ง พวกเขากล่าวว่าแม้ภาคเหนือจะไม่ต้อนรับเขา แต่ถ้ำปีศาจคลั่งยังเป็นบ้านของเขาเสมอ พวกเขาใช้ถ้อยคำที่สุภาพมาก นี่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติใหม่ที่พวกเขามีต่อฟางหยวนอย่างชัดเจน

ด้านถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาออกประกาศจับฟางหยวน ท้ายที่สุดเขาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรผู้สังหารหม่าหงหยุน

อย่างไรก็ตามเผ่าหลิวและเผ่าเย่หลิวที่เคยไล่ล่าฟางหยวนกลับสงบลง

พลังการต่อสู้ของฟางหยวนทำให้พวกเขาตกใจมาก พวกเขาเกรงว่าฟางหยวนจะย้อนกลับไปแก้แค้น หลังจากทั้งหมดพลังการต่อสู้ของฟางหยวนในเวลานี้เหนือกว่าชูตู๋ไปแล้ว

“นิกายเงาส่งจดหมายขอความร่วมมือมางั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”

“นิกายเงามีผู้อมตะระดับแปด แต่เขาก็มีจุดอ่อน เขาจะกลายเป็นคนบ้าในบางเวลา” ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชันภูเขาม่วง

ในความเป็นจริงหากฟางหยวนไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณความพยายามและสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน เขาจะพ่ายแพ้และตกลงสู่กับดักของอิงอู๋เซี่ย

กองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงายังเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือ สุดท้ายเขาสามารถฉกชิงร่างทารกอมตะและทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเขากับนิกายเงาไม่สามารถแก้ไข

หากนิกายเงาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง พวกเขาต้องใช้วิธีที่คล้ายคลึงกับปีศาจอมตะเซี่ยหู เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เขาใช้หม่าหงหยุนเป็นวัสดุในการหลอมรวม

ในทำนองเดียวกัน เพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ นิกายเงาต้องใช้ฟางหยวนเป็นวัสดุในการหลอมรวม

แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นถึงจุดที่สามารถยืนหยัดต่อหน้าผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นนิกายเงาจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์และสร้างความร่วมมือกับเขา

ทัศนคติที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้ฟางหยวนต้องถอยหายใจ

พลังอำนาจของเกราะหวนคืนใกล้เคียงกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาสามารถรับการโจมตีของผู้อมตะระดับแปดได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

“แต่การร่วมมือกับนิกายเงาเหมือนการเดินอยู่บนเชือก!”

คำกล่าวของผมที่หกมีเหตุผล มันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด เพียงการแก้ไขกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนและความลับของร่างทารกอมตะ มันก็เพียงพอที่จะโน้มน้าวฟางหยวนแล้ว

แต่ฟางหยวนยังไม่ไว้ใจนิกายเงา

พวกเขาไม่สามารถไว้ใจซึ่งกันและกัน

พวกเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ แล้วพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นมิตรได้อย่างไร?

แม้พวกเขาจะมีเหตุผลและให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ แต่พื้นฐานของความร่วมมือระหว่างผู้อมตะไม่ใช่ชื่อเสียงส่วนบุคคล แต่เป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูล

อย่างไรก็ตามฟางหยวนขาดแคลนทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูล นี่คือจุดอ่อนของเขาขณะที่นิกายเงาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งข้อมูล

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นปรมาจารย์เอกในทุกเส้นทาง เรื่องนี้สามารถเห็นได้จากการสร้างกองกำลังพันธมิตรผีดิบและนิกายท้าทายสวรรค์ในภาคกลาง พวกเขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ทรงพลังมาก มิฉะนั้นองค์กรจะไม่สามารถก่อตั้ง

ฟางหยวนไม่สมารถเชื่อใจนิกายเงา หากเขาให้ความร่วมมือ เขาอาจตกลงสู่กับดัก แล้วเขาจะทำเรื่องงี่เง่าเช่นนั้นได้อย่างไร

แต่ฟางหยวนไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา

เขาส่งจดหมายกลับไปเพื่อตรวจสอบความจริงใจของนิกายเงา ในจดหมายเขาระบุคำขอพิเศษ นั่นคือให้นิกายเงาส่งมอบวิญญาณทัศนคติให้เขาหากต้องการสร้างความร่วมมือ

กล่าวถึงเรื่องนี้ แม้วิญญาณทัศนคติจะอยู่กับฟางหยวนมาตลอด แต่มันไม่ใช่ของเขา มันเป็นเพียงการยืมมาจากไห่ลั่วหลันเท่านั้น

การยืมวิญญาณอมตะย่อมมีเวลาที่ต้องคืน

เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณทัศนคติได้อีก นั่นเป็นเพราะเจตจำนงที่อยู่ในวิญญาณดวงนี้ไม่ใช่เจตจำนงของฟางหยวนแต่เป็นไห่ลั่วหลัน

และตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะถึงกำหนดส่งคืน

วิญญาณทัศนคติเป็นวิญญาณในตำนานที่ใช้เพียงพลังจิต มันมีความสามารถที่โดดเด่นแต่ต้นทุนต่ำ ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับมันมา เขาใช้มันก้าวข้ามภัยพิบัติมาแล้วมากมาย แม้วิญญาณทัศนคติจะไม่มีพลังโจมตี แต่มันก็เป็นตัวช่วยชั้นยอด

หากปราศจากวิญญาณทัศนคติ สถานการณ์ของฟางหยวนจะยากลำบากมากขึ้น

ประการแรก ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจะไม่สามารถใช้งาน แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ปราศจากวิญญาณทัศนคติระดับแปด ประสิทธิภาพของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจะลดลงอย่างมาก มีโอกาสสูงที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย

“หากข้าสามารถใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาของวิญญาณทัศนคติ นั่นจะดีที่สุด” ฟางหยวนรู้สึกมีความหวัง

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เก็บมิติช่องว่างและเดินทางต่อ

…..

ภาคกลาง วังสวรรค์

ในห้องโถง เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะของนาง

ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยควันสีม่วง

นางกำลังอนุมาน

หน้าผากของนางปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อก่อนที่นางจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

“ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะไปถึงเจ็ดท่าแต่ข้ากลับไม่สามารถอนุมานตำแหน่งของผู้อมตะของเรา” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน กลุ่มผู้อมตะภาคกลางพยายามหลบหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุ

วังสวรรค์ส่งกำลังเสริมออกไป

แต่กำลังเสริมชุดแรกหายตัวไปในสวรรค์สีดำ เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถอนุมานตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขา แล้วนางจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร?

ราชันมังกรที่อยู่ด้านข้างเทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้น

“ดูเหมือนเทพอมตะตะวันเดือดได้เตรียมการมากมายเอาไว้ในภาคเหนือ แล้วเจ้าสามารถระบุตำแหน่งของหลิวกวนซื่อหรือไม่?” ราชันมังกรถาม

เทพธิดาจื่อเว่ยส่ายศีรษะ “ดูเหมือนเขาจะมีวิธีป้องกันการอนุมาน แต่มันไม่ทรงพลังนัก อย่างไรก็ตามเรารู้จักเขาน้อยเกินไป หากเรามีข้อมูลสำคัญบางอย่าง ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย”

ราชันมังกรพยักหน้าก่อนกล่าว “เช่นนั้นก็ทำการอนุมานต่อไป นอกจากนั้นส่งข้าไปยังถ้ำมังกรเร้น”

…..

ทะเลตะวันออก

ฟางหยวนถอนหายใจ เขาต้องวางมิติช่องว่างลงอีกครั้ง

หลิวกวนซื่อกลายเป็นคนมีชื่อเสียงของทั้งห้าภูมิภาค พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว

เพื่อรักษาความลับ ฟางหยวนต้องหยุดพักอย่างต่อเนื่อง

ทางเข้ามิติช่องว่างถูกเปิดออกขณะที่ปราณสวรรค์พิภพถูกดูดกลืนเข้าไป

มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพของทั้งห้าภูมิภาค

หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพจากภูมิภาคของตนเองเท่านั้น หากพวกเขาวางมิติช่องว่างลงที่ภูมิภาคอื่น แม้พวกเขาจะสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพ แต่มันจะเกิดความขัดแย้งและทำให้ทรัพยากรที่อยู่ภายในถูกทำลาย

ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนมีทรัพยากรอยู่มากมายตลอดไปถึงสัตว์อสูรและพื้นอสูร ทุกสิ่งล้วนต้องการปราณสวรรค์พิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่น้ำหวนคืน แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องวางมิติช่องว่างจักรพรรดิลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพมากกว่าปกติ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท