เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1300

ตอนที่ 1300

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1300 ปรับแต่งวิญญาณทัศนคติ

แปลโดย iPAT

“งานประชุมการค้าครั้งนี้โดดเด่นมาก”

“ถูกต้อง มันไม่ปกติจริงๆ ในงานประชุมการค้าทั่วไป แม้จะมีการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ แต่มันก็ไม่เคยปรากฏขึ้นตั้งแต่รอบแรก”

การแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะเป็นเรื่องหายาก สมาชิกในงานประชุมมีจำกัด ดังนั้นธุรกรรมวิญญาณอมตะจึงมักจะจบลงด้วยความล้มเหลว

ดังนั้นแม้จะมีการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ มันก็จะเกิดขึ้นในรอบเกือบสุดท้าย

นี่เป็นเรื่องปกติของงานประชุมการค้า

แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป

ไม่เพียงวิญญาณอมตะจะปรากฏขึ้นตั้งแต่รอบแรก แต่มันยังปรากฏขึ้นถึงสองดวงและยังประสบความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนทั้งสองครั้ง!

และในการทำธุรกรรม ฟางหยวนมีบทบาทสำคัญทั้งสองครั้ง

แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมงานประชุมการค้า แต่ผู้อมตะคนอื่นๆไม่กล้าดูแคลนเขาอีกต่อไป

“เรามาเริ่มรอบที่สองกันเถอะ เทพธิดาตงฮัว เชิญ” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าว

เขามีความสุขมาก

งานประชุมการค้าพึ่งเริ่มต้นแต่วิญญาณอมตะถูกแลกเปลี่ยนไปแล้วถึงสองครั้ง ผลลัพธ์นี้จะทำให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายออกไปในทะเลตะวันออก

ตงฮัวออกไปและต้องการแลกเปลี่ยนสัตว์อสูรอีกประเภทหนึ่ง

“ดูเหมือนนางกำลังพัฒนามิติช่องว่าง” ฟางหยวนกล่าวกับเมี่ยวหมิงเฉิน

เมี่ยวหมิงเฉินยิ้ม “น้องชู เจ้าอาจไม่รู้ แต่เทพธิดาตงฮัวพึ่งก้าวข้ามภัยพิบัติเมื่อไม่นานมานี้”

“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนเข้าใจทันที

หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติ ทรัพยากรในมิติช่องว่างของผู้อมตะจะได้รับความเสียหาย ดังนั้นเทพธิดาตงฮัวจึงต้องการใช้งานประชุมการค้าครั้งนี้เพื่อสะสมทรัพยากร

“เทพธิดาตงฮัวมั่งคั่งมาก ไม่เพียงนางจะสามารถพัฒนามิติช่องว่างได้อย่างยอดเยี่ยม นางยังมีทะเลส่วนตัวที่เรียกว่าทะเลแสงสีรุ้ง ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เหนือทะเลของนางก็จะมีธารแสงสีรุ้งปรากฏขึ้นตลอดเวลา มันงดงามมาก ทะเลของนางอยู่ไม่ไกล หลังจบงานประชุมการค้าครั้งนี้ นางยังเชิญทุกคนไปท่องเที่ยวที่ทะเลของนาง เมื่อเวลานั้นมาถึง น้องชูสามารถไปกับพวกเรา” เมี่ยวหมิงเฉินให้ข้อมูลเพิ่มเติม

นี่ทำให้ฟางหยวนเข้าใจนางมากขึ้น

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ กล่าวตามตรง ข้าสนใจราเรืองแสงของนาง” ฟางหยวนกล่าว

“ไม่มีปัญหา ข้าสามารถช่วยเจ้า” เมี่ยวหมิงเฉินมีความสามารถทางสังคม

หลังจากแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะกับฟางหยวน ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นอย่างมาก ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเหตุใดทัศนคติของเมี่ยวหมิงเฉินจึงเปลี่ยนไป เหตุผลก็คือวิญญาณอายุยืน!

ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะระดับหกและวิญญาณอายุยืนเพื่อแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

เมี่ยวหมิงเฉินพอใจกับธุรกรรมนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อฟางหยวนใช้วิญญาณอายุยืนหนึ่งร้อยปีเพื่อชดเชยส่วนต่าง แม้วิญญาณอายุยืนจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ แต่มันหายากมาก

ผู้อมตะหลายคนมักเก็บมันไว้และปฏิเสธที่จะแลกเปลี่ยนพวกมัน พวกเขาจะใช้วิญญาณอายุยืนในช่วงเวลาที่จำเป็นเท่านั้น

แม้อายุขัยของเมี่ยวหมิงเฉินจะยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด แต่มันก็เหลือไม่มาก

ดังนั้นเขาจึงมองหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและพยายามให้วิธีการบางอย่างเพื่อครอบครองวิญญาณอายุยืน

ในชีวิตแรกของฟางหยวน เมี่ยวหมิงเฉินเข้าไปสำรวจปลาวาฬมังกรฟ้าหลายครั้งเพื่อค้นหาวิญญาณอายุยืน

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนเสนอวิญญาณอายุยืนให้เมี่ยวหมิงเฉินโดยตรง แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร?

เมี่ยวหมิงเฉินไม่ใช่คนโง่ เขาคิด ‘นี่หมายความว่าชูอิงมีวิญญาณอายุยืนมากกว่านี้ มิฉะนั้นเหตุใดเขาจึงสามารถนำมันออกมาได้อย่างง่ายดาย?’

ดังนั้นเมี่ยวหมิงเฉินจึงต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับฟางหยวนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

แต่เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความตั้งใจของฟางหยวนอยู่แล้ว

แรงจูงใจของฟางหยวนลึกล้ำกว่า

นั่นคือปลาวาฬมังกรฟ้า!

ตามข้อมูลในชีวิตแรก ฟางหยวนเข้าใจถึงความสำคัญของมันยิ่งกว่าเมี่ยวหมิงเฉินในปัจจุบัน

ธุรกรรมยังดำเนินต่อไป

ในรอบที่สอง ผู้อมตะออกไปนำเสนอสินค้าทีละคน ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ

ไม่นานก็ถึงรอบของฟางหยวน

วิญญาณอมตะหัวใจหญิงงาม

ฟางหยวนกำลังจะนำเสนอวิญญาณอมตะดวงนี้แต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“ขออภัยทุกท่านด้วย มีบางสิ่งเกิดขึ้น ข้าต้องออกไปเดี๋ยวนี้” ฟางหยวนกล่าว

กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง

งานประชุมการค้าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าร่วมแต่ฟางหยวนกลับยอมแพ้อย่างรวดเร็ว

แต่งานประชุมการค้าไม่มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด มันไม่เป็นไรหากฟางหยวนต้องการจากไป ขณะที่คนอื่นๆก็ไม่สามารถหยุดเขา

“เกิดสิ่งใดขึ้น ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?” เมี่ยวหมิงเฉินออกมาส่งฟางหยวน

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เป็นเรื่องเร่งด่วน น่าเสียดายนักที่ข้าพลาดงานประชุมการค้าครั้งนี้!” ฟางหยวนถอนหายใจ

เมี่ยวหมิงเฉินเร่งกล่าว “อย่ากังวล เมื่องานประชุมการค้าถูกจัดขึ้นอีกครั้ง ข้าจะแจ้งเตือนเจ้าอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณล่วงหน้า ลาก่อน”

“แล้วพบกันใหม่”

ฟางหยวนบินหายเข้าไปในกลุ่มเมฆอย่างรวดเร็ว

เมี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจเมื่อเห็นฟางหยวนบินลับตาไป

ขณะที่บินอยู่ในกลุ่มเมฆ การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นน่าเกลียด

เขาต้องจากมาเพราะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญากำลังอนุมานเกี่ยวกับตัวเขา

พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดถูกใช้จนเกือบหมด มันบังคับให้ฟางหยวนต้องออกจากงานประชุมการค้าก่อนเวลาอันสมควร

‘บัดซบ! ผู้อมตะคนใดอนุมานข้า? แต่ข้าสงสัยว่าพวกเขาพยายามอนุมานเกี่ยวกับฟางหยวนหรือหลิวกวนซือ?’

ฟางหยวนรู้สึกเสียดายมาก

หากเขามีเวลามากกว่านี้ เขาอาจสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงาม

โอกาสดังกล่าวหาได้ยากมาก

หลังงานประชุมการค้าครั้งนี้ กลุ่มผู้อมตะจะเก็บตัวเป็นเวลาหลายปีก่อนจะออกมาแลกเปลี่ยนอีกครั้ง

เมื่อไปถึงสถานที่ปลอดภัย ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์ร่วมกับวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์!

ท่าไมตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเรียบง่ายและตรงไปตรงมา

การเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์ทำให้ฟางหยวนมีเวลามากขึ้น

หลังจากนั้นเขาก็วางมิติช่องว่างลง

เขาหลบภัยอยู่ในมิติช่องว่างเป็นเวลาหลายวันและเริ่มคิดเกี่ยวกับการปรับแต่งวิญญาณทัศนคติ

แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะใหม่สองดวง แต่พวกมันไม่มีประโยชน์สำหรับการปรับแต่งวิญญาณทัศนคติ

ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้

บางทีวิญญาณอมตะที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามอาจเป็นวิญญาณอมตะที่เหมาะสม

แต่ฟางหยวนพลาดโอกาสนี้ไป

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต้องรอให้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดฟื้นตัวก่อนจะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง

เมื่อเวลานั้นมาถึง งานประชุมการค้าก็สิ้นสุดลงแล้ว

‘หมายความว่าข้าต้องยืมวิญญาณอมตะจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเท่านั้น’ ฟางหยวนมีแผนสำรอง

แต่นี่ก็เป็นเพียงแผนสำรอง

วิธีที่ดีที่สุดคือจัดการทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง

หากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะของตนเพื่อสร้างท่าไม้ตายที่สามารถปรับแต่งวิญญาณทัศนคติ เขาอาจใช้มันกับเกราะหวนคืนได้เช่นกัน

หากเขาประสบความสำเร็จ แม่น้ำหวนคืนอาจช่วยเขาปรับแต่งวิญญาณอมตะได้ในอนาคต

นี่เป็นเป้าหมายระยะยาวของฟางหยวน

น่าเสียดายแม้เขาจะสามารถเข้าร่วมงานประชุมการค้าแต่เขากลับไม่มีความก้าวหน้าในด้านนี้

โชคดที่แดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยามีความเชี่ยวชาญด้านการหลอมรวม

ด้ายการใช้สวรรค์สีเหลืองเป็นทางผ่านและใช้แต้มผลงานของนิกายหลางหยา ฟางหยวนสามารถยืมวิญญาณอมตะบางดวงได้สำเร็จในที่สุด

ความโกลาหลปะทุขึ้นในสวรรค์สีเหลืองอีกครั้ง แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากทำเช่นนี้

ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและแม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะเพื่อปรับแต่งวิญญาณทัศนคติ

ฟางหยวนจงใจชะลอการเคลื่อนไหวของเขา ครึ่งเดือนต่อมา เขาประสบความสำเร็จในการปรับแต่งวิญญาณทัศนคติ

ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะระดับตำนานในที่สุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท