เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1307

ตอนที่ 1307

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1307 ชาสี่ฤดู

แปลโดย iPAT

ท้องฟ้ามืดครึ้ม ละอองฝนโปรยปราย

ฟางหยวนบินผ่านท้องฟ้าท่ามกลางกลุ่มเมฆหมอก

“ข้ามาแล้ว” เขาพบเป้าหมาย

ท่ามกลางภูเขาสีเขียว ยอดเขาเยือกแข็งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มันเป็นสีขาวและแตกต่างจากภูเขาอื่นๆอย่างสิ้นเชิง

ที่ยอดเขาเยือกแข็งมีคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ตั้งอยู่ ผู้อมตะเซี่ยจ้าวโม่และเซี่ยเฟยกุ้ยตระหนักถึงการมาถึงของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนมาที่นี่เพื่อเจรจา เขาไม่ได้ปิดบังการปรากฏตัวของตนเอง

“ในที่สุดเขาก็มาถึง วูอี้ไห่ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก เขาใช้เวลาครึ่งเดือนในการเดินทางที่ควรใช้เวลาเพียงสามวัน” เซี่ยเฟยกุ้ยขมวดคิ้ว

“ลืมมันไปซะ เขามาแล้ว ไปกันเถอะ” เซี่ยจ้าวโม่ยิ้ม

ทั้งสองฝ่ายพบกันบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยประเมินวูอี้ไห่และคิดว่า ‘เขาดูคล้ายวูตู๋ซิ่วจริงๆ’

ฟางหยวนประเมินฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน เซี่ยเฟยกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้

ตามข้อมูล เซี่ยเฟยกุ้ยเป็นคนใจร้อนแต่เขามีพลังการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม สำหรับเซี่ยจ้าวโม่ เขาอาวุโสน้อยกว่าแต่เขาเป็นคนรอบคอบและจะคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก

ชัดเจนว่าเซี่ยเฟยกุ้ยคือเครื่องจักรสังหารที่เซี่ยจ้าวโม่พยายามใช้งาน

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายพบกัน ดังนั้นผู้อมตะตระกูลเซี่ยจึงนำฟางหยวนไปยังยอดเขาเยือกแข็ง

“เชิญดื่มชาก่อน” สองผู้อมตะตระกูลเซี่ยทำตัวราวกับเป็นเจ้าของสถานที่ พวกเขากำลังประกาศว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว แต่ฟางหยวนทำตัวราวกับไม่รู้สิ่งใด

เขายิ้มและดื่มชา

“ชาไม่เลว” เขาชม

เซี่ยจ้าวโม่ยิ้ม “นี่คือชาสี่ฤดูของตระกูลเซี่ย ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเราผลิตมันขึ้นมาด้วยตนเอง เพียงจิบเดียว ท่านจะได้ลิ้มรสชาติที่แตกต่างกันสี่รสชาติ มันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงฤดูกาลทั้งสี่ ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าชาสี่ฤดู”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ชาสี่ฤดูที่นางผลิตขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่น่าทึ่งของนางบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยใช้ชานี้เพื่อกดดัน แต่หลังจากดื่มชา ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มกว้าง

“นี่เป็นชาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าสงสัยว่าข้าสามารถเติมชาอีกได้หรือไม่? ข้าขอเพิ่มอีกสักสองสามกา” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่ผู้อมตะตระกูลเซี่ยมองหน้ากัน

เซี่ยจ้าวโม่คิด ‘วูอี้ไห่ผู้นี้ช่างโลภมากนัก อย่างไรก็ตามแม้เราจะเป็นศัตรูแต่การแสดงออกที่สง่างามของฝ่ายธรรมะก็เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การเมืองยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตอนนี้พวกเราเป็นศัตรูกันแต่ผู้ใดจะรู้ว่าในอนาคตพวกเราอาจต้องร่วมมือกับตระกูลวู’

เซี่ยจ้าวโม่ตัดสินใจและกำลังจะกล่าวแต่เซี่ยเฟยกุ้ยกลับชิงตัดหน้า “นี่ไม่ใช่สิ่งใด พวกเรามีชาสี่ฤดูอยู่มากมาย หากเจ้าต้องการ เจ้าจะได้รับมัน”

หลังกล่าวจบคำ เขานำใบชาสี่ฤดูออกมาทันที

“เช่นนั้นข้าก็จะรับไว้” ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่

เซี่ยเฟยกุ้ยกระตุ้น “มาพูดถึงยอดเขาเยือกแข็งกันเถอะ”

ฟางหยวนยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างช้าๆก่อนจะวางลงและกล่าว “เชิญกล่าว”

เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งกล่าวอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ต้องใช้เวลานานในการอธิบาย พวกเรารู้ต้นกำเนิดของมันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ เสี่ยวจาง ออกมา”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเดินออกมาจากประตูด้านใน

“ทายาทจางซานเฟิง จางไคซุ้ย คารวะผู้อมตะทั้งสาม” ผู้ใช้วิญญาณชราเดินออกมาทักทาย

“เสี่ยวจางเป็นทายาทผู้สืบสายเลือดที่แท้จริงของจางซานเฟิง มานี่ วูอี้ไห่ ทดสอบเร็วเข้า” เซี่ยเฟยกุ้ยลุกขึ้นและลากจางไคซุ้ยไปหาฟางหยวนด้วยท่าทางรีบร้อน

จางซานเฟิงไม่ใช่ชื่อจริงของผู้บ่มเพาะสันโดษเจ้าของยอดเขาเยือกแข็ง มันเป็นเพียงชื่อที่คนทั่วไปรู้จักเท่านั้น

ชื่อจริงของเขาไม่เป็นที่รู้จัก เขาเปิดเผยเพียงแซ่ของตนเอง ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเขาว่าจางซานเฟิง

กระทั่งบุตรหลานของเขาก็ไม่เคยรู้จักชื่อจริงของเขา

ฟางหยวนรู้เรื่องนี้จากข้อมูลของตระกูลวู

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนโบกมือด้วยความสับสน “เดี๋ยว! ผู้ใช้วิญญาณผู้นี้คือผู้ใด?|

เซี่ยเฟยกุ้ยตะลึง

จางไคซุ้ยกำลังจะกล่าวแต่เซี่ยเฟยกุ้ยชิงตัดบท “เขาคือจางไคซุ้ย เขาแนะนำตัวเองไปแล้ว เราทุกคนรู้ดี”

“ข้ารู้ว่าเขาชื่อจางไคซุ้ย” ฟางหยวนพยักหน้า

แต่เขาหยุดและดื่มชาก่อนกล่าวต่อ “แต่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ผู้นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับยอดเขาเยือกแข็ง?”

“มันเป็นเช่นนี้ บรรพบุรุษของเขา จางซานเฟิง ครั้งหนึ่ง…” เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งอธิบาย

“เดี๋ยว!” ฟางหยวยหยุดเขา “ผู้ใดคือจางซานเฟิง?”

เซี่ยเฟยกุ้ยตะลึง “วูอี้ไห่ เจ้าไม่รู้ว่าจางซานเฟิงคือผู้ใดงั้นหรือ?”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเขินอาย “ตระกูลของข้าให้ข้ามาปกป้องยอดเขาเยือกแข็ง แต่ข้าเดินทางมาอย่างเร่งรีบ ข้าไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ โปรดอย่าขุ่นเคือง”

เซี่ยเฟยกุ้ยคิด ‘เจ้าใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อเดินทางมาที่นี่ นี่คือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าเร่งรีบงั้นหรือ?’

เขาคิดเช่นนี้แต่เขากล่าวอีกอย่าง “เช่นนั้นข้าจะบอกเหตุผลให้เจ้าฟัง”

เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งอธิบายเหตุผลทางประวัติศาสตร์ในพริบตา

ฟางหยวนดื่มชาและพยักหน้า

เซี่ยเฟยกุ้ยกล่าว “ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?”

ฟางหยวนวางถ้วยชาลง เขายืนขึ้นและป้องหมัดไปที่เซี่ยเฟยกุ้ย

เซี่ยเฟยกุ้ยไม่รู้ว่าเหตุใดฟางหยวนถึงทำเช่นนี้ แต่พวกเขาเป็นฝ่ายธรรมะ ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นพวกเขาก็ต้องแสดงออกด้วยความสุภาพ ในสถานการณ์นี้เขาต้องป้องมือตอบ

ต่อมาเขาเห็นฟางหยวนยิ้มอีกครั้งด้วยความเขินอาย

ฟางหยวนกล่าว “ขอบคุณที่บอกข้า แต่ท่านอธิบายเร็วเกินไป ข้าเข้าใจเรื่องราวเพียงคร่าวๆ ข้ายังไม่เข้าใจทั้งหมด ท่านช่วยบอกข้าอีกครั้งได้หรือไม่?”

“อีกครั้ง?” เซี่ยจ้าวโม่ขมวดคิ้ว

เซี่ยเฟยกุ้ยไม่ได้อธิบายซ้ำ เขากล่าว “ส่วนใดที่เจ้าไม่แน่ใจ ข้าสามารถอธิบายให้เจ้าฟัง”

น้ำเสียงของเขาชัดเจนว่าไม่มีความสุข

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท