เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1302

ตอนที่ 1302

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1302 เปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ ตระกูลวู

ฟางหยวนกลับไปยังฐานทัพใหญ่ของตระกูลวู

วูหยงเรียกเขาเข้าพบทันที

“ท่านพี่ นี่คือวิญญาณอมตะที่ข้ายืมมาจากตระกูล ตอนนี้ข้าขอส่งคืนพวกมัน” ฟางหยวนส่งคืนวิญญาณอมตะ

วูหยงรับพวกมันไว้และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การเดินทางของเจ้าได้รับกำไรหรือไม่?”

ผู้อมตะทุกคนมีความลับของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีสถานะพิเศษเช่นวูอี้ไห่ วูหยงไม่สามารถสอบสวนมากเกินไป คำถามของเขาเป็นเพียงการพูดคุยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

“ข้าได้รับกำไรมหาศาล” ฟางหยวนแสดงออกอย่างมีความสุข

“นั่นเป็นสิ่งที่ดี” วูหยงพยักหน้า

เขาย่อมไม่สามารถจินตนาการได้ว่ากำไรของฟางหยวนยิ่งใหญ่เพียงใด

หลังออกเดินทาง ฟางหยวนไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการสังหารพวกเขา แต่กำไรของฟางหยวนกลับมหาศาลมาก

นอกจากวิญญาณความพยายามและแม่น้ำหวนคืน พลังการต่อสู้ของเขายังเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก เขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดขณะที่ชื่อเสียงของหลิวกวนซื่อโด่งดังไปทั่วโลก

ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังได้เข้าร่วมงานประชุมการค้าของทะเลตะวันออกและได้รับวิญญาณอมตะที่มีประโยชน์มาถึงสองดวง

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ท่านพี่ ข้าสงสัยว่าเมื่อใดที่ข้าจะสามารถกลับเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ? โปรดจัดการให้ข้าด้วย” ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน

วูหยงพอใจกับการแสดงออกของฟางหยวน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาสามารถควบคุมตระกูลวูได้ดี แม้จะมีอุปสรรค์เล็กๆน้อยๆในตระกูล เขาก็ยังสามารถปกครองและรวมอำนาจ

ตอนนี้วูหยงแตกต่างจากก่อนเข้ารับตำแหน่ง เขาดูสงบนิ่งและทรงอำนาจมาก

เขามีความสุขเกี่ยวกับทัศนคติของฟางหยวนเช่นกัน

ตระกูลแตกต่างจากนิกาย สายเลือดมีความสำคัญที่สุด

สถานะของวูอี้ไห่ทำให้เขาเป็นคนพิเศษของตระกูล ในแง่ของสายเลือด เขาด้อยกว่าเพียงวูหยงเท่านั้น

วูอี้ไห่ต้องการบ่มเพาะอยู่อย่างเงียบๆ แน่นอนว่าวูหยงต้องตอบสนองความต้องการของน้องชายผู้นี้

ดังนั้นเขาจึงรีบตกลง “เจ้าไปพักเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยภายในสองหรือสามวัน”

“ขอบคุณท่านพี่ เช่นนั้นข้าขอลา” ฟางหยวนกลับไปหลังจากบรรลุเป้าหมาย

เขามีบ้านอยู่ในตระกูลวู

เมื่อเขาเข้าร่วมกับตระกูลวู ภูเขาผาหมีถูกส่งมอบให้เขา

‘วูหยงเริ่มควบคุมตระกูลแล้ว’

‘ตัวตนของวูอี้ไห่อ่อนไหวมาก หากเขาทำงานกับกลุ่มที่มีความทะเยอทะยานเช่นตระกูลเฉียว เขาจะทำให้วูหยงปวดหัว’

‘ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย วูหยงจะไม่ให้วูอี้ไห่เตร็ดเตร่ไปขอความช่วยเหลือจากกองกำลังอื่นและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง’

วูตู๋ซิ่วพึ่งเสียชีวิต สถานการณ์ของวูหยงยังไม่มั่นคง ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่ได้กลับเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ

เขาใช้ช่วงเวลานี้บ่มเพาะอยู่อย่างเงียบๆที่บ้านของตน

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพ

‘รากฐานของมิติช่องว่างจักรพรรดิลึกซึ้งเกินไป ทุกครั้งที่มันดูดซับปราณสวรรค์พิภพ ความวุ่นวายครั้งใหญ่จะปะทุขึ้น’

‘แม่น้ำหวนคืนกินปราณสวรรค์พิภพเข้าไปมากจริงๆ ดูเหมือนข้าต้องดูดดซับปราณสวรรค์พิภพก่อนจะเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ มิฉะนั้นมิติช่องว่างของข้าอาจพังทลาย’

มันเป็นรูปแบบหนึ่งของภาระแต่มันก็เป็นสิ่งที่ดี

แม้วูหยงจะบอกให้เขาพักผ่อนแต่ฟางหยวนไม่ได้พักผ่อน

เขายังบ่มเพาะอย่างไม่หยุดยั้ง

ในช่วงเวลานี้ผู้อมตะมากมายมาขอพบวูอี้ไห่แต่ฟางหยวนปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด

ทัศนคตินี้ทำให้วูหยงพอใจมาก เขารู้สึกว่าวูอี้ไห่ไม่ได้พยายามเข้าไปยุ่งกับธุรกิจของตระกูล ดังนั้นเขาจึงมอบทรัพยากรอมตะมากมายให้กับฟางหยวนและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะพี่ชายที่แสนดี

บนยอดเขา ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นเต่า

เต่าตัวนี้มีขนาดใหญ่พอๆกับบ้าน มันมีสีดำและเปลือกที่แข็งแกร่ง

มันก็คือเต่าพยากรณ์

สัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งปัญญา หลังจากเปลี่ยนเป็นร่างนี้ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนก็กลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา

ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เพิ่มสูงขึ้นรวมกับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน มันทำให้ประสิทธิภาพในการอนุมานของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกมากกว่าสิบเท่า

แม้วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญา หรือกระทั่งวิญญาณดาบบิน วิญญาณดาบทะลวงมิติ แต่สำหรับฟางหยวน มันมีประโยชน์มาก!

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสว่างส่องประกายขึ้นในดวงตาของเต่าพยากรณ์

‘หลังจากทำงานหนักมาสิบวัน ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จในการอนุมานท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ที่สมบูรณ์แบบ’

ด้วยความประสงค์ของฟางหยวน เขากลับสู่ร่างมนุษย์

หลังจากนั้นเขายังฝึกท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…

หลังจากสิบครั้ง ในที่สุดเขาก็หยุด

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ฉบับปรับปรุง!

เขาเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเข้าไปหลายดวงเช่นวิญญาณหัวเต่า วิญญาณหางเต่า วิญญาณขาเต่า และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันการอนุมานของเต่าพยากรณ์

แน่นอนว่ามันยังมีแกนกลางเพียงสองดวงเท่านั้น

หนึ่งคือวิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์ และอีกหนึ่งคือวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์

เต่าพยากรณ์มีร่างกายที่ใหญ่โตขึ้น ตอนนี้มันดูเหมือนเต่าพยากรณ์บรรพกาลที่แท้จริงอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดองเต่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล

‘ดีมาก ข้ามาถึงขีดจำกัดในปัจจุบันแล้ว’ ฟางหยวนทดลองและรู้สึกยินดีมาก

ทั้งหมดต้องขอบคุณความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งปัญญาของเขาที่ทำให้การพัฒนาท่าไม้ตายนี้ง่ายดายราวกับการดื่มน้ำ

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งดาบ ขณะที่ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์อยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งปัญญา

กล่าวได้ว่าตอนนี้ฟางหยวนมีวิธีการต่อสู้รูปแบบใหม่แล้ว

ฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล เกราะหวนคืน หรือหมื่นตัวตนในการต่อสู้ ดังนั้นท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์บรรพกาลจึงสามารถแก้ไขจุดบกพร่องในปัจจุบันของฟางหยวน

ฟางหยวนหยุดการฝึกและพักฟื้นพลังจิต

เขาปิดเปลือกตาลงและเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

พื้นที่ก่อนหน้า!

วิญญาณอมตะระดับหกดวงนี้ถูกใช้กับแม่น้ำหวนคืน!

ลูกพลัมแดงอมตะของเขาถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำหวนคืนค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น

‘ประสิทธิภาพต่ำเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจ เขาค่อนข้างผิดหวัง

แต่นี่ไม่ใช่การทดลองครั้งแรกของเขา

วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าส่งผลกระทบต่อแม่น้ำหวนคืนแต่ประสิทธิภาพของมันยังต่ำเกินไป

เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป

‘เหตุใดวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าจึงมีประสิทธิภาพสูงเมื่อใช้กับภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปแต่แม่น้ำหวนคืนแทบไม่ได้รับผลกระทบ?’

ฟางหยวนไม่เข้าใจเรื่องนี้

แม่น้ำหวนคืนพิเศษกว่าภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปงั้นหรือ?

มีเหตุผลใดซ่อนอยู่?

หากเขาสามารถฟื้นฟูแม่น้ำหวนคืนได้ทันที นั่นจะดีมาก

แต่ความเป็นจริงกลับไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ฟางหยวนต้องการ

‘เดี๋ยว! ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเคยอยู่ภายใต้การครอบครองของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างวิญญาณทารกอมตะ บางที…แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสองอาจถูกดัดแปลงโดยนิกายเงาเช่นเดียวกับไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆที่สามารถใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางสายอื่นและไม่ถูกจำกัดโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกัน’

ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจ

แต่การคาดเดาของเขาถูกต้อง

นิกายเงาไม่เพียงมีวิธีที่อนุญาตให้ผู้อมตะบ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่นโดยไม่เผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแแห่งเต๋า แต่พวกเขายังสามารถดัดแปลงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเพื่อให้วิญญาณอมตะสามารถใช้กับพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาส่งผลกระทบอย่างมากต่อภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเพราะพวกมันไม่ต่อต้านร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

ต้องไม่ลืมว่าวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าเคยเป็นของนิกายเงามาก่อน มันถูกส่งผ่านให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงโดยราชันภูเขาม่วง

สำหรับแม่น้ำหวนคืน นิกายเงาไม่เคยครอบครองมัน ดังนั้นแม่น้ำหวนคืนจึงไม่ถูกดัดแปลง

เมื่อฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้ากับแม่น้ำหวนคืน มันจึงเกิดความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันทำให้ประสิทธิภาพของวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าลดลง

‘แม่น้ำหวนคืนสูญเสียน้ำไปมากจากการโจมตีของผู้อมตะระดับแปด แต่โชคดีที่มันสามารถฟื้นตัวขึ้นแม้ความเร็วจะไม่มากก็ตาม’

‘ข้าสามารถใช้เกราะหวนคืนต่อต้านอสูรปีแรกกำเนิดหรือไม่?’

ฟางหยวนคิดและส่ายศีรษะ

แม่น้ำหวนคืนใช้ป้องกันร่างกายของเขาเท่านั้น หากอสูรปีแรกกำเนิดบุกเข้ามาในมิติช่องว่างของเขาและทำลายมันโดยตรง เขาจะไม่สามารถทำสิ่งใด

เขาคิดเรื่องนี้เพราะกังวลเกี่ยวกับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำที่ถูกผนึกอยู่

แม้พลังการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มสูงขึ้น แต่เขายังไม่สามารถปลดผนึกวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ

ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนยังบ่มเพาะอยู่อย่างเงียบๆและรอการจัดเตรียมของวูหยงเพื่อกลับไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน

แต่สองวันต่อมากลับมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท