เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1298

ตอนที่ 1298

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1298 แลกเปลี่ยนวิญญาณ

แปลโดย iPAT

งานประชุมการค้ายังดำเนินต่อไป

ในฐานะเจ้าภาพผู้จัดงาน เดิมทีเมี่ยวหมิงเฉินต้องเป็นคนสุดท้าย

แต่เนื่องจากฟางหยวนเป็นคนใหม่ ตามกฎเขาจึงกลายเป็นคนสุดท้าย

หากเมี่ยวหมิงเฉินไม่ปฏิบัติตามกฎ คนอื่นๆอาจไม่พอใจ

เมี่ยวหมิงเฉินเข้าใจเรื่องนี้และสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตามความคิดของฟางหยวนไม่ได้อยู่ที่เมี่ยวหมิงเฉิน แต่สายตาของเขามองไปยังวิญญาณอมตะที่อยู่ในมือของเมี่ยวหมิงเฉิน

วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์ระดับเจ็ด!

ฟางหยวนถูกล่อลวงทันที

เพราะเหตุใด?

เพราะฟางหยวนมีหลายสิ่งที่ไม่สามารถใช้งานเช่นท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลหรือท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน หากเขาต้องการใช้ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ เขาต้องแน่ใจว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิต มิฉะนั้นเมื่อเบาะแสถูกแพร่กระจายออกไป ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจะสามารถอนุมานเกี่ยวกับตัวเขา

เรื่องนี้ค่อนข้างน่าอึดอัดใจสำหรับฟางหยวน

ยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งมีปัญหา

นิกายเงา วังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดร…ทั้งหมดล้วนเป็นกองกำลังใหญ่

นอกจากนั้นเขายังกลายเป็นศัตรูของปีศาจอมตะเซี่ยหู ผู้อมตะระดับแปดอันดับหนึ่งของภาคเหนือ

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล

อาจมีเพียงการก้าวเข้าสู่ระดับเก้าเท่านั้นที่จะทำให้ฟางหยวนสามารถเปิดเผยตัวตน

ก่อนหน้านั้น แม้ฟางหยวนจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่วังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรก็ยังจะไล่ล่าและสร้างปัญหาให้เขา

‘การปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ยังมีจุดบกพร่องหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือข้ามีข้อบกพร่อง…’

ฟางหยวนไม่สามารถต่อสู้ได้เมื่อเขาเป็นวูอี้ไห่

เพราะเขาไม่ใช่วูอี้ไห่ตัวจริง!

หลังจากค้นวิญญาณของวูอี้ไห่ ฟางหยวนพบว่าวูอี้ไห่มีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสามสิ่ง หนึ่ง ปะการัง สอง นกนางนวล สาม เต่า

ก่อนหน้านี้ระหว่างการต่อสู้ในกำแพงภูมิภาค วูอี้ไห่เคยเปลี่ยนร่างเป็นเต่าเพื่อป้องกันตนเอง

ฟางหยวนจำได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์ สัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังป้องกันเป็นสิบอันดับแรกท่ามกลางสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งหมดของทะเลตะวันออก

แท้จริงแล้วสิ่งนี้สามารถเห็นได้จากมิติช่องว่างของวูอี้ไห่

มิติช่องว่างของวูอี้ไห่เป็นทะเล ภายในมีสิ่งมีชีวิตสามชนิดได้แก่ เต่าศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ปะการังอสูรบรรกาล และนกนางนวลสีน้ำเงิน

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมักเลี้ยงสัตว์อสูรที่ตนเองแปลงเป็นเอาไว้

ประการแรก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่สามารถช่วยในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่นเต่าศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล หากเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะในอนาคต เขาจะฆ่าเต่าตัวนี้เพื่อใช้มันเป็นวัสดุในการหลอมรวม

ประการที่สอง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบชีวิตที่ตนเองต้องการแปลงเป็น ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ การเลี้ยงรูปแบบชีวิตเหล่านั้นเอาไว้ในมิติช่องว่างจะทำให้พวกเขาสามารถสังเกตพฤติกรรมของพวกมันได้อย่างใกล้ชิด

สำหรับฟางหยวน ด้วยความสำเร็จที่เพิ่มสูงขึ้น มันส่งผลกระทบต่อทุกสิ่ง เขาสามารถตระหนักรู้ได้ตามสัญชาตญาณโดยไม่ต้องเสียเวลาสังเกตและฝึกฝนเป็นเวลาอันยาวนาน

‘หากข้ามีวิญญาณอมตะดวงนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อข้า’

หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนต้องการมันมากขึ้น

เต่าพยากรณ์เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งปัญญา ความสามารถหนึ่งของมันคือป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

หากฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์ การเดินทางของเขาจะสะดวกสบายมากขึ้น

เขาสรุปว่าวิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก

หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น มันมีประโยชน์มากเกินไป!

สำหรับคนอื่นๆ วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์ระดับเจ็ดอาจไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดมันก็ทำได้เพียงป้องกันเท่านั้น แต่หากเป็นคนที่มองหาความสามารถในการป้องกันการอนุมาน มันกลับมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับวิธีอื่น

ดังนั้นประโยชน์ของมันจึงน้อยมาก นอกจากนี้มีกี่คนที่จะถูกอนุมานตลอดเวลา? ทุกคนเป็นเหมือนหลิวกวนซื่องั้นหรือ?

อย่างไรก็ตามฟางหยวนแตกต่างออกไป

ตอนนี้เขามีชื่อเสียงอย่างมากในทั้งห้าภูมิภาค กระทั่งตัวตนปลอมของเขาก็ยังเป็นภาระ

นอกจากนี้ฟางหยวนยังสามารถเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์และใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าช่วยเพิ่มพลังอำนาจของมัน ด้วยวิธีนี้ความสามารถในการป้องกันการอนุมานของเต่าพยากรณ์จะเพิ่มสูงขึ้น

ฟางหยวนมองไปรอบๆและพบว่ามีผู้สนใจวิญญาณอมตะดวงนี้ไม่มากนัก

การทำธุรกรรมวิญญาณอมตะทำได้โดยการใช้วิญญาณอมตะในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น

เนื่องจากวิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณค่าของพวกมันไม่สามารถกำหนดได้โดยง่าย กล่าวได้ว่าคุณค่าของวิญญาณอมตะขึ้นอยู่กับตัวของผู้อมตะแต่ละคน วิญญาณอมตะบางดวงอาจมีคุณค่าต่อผู้อมตะคนหนึ่งแต่ไร้ค่าสำหรับผู้อมตะอีกคน

“วิญญาณอมตะ”

“ผู้ใดจะคิดว่าวิญญาณอมตะจะปรากฏตั้งแต่รอบแรก”

กลุ่มผู้อมตะถอนหายใจ พวกเขาพึมพำแต่ยังไม่ตอบสนอง

เมี่ยวหมิงเฉินยิ้ม เขาคาดเดาสิ่งนี้ไว้แล้ว

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมักเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นเพียงสองหรือสามรูปแบบ มิฉะนั้นพวกเขาต้องมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์

อย่างไรก็ตามนี่เป็นความตั้งใจของเมี่ยวหมิงเฉิน

เขาเป็นเจ้าภาพจัดงาน หากข่าวเรื่องวิญญาณอมตะปรากฎขึ้นตั้งแต่รอบแรกถูกแพร่กระจายออกไป มันจะยกระดับงานประชุมการค้าของเขาและดึงดูดผู้อมตะคนอื่นๆให้เข้าร่วมมากขึ้น

“ข้ายินดีแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะดวงนี้” ฟางหยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้

กลุ่มผู้อมตะหันหน้าไปทางฟางหยวนทันที

เมี่ยวหมิงเฉินมึนงงเล็กน้อยก่อนจะตอบสนองด้วยรอยยิ้ม

“ข้าสงสัยว่าท่านต้องการสิ่งใด?” ฟางหยวนถาม

เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะ “ชูอิง นี่เป็นงานประชุมการค้าครั้งแรกของเจ้าและเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า นอกจากนั้นข้าก็ไม่ได้ใช้งานวิญญาณอมตะดวงนี้มากนัก ดังนั้นเจ้าสามารถใช้สิ่งใดก็ได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับมัน”

คราวนี้เป็นฟางหยวนที่มึนงง เขาไม่ได้คาดหวังการตอบสนองลักษณะนี้

แต่ถึงกระนั้นธุรกรรมวิญญาณอมตะก็สามารถทำได้ด้วยการใช้วิญญาณอมตะแลกเปลี่ยนเท่านั้น

ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “ข้ามีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบิน…”

“ตกลง” ก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบประโยค เมี่ยวหมิงเฉินกลับตอบตกลงโดยไม่ลังเล

ฟางหยวนมองเมี่ยวหมิงเฉินและตระหนักว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงมีชื่อเสียงอย่างมากในทะเลตะวันออกและมีผู้อมตะหลายคนที่ภักดีต่อเขา

แต่บางเรื่องยังไม่ชัดเจน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “สหาย ข้าชื่นชมในความตั้งใจของท่าน แต่ข้ายังกล่าวไม่จบ วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกเท่านั้น”

การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินเปลี่ยนไป

การแสดงออกของคนอื่นๆก็เช่นกัน พวกเขามองฟางหยวนด้วยสายตาที่น่ากลัว

วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่งขณะที่วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาและการเปลี่ยนแปลง

เส้นทางความแข็งแกร่งซบเซาขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังได้รับความนิยม ชัดเจนว่าวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินมีค่าน้อยกว่าวิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก

วิญญาณอมตะระดับหกจะสามารถแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดได้อย่างไร?

มูลค่าของพวกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท