เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1299

ตอนที่ 1299

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1299 ธุรกรรมที่สอง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1299 ธุรกรรมที่สอง

แปลโดย iPAT

การหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดยากลำบากกว่าการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหกเป็นอย่างมาก

หากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะระดับหกแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะถือว่าเขาเอาเปรียบและโลภมากเกินไป

มันเป็นการเอาเปรียบที่ทำให้ทุกคนดูแคลน

‘เขาคิดว่าเมี่ยวหมิงเฉินเป็นผู้ใด?’

‘เมี่ยวหมิงเฉินจะถูกเอาเปรียบง่ายๆได้อย่างไร?’

‘เขาคิดว่าผู้อื่นโง่เง่างั้นหรือ?’

กลุ่มผู้อมตะแสดงออกด้วยความไม่พอใจ

แต่ฟางหยวนยังยิ้ม

เขาเข้าใจอารมณ์ของผู้คนเหล่านี้

เขากล่าวต่อ “ท่านจะแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่?”

เมี่ยวหมิงเฉินพยักหน้าและตอบด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ “แน่นอน เจ้าช่วยข้าไว้สองครั้ง สิ่งเหล่านี้เพียงพอแล้ว”

ได้ยินคำตอบนี้ กลุ่มผู้อมตะต้องมองเมี่ยวหมิงเฉินในมุมที่แตกต่างออกไปขณะที่รังเกียจฟางหยวนมากขึ้น

หนึ่งในนั้นก่นเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ

ฟางหยวนหัวเราะ

เขากล่าว “ทุกคนต่างบอกว่าท่านเมี่ยวหมิงเฉินเป็นคนที่น่ายกย่อง เดิมทีข้ายังไม่เชื่อ แต่หลังจากวันนี้ข้าเห็นด้วยกับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ข้าจะกล้าเอาเปรียบท่านได้อย่างไร? ข้าจะชดเชยอย่างอื่นให้ท่านและเชื่อว่าท่านต้องพอใจอย่างแน่นอน!”

หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนส่งมอบบางสิ่งให้เมี่ยวหมิงเฉินอย่างลับๆ

การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินเปลี่ยนไป เขารู้สึกตื่นเต้นมาก “ชูอิง เจ้าจริงจังหรือไม่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า หลังจากทำข้อตกลง ท่านจะรู้ว่าข้าจริงจังหรือไม่?” ฟางหยวนหัวเราะอีกครั้ง

“ขออภัยทุกท่านด้วย เราต้องทำธุรกรรมกันเดี๋ยวนี้” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าวและนำฟางหยวนออกไปจากถ้ำ

พวกเขาออกไปข้างนอกเพื่อทำธุรกรรม หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับเข้ามาอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความผ่อนคลายขณะที่เมี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจมาก

ทั้งสองเดินมาด้วยกันและแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้น

หลังจากนั่งลง เมี่ยวหมิงเฉินก็ปรบมือให้ฟางหยวน “ข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าเป็นครั้งที่สามแล้ว”

“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น นี่เป็นการทำธุรกรรม ไม่ใช่บุญคุณใดๆทั้งสิ้น” ฟางหยวนกล่าวอย่างสุภาพ

ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้กลุ่มผู้อมตะรู้สึกมึนงงมาก

พวกเขาเริ่มคาดเดา ชูอิงใช้สิ่งใดชดเชยและทำให้เมี่ยวหมิงเฉินมีความสุขถึงเพียงนี้?

เมี่ยวหมิงเฉินนั่งลงแต่ฟางหยวนไม่

ครั้งนี้เป็นรอบของฟางหยวน เขาเดินไปที่แท่น

สายตาของกลุ่มผู้อมตะที่มองฟางหยวนเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า พวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ฟางหยวนจะนำเสนอสิ่งใด?

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนเป็นคนแปลกหน้า

จากข้อเสนอก่อนหน้า ฟางหยวนสามารถเดาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกเขา ทรัพยากรอมตะที่พวกเขามีมักถูกผลิตขึ้นในมิติช่องว่างของพวกเขาเอง

ด้วยวิธีนี้คนฉลาดย่อมสามารถคาดเดาบางสิ่ง ตัวอย่างเช่นทรัพยากรในมิติช่องว่าง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่พวกเขามีอยู่ หากเป็นซากศพของสัตว์อสูรที่ได้รับความเสียหาย พวกมันมักมาจากการต่อสู้ หากเป็นซากศพสัตว์อสูรที่สมบูรณ์ พวกมันมักมาจากมิติช่องว่างของพวกเขา สิ่งเหล่านี้สามารถประเมินพลังการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสิ้น

นี่เป็นข้อมูลที่ทุกคนพยายามรวบรวม

ในแง่มุมนี้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลจะมีความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฟางหยวนนำออกมากลับทำให้พวกเขาประหลาดใจ

“ทุกท่าน นี่คือวิญญาณอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกระดูก หนามกระดูก ข้าได้มันมาโดยบังเอิญ แต่ข้าไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกระดูก ข้าต้องการแลกเปลี่ยนมัน มีผู้ใดต้องการสิ่งนี้หรือไม่? สิ่งที่ข้าต้องการเหมือนท่านเมี่ยวหมิงเฉิน ข้าไม่มีข้อกำหนดที่เฉพาะเจาะจง” ฟางหยวนยิ้ม

“วิญญาณอมตะอีกดวง!”

“นี่พึ่งรอบแรกแต่มีวิญญาณอมตะออกมาแล้วถึงสองดวง”

“ชูอิงผู้นี้ค่อนข้างร่ำรวย เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางสายอื่นถึงสองดวง”

“ธุรกรรมแรกประสบความสำเร็จแต่ครั้งนี้อาจไม่ ไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกระดูกอยู่ที่นี่”

กลุ่มผู้อมตะลอบพูดคุยกันอย่างลับๆ

“ไม่มีงั้นหรือ?” ฟางหยวนรออยู่ชั่วครู่แต่ยังไม่มีผู้ใดตอบสนอง

เขาไม่รู้สึกผิดหวัง

มีเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเช่นวิญญาณเต่าพยากรณ์เท่านั้นที่มีค่าพอสำหรับงานประชุมการค้าครั้งนี้

เมื่อฟางหยวนกำลังจะลงจากแท่น เสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้น “เดี๋ยว ข้าคิดว่า…เราสามารถแลกเปลี่ยนด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้”

กลุ่มผู้อมตะหันหน้าไปทางต้นเสียงเพื่อพบกับอู๋หม่าหยาง

‘แปลก เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งความมืด เหตุใดเขาจึงต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกระดูก?’ คำถามนี้ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน

วิญญาณอมตะหนามกระดูกไม่มีความสัมพันธ์กับเส้นทางแห่งความมืด

แต่ในกรณีที่อู๋หม่าหยางมีท่าไม้ตายอมตะที่ต้องใช้วิญญาณอมตะหนามกระดูกก็เป็นไปได้ที่เขาจะต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้้

ทุกคนต่างมีความลับเป็นของตนเอง แม้กลุ่มผู้อมตะจะรู้สึกงุนงง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งคำถามและเพียงมองดูอยู่อย่างเงียบๆเท่านั้น

“ท่านต้องการวิญญาณอมตะหนามกระดูกงั้นหรือ?” ฟางหยวนอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

เขาถาม “ข้าอยากรู้ว่าท่านจะใช้สิ่งใดในการแลกเปลี่ยน?”

วูหม่าหยางกัดฟันกล่าว “ข้าจะแลกเปลี่ยนกับวิญญาณดวงนี้”

เขานำวิญญาณอมตะออกมา

มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหกในระดับเดียวกับวิญญาณอมตะหนามกระดูก

ผู้อมตะบางคนอุทาน “โอ้ นี่คือวิญญาณวันอมตะ!”

ฟางหยวนตะลึง

‘ข้าไม่คาดหวังกับสิ่งนี้ งานประชุมการค้าครั้งนี้ช่างคุ้มค่านัก!’ ฟางหยวนรู้สึกยินดีอยู่ภายในแต่ภายนอกเขาแสดงออกราวกับกำลังครุ่นคิด

ไม่จำเป็นต้องคิด!

ทันทีที่ฟางหยวนเห็นวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาก็ตัดสินใจไปแล้ว

เหตุผล?

เนื่องจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขามีวิญญาณปีอมตะ วิญญาณอมตะราชินีมด และวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ ตลอดไปถึงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอีกมากมาย

เขาจำได้ว่าในมรดกที่แท้จริง ไห่ฟานกล่าวถึงวิญญาณวันอมตะและวิญญาณเดือนอมตะอยู่บ่อยครั้ง

หากผู้สืบทอดสามารถครอบครองวิญญาณวันอมตะหรือวิญญาณเดือนอมตะ ท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณวันหรือวิญญาณเดือนระดับมนุษย์ขณะที่ประสิทธิภาพของมันจะเพิ่มสูงขึ้น

นี่เป็นถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ในมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

ฟางหยวนเห็นสิ่งนี้และไม่จำเป็นต้องคิดมาก

ในความเป็นจริงฟางหยวนพอใจกับวิญญาณปีอมตะอยู่แล้ว

แต่โชคชะตาเป็นเรื่องลึกลับ เมื่อฟางหยวนไม่สนใจวิญญาณวันอมตะและวิญญาณเดือนอมตะ พวกมันกลับปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาโดยไม่คาดคิด

‘มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ’

“แม้ข้าจะไม่คุ้นเคยกับเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่การให้อาหารวิญญาณอมตะหนามกระดูกเป็นภาระสำหรับข้า” ฟางหยวนกล่าว

“วิญญาณวันอมตะกินสายธารแห่งกาลเวลาเป็นอาหาร มันไม่มีปัญหาในการให้อาหาร อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ ข้าต้องการแลกเปลี่ยนมันกับวิญญาณอมตะหนามกระดูกเพื่อใช้มันสนับสนุนท่าไม้ตายอมตะของข้า” อู๋หม่าหยางกล่าว

ทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว

เจตจำนงเดิมที่อยู่ภายในวิญญาณอมตะจะถูกปัดเป่าออกไปขณะที่เจตจำนงใหม่เข้าแทนที่

นี่คือกุญแจสำคัญในการปรับแต่งวิญญาณ

สำหรับวิญญาณป่า พวกมันมีเจตจำนงเป็นของตนเอง ผู้ใช้วิญญาณต้องลบเจตจำนงของพวกมันและเติมเจตจำนงของตนเองเข้าไป

เจตจำนงป่ามีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด พวกมันจะไม่ทำลายตนเอง ดังนั้นแม้การปรับแต่งพวกมันจะค่อนข้างยากแต่มันไม่มีความเสี่ยง

สิ่งนี้แตกต่างจากวิญญาณของผู้อื่น

เจตจำนงของผู้ใช้วิญญาณแตกต่างจากเจตจำนงป่า

หากบางคนฝืนปรับแต่งวิญญาณของผู้อื่น เจตจำนงของผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ภายในอาจระเบิดทำลายตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นปรับแต่งวิญญาณดวงนั้น

เว้นเพียงผู้ใช้วิญญาณจะมีวิธีผนึกเจตจำนงที่อยู่ภายใน แต่โดยทั่วไปแล้วมันเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นและยังมีข้อบกพร่องมากมาย

ด้วยเหตุนี้แม้ฟางหยวนจะสามารถจับกุมไห่เจิ้ง เขาก็ยังไม่ได้รับวิญญาณอมตะศรทมิฬ

และด้วยเหตุนี้แม้ข้อตกลงพันธมิตรระหว่างฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันจะหายไป แต่เขาก็ไม่สามารถปรับแต่งวิญญาณทัศนคติได้โดยตรง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท