เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1315 สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา
แปลโดย iPAT
ภาคใต้
สายฝนโปรยปรายลงบนยอดเขา
ฟางหยวนในชุดคลุมสีน้ำเงินมองแม่น้ำและภูเขาที่อยู่ห่างออกไป
ภูเขาลูกนี้ค่อนข้างพิเศษ
มันสูงสั้นชันและเอียง
แต่ภูเขาทั้งลูกมีรูปร่างเป็นทรงกลม
มันเหมือนหอยทาก
ผู้คนเรียกมันว่าหอกภูเขา
มันเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด!
ร่างของมันซ่อนอยู่ในเปลือกหอย ตอนนี้มันตื่นแล้วและกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ
“ครืน…”
การเคลื่อนที่ของมันทำให้พื้นที่รอบๆเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ฝูงนกบินหลบหนีกระจัดกระจายกันไปอย่างไร้ระเบียบ
ฟางหยวนมองการเคลื่อนไหวของมันจากยอดเขาอีกแห่งหนึ่ง
แม้หอยภูเขาตัวนี้จะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดแต่มันอ่อนโยนมาก เป็นเรื่องยากที่จะทำให้มันโกรธ อาจกล่าวได้ว่ามันไม่มีอันตรายใดๆ
ไม่เพียงไม่มีอันตรายแต่มันยังมีประโยชน์
เนื่องจากร่างกายของมันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งปฐพี ดังนั้นมันจึงให้กำเนิดทรัพยากรบนเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งปฐพีจำนวนมาก
หอยภูเขาไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของกองกำลังใดกองกำลังหนึ่ง
มันเป็นเรื่องยากแม้แต่ผู้อมตะระดับแปดที่จะควบคุมมัน
เพราะหอยภูเขาเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งทาส
นานมาแล้วกองกำลังใหญ่ของภาคใต้ได้ทำข้อตกลงว่าตราบเท่าที่หอยภูเขาไม่ถูกควบคุมโดยบางคน พวกมันจะเป็นหอยภูเขาป่าและถูกพิจารณาว่าเป็นทรัพยากรของตระกูลในพื้นที่ที่มันอาศัยอยู่
เดิมทีหอยภูเขาตัวนี้อาศัยอยู่ในอาณาเขตของตระกูลวู
แต่ตอนนี้มันกำลังเคลื่อนที่ออกจากเขตปกครองของตระกูลวู
ก่อนหน้านี้วูตู๋ซิ่วตั้งใจขยายอาณาเขตของตระกูลวูออกไปเพื่อเก็บรักษาหอยภูเขาตัวนี้เอาไว้
สถานที่ที่หอยภูเขากำลังมุ่งหน้าไปไม่ใช่อาณาเขตของกองกำลังฝ่ายธรรมะ
นี่หมายความว่าหอยภูเขาจะได้รับอิสระอีกครั้ง
โดยธรรมชาติแล้ววูหยงย่องไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดแคลนกำลังคน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องส่งน้องชายของเขาวูอี้ไห่ออกไปเท่านั้น
“วูอี้ไห่? ข้าชื่อฉินจินเฉิง ข้าถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา” ผู้อมตะผู้หนึ่งบินมาจากยอดเขาอื่น
ผู้อมตะเฒ่าผู้นี้อยู่ในชุดเกราะสีเทาที่ดูเลอะเทอะกับเส้นผมเป็นสีขาวสลับดำที่ดูยุ่งเหยิง
แต่เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดที่ทรงพลังและสง่างามออกมาโดยเฉพาะดวงตาของเขาที่ส่องประกายแหลมคม ตอนนี้เขากำลังมองฟางหยวนราวกับผู้อาวุโสที่พบผู้เยาว์
“ข้า วูอี้ไห่ คารวะผู้อาวุโสแห่งขุนเขา” ฟางหยวนโค้งคำนับเล็กน้อย การทักทายของเขาเหมือนผู้คนฝ่ายธรรมะ
ชื่อของสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขามีคำว่าเฒ่าอยู่ในชื่อเพราะเขาเป็นทหารผ่านศึกเฒ่าที่มีอายุมากกว่าสองพันปี
เขามีวิญญาณอายุยืนและมีวิธียืดอายุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
พลังการต่อสู้ของเขาสูงมากเช่นกัน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญท่ามกลางผู้บ่มเพาะสันโดษและอยู่ในระดับใกล้เคียงกับวูอวี้ป๋อของตระกูลวู
ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นเซี่ยเฟยกุ้ยไม่สามารถเปรียบเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาผู้นี้
ดังนั้นเมื่อสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาปรากฏตัว เขาจึงปฏิบัติตัวในฐานะผู้อาวุโสแม้ฟางหยวนจะมาจากตระกูลวูก็ตาม
“ฮ่าฮ่า มันถึงเวลาที่ตระกูลวูจะส่งบางคนมาแล้วจริงๆ ไปนั่งคุยกันเถอะ” สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาหัวเราะและนั่งลงบนก้อนหิน
ฟางหยวนยิ้มและนั่งลงเช่นกัน
ฟางหยวนนั่งบนก้อนหินโดยปราศจากความเย่อหยิ่ง นี่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาเกิดความประทับใจที่ดี “ข้าเกือบลืมไปเลยว่าเจ้าเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษก่อนจะเข้าร่วมกับตระกูลวู เจ้าไม่มีท่าทางเจ้าเล่ห์ของสมาชิกฝ่ายธรรมะเหล่านั้น”
ฟางหยวนส่ายศีรษะเล็กน้อย “ฝ่ายธรรมะมีวิธีการของพวกเขา สำหรับข้า ข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษอยู่ในทะเลตะวันออก นิสัยเหล่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาหัวเราะเสียงดัง “ข้าได้ยินว่าเจ้าขับไล่ผู้อมตะสองคนของตระกูลเซี่ยแต่กลับปล้นสะดมทรัพยากรของยอดเขาเยือกแข็ง”
ฟางหยวนแสดงออกด้วยความประหลาดใจ “ผู้อาวุโส นั่นเป็นเพียงข่าวลือ ข้าไม่เคยทำเช่นนั้น”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาหัวเราะก่อนจะถอนหายใจยาว “ผู้อมตะฝ่ายธรรมะไม่เข้าใจเจ้าแต่ข้าเข้าใจ มันยากสำหรับพวกเราผู้บ่มเพาะสันโดษที่จะกลายเป็นผู้อมตะ เราต้องหาทรัพยากรในการบ่มเพาะด้วยตนเองและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสในอนาคตหรือไม่ ดังนั้นเราจึงต้องคว้าผลประโยชน์ในปัจจุบันอย่างสุดกำลัง ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคต”
“สำหรับฝ่ายธรรมะ พวกเขาบ่มเพาะอยู่ในบ้านและมีทรัพยากรอย่างเพียงพอ พวกเขาจะเข้าใจความเจ็บปวดและความยากลำบากของพวกเราได้อย่างไร?”
การแสดงออกของฟางหยวนสงบลง เขาไม่ได้สรรเสริญและไม่ได้โต้แย้ง
เขารู้ว่าคำกล่าวของสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับเขาเท่านั้นแต่มันเป็นการแสดงความตั้งใจของเขา ผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าของสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาก็คือหอยภูเขา เขากำลังบอกว่าการตัดสินใจของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง วูอี้ไห่ เจ้าต้องตระหนักถึงเรื่องนี้
“ข้าเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว ผู้อาวุโส แต่ข้ายังต้องขอให้ท่านเข้าใจข้าเช่นกัน ข้ามาที่นี่เพราะมีปัญหา” ฟางหยวนกล่าว
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาหัวเราะเยาะ “ทุกคนล้วนมีปัญหาของตนเอง”
ด้วยอายุและประสบการณ์ คำกล่าวของคนผู้หนึ่งจะมีความหมายลึกซึ้งมากขึ้น
ทุกคนมีปัญหาของตนเอง มันหมายความว่าเขาก็มีปัญหาเช่นกันและยิ่งกว่านั้นมันยังบอกว่าตระกูลวูอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ฟางหยวนไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
บางครั้งความเงียบก็เป็นกลยุทธ์ที่ดี
แน่นอนว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาไม่สามารถนิ่งเฉย เขาส่งวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวน “ลองดู”
เนื้อหาภายในระบุทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงมาก หากฟางหยวนได้รับพวกมัน เขาจะสามารถสร้างถ้ำขดด้ายได้ทันที
“เรามาร่วมมือกัน ข้าจะเอาหอยภูเขา ส่วนเจ้าจะได้รับรับสิ่งเหล่านี้ เจ้าคิดอย่างไร?” สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขายิ้ม
เขากำลังติดสินบนฟางหยวน!
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
มันอยู่ในความคาดหวังของฟางหยวน
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ จากมุมมองของเขา เขาไม่ต้องการรุกรานกองกำลังอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะ แม้ตระกูลวูจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่กองกำลังนี้ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาจะสามารถคุกคามด้วยตัวเขาเพียงลำพัง
สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือหากสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาได้รับหอยภูเขาตัวนี้ เขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอีกต่อไป
เขาไม่สามารถเก็บหอยภูเขาไว้ในมิติช่องว่างของตน นอกจากนั้นเขายังต้องปกป้องมันจากการโจมตีของศัตรูในอนาคต
หากเขารุกรานตระกูลวู ตระกูลวูจะส่งกองทัพผู้อมตะออกมาโจมตีเขา แล้วเขาจะรับมือกับสิ่งนี้ได้อย่างไร?
แม้เขาจะสามารถรับมือได้ครั้งหนึ่ง แล้วครั้งที่สอง ครั้งที่สาม?
กระทั่งเขาจะรับมือได้ทุกครั้ง แต่เขาก็ยังต้องพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาจะยังมีช่วงเวลาบ่มเพาะที่สงบสุขอีกหรือไม่หากเขาถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีก?
ด้วยเหตุนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาจึงเหลือทางเลือกเดียว
นั่นคือเจรจากับตระกูลวู
ตระกูลวูไม่ต้องการปล่อยหอยภูเขาตัวนี้ไป แต่ตระกูลวูเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มันย่อมมีช่องโหว่บางอย่าง
“ผู้อาวุโส ท่านต้องการใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับสัตว์อสูรแรกกำเนิดงั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง
“ทรัพยากรเหล่านั้นล้ำค่ามาก หอยภูเขาตัวนี้อาจเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดแต่ผู้ใดสามารถควบคุมมัน หากข้าเป็นเจ้าของมัน ข้าจะเก็บเกี่ยวเพียงทรัพยากรที่มันสร้างขึ้น เราสามารถพูดคุยกันได้หากเจ้ามีเงื่อนไขอื่น” ดวงตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาส่องประกายเจิดจ้า
เนื่องจากฟางหยวนไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาจึงมีความหวัง
“อย่างน้อยต้องเพิ่มขึ้นสองเท่า” นี่เป็นเงื่อนไขแรกของฟางหยวน
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาขมวดคิ้วทันที
“หอยภูเขาไม่สามารถกล่าวว่าเป็นของท่าน มันยังเป็นของตระกูลวู” นี่คือเงื่อนไขข้อที่สองของฟางหยวน
ดวงตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาเบิกกว้าง การแสดงออกที่อบอุ่นของเขาเปลี่ยนเป็นโกรธ
“แต่ในความเป็นจริงผู้อาวุโสจะเป็นเจ้าของหอยภูเขาตัวนี้ ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกเป็นของท่าน แต่ท่านต้องส่งมอบทรัพยากรบางส่วนให้กับตระกูลวูทุกปี” นี่คือเงื่อนไขข้อที่สามของฟางหยวน
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาเริ่มเย้ยหยัน การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม “วูอี้ไห่ เจ้ากำลังล้อข้าเล่นงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่” ฟางหยวนแสดงออกอย่างสงบนิ่ง เขายืนขึ้นและมองเข้าไปในดวงตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาอย่างไม่เกรงกลัว “ผู้อาวุโส ข้าขอถามสามคำถามได้หรือไม่?”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาแทบไม่สามารถยับยั้งความโกรธของตน “พูด!”
“ผู้อาวุโส ประการแรก ท่านเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่มีส่วนเกี่ยข้องกับกองกำลังใดๆ ตระกูลวูของข้าจะปล่อยให้หอยภูเขาอยู่ในมือของท่านได้อย่างไร? มันไม่เป็นไรหากท่านเป็นสมาชิกกองกำลังใหญ่ แต่การปล่อยให้ผู้บ่มเพาะสันโดษรับประโยชน์จะส่งผลกระทบในแง่ลบต่อตระกูลวู”
“ประการที่สอง แม้ท่านจะสามารถครอบครองหอยภูเขาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ท่านจะปกป้องมันได้นานเพียงใด? แม้ตระกูลวูของข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วกองกำลังอื่นจะไม่งั้นหรือ?”
“ประการที่สาม ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าติดสินบนข้าเพียงผู้เดียว แล้วตระกูลวูจะมองอยู่ข้างสนามอย่างเฉยเมยงั้นหรือ?”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาเงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หากข้าทำตามความคิดของเข้า ข้าจะไม่กลายเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลวูงั้นหรือ?”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “สำหรับผู้บ่มเพาะสันโดษ ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ไร้นัยสำคัญ เงื่อนไขที่ข้ากล่าวแท้จริงแล้วไม่มากเกินไป นี่เป็นเพราะข้าเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นกัน คำถามคือท่านต้องการเผชิญหน้าหรือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์? โปรดไตร่ตรองอย่างรอบคอบด้วย”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาตกสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
คราวนี้เขาเงียบเป็นเวลานานก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “เอาล่ะ เราจะทำตามความคิดของเจ้า”