เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1310

ตอนที่ 1310

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1310 น่าอายมาก

แปลโดย iPAT

ตั้งแต่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะ เซี่ยเฟยกุ้ยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเช่นกัน

หมัดแสงสีขาวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วทั่วไป มันไม่ได้รวดเร็วเหมือนความเร็วแสง

แต่ขณะที่มันบินผ่านอากาศ มันผลักอากาศที่อยู่ด้านหน้าออกไปและทำให้เกิดเสียงดังขึ้น

“บึม…”

หมัดแสงขนาดเท่าถังหมักสุราทุบลงบนแผ่นหลังของเต่าพยากรณ์และผลักมันจมลงไปใต้พื้นดินประมาณครึ่งเมตร

มันเป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลัง โดยปกติแล้วเส้นทางแห่งแสงมีชื่อเสียงในด้านความเร็ว แต่ท่าไม้ตายของเซี่ยเฟยกุ้ยกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง มันไม่เร็วแต่ทรงพลัง นี่จะทำให้ศัตรูถูกหลอก

อย่างไรก็ตามเต่าพยากรณ์ของฟางหยวนไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย

“หือ?” ดวงตาของเซี่ยเฟยกุ้ยแทบหลุดออกมาจากเบ้าเมื่อเขาเห็นผลลัพธ์นี้

ท่าไม้ตายของเซี่ยเฟยกุ้ยใช้เส้นทางแห่งแสงเลียนแบบเส้นทางความแข็งแกร่ง มันถือเป็นท่าไม้ตายที่มีเอกลักษณ์

ด้านฟางหยวน เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดที่ทำให้กระดองเต่าของเขาไม่อ่อนแอกว่าเต่าพยากรณ์บรรพกาลที่แท้จริง

และตอนนี้มันยังได้รับการสนับสนุจากวิญญาณอีกมากมาย นั่นทำให้การป้องกันของมันเหนือกกว่าเต่าพยากรณ์บรรพกาลไปแล้ว

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากการโจมตีของเซี่ยเฟยกุ้ยจะไม่ได้ผล

‘ท่าไม้ตายอมตะหมัดแสงเหินเวหาไม่ได้ผล การป้องกันของเขาช่างแข็งแกร่งนัก!’ เซี่ยเฟยกุ้ยตกตะลึง

เซี่ยเฟยกุ้ยหยุดเคลื่อนไหว เขาเริ่มรู้สึกปวดศีรษะและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

‘ข้าควรทำอย่างไร?’ เซี่ยเฟยกุ้ยเริ่มคิด

แม้เขาจะเป็นคนโมโหร้าย แต่เขาก็สามารถต่อสู้ได้อย่างมีสติ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะท่าที่สองออกมาแล้ว

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะเล็ดรอดออกมา เต่าพยากรณ์อ้าปากและพ่นกระดองเต่าขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนออกไป

กระดองเต่าขนาดเล็กมีลักษณะเหมือนกระดองเต่าพยากรณ์ เว้นเพียงว่าพวกมันมีขนาดที่เล็กกว่าหลายเท่า

กระดองเต่าขนาดเล็กจำนวนมากลอยอยู่กลางอากาศและหมุ่นวนด้วยความเร็วสูง

“มันคือสิ่งใด?” เซี่ยเฟยกุ้ยหยุดคิดและเร่งสร้างระยะห่างออกจากฟางหยวน

“บึม!”

เซี่ยเฟยกุ้ยส่งหมัดแสงเหินเวหาออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสร่างกายของเต่าพยากรณ์

กระดองเต่าขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ราวกับผึ้งที่ดูดซับน้ำหวานขณะที่พวกมันสัมผัสหมัดแสงเหินเวหา

“บึม บึม บึม…”

กระดองเต่าขนาดเล็กหลายร้อยหลังแตกเป็นเสี่ยงๆ

แต่พลังอำนาจของหมัดแสงเหินเวหาก็ถูกกลืนกินเข้าไปจนหมดสิ้น

ท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระ!

นี่คือท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นมาก่อนหน้านี้

มันใช้วิญญาณอมตะความคิดวัชระระดับหกเป็นแกนกลาง

แต่เมื่อใช้มันร่วมกับวิญญาณอมตะความพยายามระดับเจ็ดและวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย

พลังอำนาจของมันจึงเพิ่มสูงขึ้นโดยธรรมชาติ

“อา…กระดองเต่าเหล่านี้เป็นความคิดจริงๆ!” ดวงตาของเซี่ยจ้าวโม่ส่องประกายขึ้น

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาเข้าใจความคิดทุกประเภท นี่คือสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ

สำหรับเซี่ยเฟยกุ้ย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งแสงไม่ใช่เส้นทางแห่งปัญญา แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาตระหนักถึงมันหลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากเซี่ยจ้าวโม่เท่านั้น

“เซี่ยจ้าวโม่ เจ้าค่อนข้างมีความรู้ พวกเจ้าทำงานร่วมกันได้ดีจริงๆ” เต่าพยากรณ์พูดภาษามนุษย์ด้วยน้ำเสียงเสียดสี

ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังมันตั้งแต่แรก มันเป็นเพียงว่าหลังจากหลอมรวมวิญญาณความคิดวัชระเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ วัชระสีทองกลับเปลี่ยนเป็นกระดองเต่าสีเข้มโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ

“เสี่ยวโม่ หุบปาก ข้าจะทำลายกระดองของมัน!” เซี่ยเฟยกุ้ยกล่าว

เซี่ยจ้าวโม่ก่นเสียงแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก การเย้ยหยันของฟางหยวนทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นไม่น่ามอง

เซี่ยเฟยกุ้ยปิดเปลือกตาลง

เขาเริ่มเตรียมท่าไม้ตายต่อไป

กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากปะทุขึ้น ลูกพลัมแดงอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันเขากางแขนออกและค่อยๆประสานฝ่ามือไว้เหนือศีรษะ

แสงสว่างพุ่งจากฝ่ามือของเขาขึ้นสู่ท้องฟ้า

กลิ่นอายของมันอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางหยวนก้มศีรษะและใช้เท้าจิกลงไปใต้ดิน ขณะเดียวกันกระดองเต่าที่ลอยอยู่รอบๆก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แรกเริ่มมันมีเกือบหมื่น แต่ในไม่ช้าจำนวนของมันก็เกินสองหมื่น สามหมื่น สี่หมื่น…

ในความเป็นจริงวิญญาณอมตะความคิดวัชระระดับหกสามารถสร้างความคิดวัชระได้เพียงหนึ่งหมื่นเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทำให้เกิดผลลัพธ์นี้คือร่างกายของฟางหยวนที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา

เดิมทีฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ไม่มากนัก แต่หลังจากเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาก็เปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ดังนั้นมันจึงมีมากมายมหาศาล!

การเก็บเกี่ยวที่สำคัญที่สุดก่อนหน้านี้ของฟางหยวนคือการสังหารวูอี้ไห่และผู้อมตะอีกสองคนในกำแพงภูมิภาค พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ด้วยการดูดกลืนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากพวกเขา มันทำให้ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงถึงระดับห้าหมื่นร่องรอย

หนึ่งพันร่องรอยสามารถเพิ่มพลังอำนาจให้กับวิญญาณอมตะสองเท่า

หนึ่งหมื่นร่องรอยสามารถเพิ่มพลังอำนาจให้กับวิญญาณอมตะสิบเท่า

ห้าหมื่นร่องรอยสามารถเพิ่มพลังอำนาจให้กับวิญญาณอมตะห้าสิบเท่า

นี่หมายความว่าอย่างไร?

ผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักของพวกเขาประมาณหนึ่งหมื่นถึงสามหมื่นร่องรอย

เซี่ยเฟยกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแนวหน้า เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงประมาณสามหมื่นร่องรอย

แต่เขาจะเปรียบเทียบกับฟางหยวนได้อย่างไร?

ผลลัพธ์ก็คือเซี่ยเฟยกุ้ยและเซี่ยจ้าวโม่ทำได้เพียงเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อที่เห็นกระดองเต่าจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเขาและยังขยายออกไปเรื่อยๆ

หัวใจของเซี่ยเฟยกุ้ยจมดิ่งลง

การเพิ่มขึ้นของกระดองเต่าทำให้เขาได้รับแรงกดดันทางจิตใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกุ้บยังเป็นฝ่ายได้เปรียบจากกฎที่พวกเขาตั้งขึ้น นั่นคือฟางหยวนทำได้เพียงป้องกันแต่ไม่สามารถโจมตี ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้กระดองเต่าเหล่านี้โจมตีเซี่ยเฟยกุ้ย

เซี่ยเฟยกุ้ยสงบจิตใจลงและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาต่อไป

ท่าไม้ตายอมตะกงล้อแสง!

ฝ่ามือทั้งสองข้างที่อยู่เหนือศีรษะของเขาถูกกวาดลงมา

กงล้อแสงที่มีขอบเป็นฟันเลื่อยขนาดเท่าเรือพุ่งออกมา

ดี!’ เซี่ยจ้าวโม่โห่ร้องอยู่ในใจ ‘กระดองเต่าแข็งมากแต่มันจะถูกทำลายโดยท่าไม้ตายนี้!’

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา

“บึม บึม บึม…”

ภายใต้การทำลายตัวเองของกระดองเต่าจำนวนมาก กงล้อแสงบินออกมาได้เพียงระยะทางสั้นๆก่อนจะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

เซี่ยจ้าวโม่ “…”

เซี่ยเฟยกุ้ย “…”

ฟางหยวนยกย่อง “เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ยอดเยี่ยม มันทำลายความคิดของข้าไปมากกว่าหกพัน”

คำกล่าวนี้เหมือนการตบหน้าเซี่ยจ้าวโม่และเซี่ยเฟยกุ้ย

เซี่ยเฟยกุ้ยใช้เวลาเตรียมตัวนานมากเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายนี้

โดยปกติแล้วยิ่งใช้เวลาเตรียมตัวนานเท่าใด ท่าไม้ตายอมตะที่ปลดปล่อยออกมาก็จะยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น แต่มันมักจะถูกรบกวนจากฝ่ายตรงข้าม หากท่าไม้ตายอมตะถูกทำลาย ผู้อมตะจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ

เซี่ยเฟยกุ้ยใช้ประโยชน์จากกฎของการประลองเพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะนี้อย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม!

ในขณะที่เซี่ยเฟยกุ้ยเตรียมท่าไม้ตายอมตะกงล้อแสง ฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะของตนเช่นกัน เขาปล่อยกระดองเต่าออกมามากกว่าสี่หมื่นหลัง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนมาก กงล้อแสงถูกทำลายโดยกระดองเต่าเพียงหกพันหลัง

แม้แต่คนโง่ยังสามารถคำนวณตัวเลขดังกล่าวได้โดยไม่ยาก

วิธีการที่เซี่ยเฟยกุ้ยคาดหวังจบลงเช่นนี้

น่าอายมาก!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท