เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1321

ตอนที่ 1321

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1321 ใช้งานได้แต่ไม่สามารถเชื่อใจ

แปลโดย iPAT

เทศกาลไหว้พระจันทร์ผ่านไปแต่ฟางหยวนยังอยู่ข้างนอก

เขาเริ่มเข้าหาเฉียวซื่อหลิว แม้ฝ่ายหลังจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อมันเป็นคำสั่งของตระกูล นางจึงไม่สามารถปฏิเสธฟางหยวน

ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายออกไปทีละเล็กทีละน้อย

วูอี้ไห่กับเฉียวซื่อหลิวสนิทสนมกันมากและมักจะไปเดินเล่นชมทิวทัศน์กันเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นวูอี้ไห่น้องชายของวูหยงหรือเฉียวซื่อหลิวหนึ่งในสามเทพธิดาของภาคใต้ พวกเขาต่างมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งคู่

การกระทำของพวกเขาถูกพูดถึงในวงกว้าง

กลุ่มชายที่ชื่นชอบเฉียวซื่อหลิวไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าวูอี้ไห่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว โดยไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด เพียงความสัมพันธ์ของตระกูลวูและตระกูลเฉียว วูอี้ไห่ก็มีข้อได้เปรียบมากแล้ว

ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่ต้องการมีชื่อเสียง มันจะดีที่สุดหากเขาสามารถกดชื่อเสียงของวูอี้ไห่ให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด

น่าเสียดายที่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามความปรารถนาของเขา เนื่องจากเฉียวซื่อหลิว ชื่อเสียงของฟางหยวนจึงขจรขจายออกไป

สถานการณ์นี้ส่งผลต่อฟางหยวนในไม่ช้า

มีผู้คนพยายามอนุมานเกี่ยวกับเขามากขึ้น

มันยากที่จะจัดการสถานการณ์นี้ด้วยเพียงวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด

ฟางหยวนมักวางมิติช่องว่างลงและเข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่นั่น

มิติช่องว่างแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ตราบเท่าที่ฟางหยวนไม่ออกมา การอนุมานจะเป็นเรื่องยาก

เว้นเพียงบางคนจะมีวิธีการพิเศษเช่นท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามนี่ทำให้ฟางหยวนสามารถวางมิติช่องว่างลงได้บ่อยครั้งและค่อยๆดูดซับปราณสวรรค์พิภพทีละเล็กทีละน้อยเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

นอกจากนั้นฟางหยวนยังใช้ช่องทางของตระกูลวูเพื่อสืบข้อมูลของลั่วมู่ซือและหลุนเฟย

มันยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะเคลื่อนไหว แต่มันไม่เสียหายที่จะรวบรวมข้อมูลของเป้าหมายเอาไว้ล่วงหน้า

ผู้อมตะมีวิธีการที่ลึกลับมากมาย หากประมาทเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจล้มเหลวอย่างน่าสังเวช

ฟางหยวนระวังตัวเสมอ แม้เขาจะมีแผนปลิดชีพลั่วมู่ซือและหลุนเฟย แต่เขาก็จะเริ่มหลังจากเข้าใจเป้าหมายอย่างถ่องแท้แล้วเท่านั้น

สิ่งสำคัญอีกประการก็คือเขาต้องสะสมความแข็งแกร่งสำหรับช่วงเวลาสำคัญ

ราชสีห์จะทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อล่ากระต่าย

ครึ่งเดือนผ่านไป วูหยงเรียกฟางหยวนเข้าพบอีกครั้ง

“น้องชาย ข้ามีงานเล็กน้อย เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” วูหยงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“ท่านพี่ โปรดออกคำสั่ง มันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะช่วยเหลือตระกูล” ฟางหยวนตอบ

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบินออกมา ฟางหยวนเห็นภารกิจสามอย่าง

เมื่อเร็วๆนี้มีคนค้นพบว่าในส่วนลึกของภูเขาซวนหมิงดูเหมือนจะมีกลิ่นอายของวิญญาณอมตะป่า

ข้อมูลนี้ดึงดูดความสนใจของผู้บ่มเพาะสันโดษมากมายให้เดินทางไปที่นั่น

สิ่งสำคัญก็คือกองกำลังตระกูลหยางได้ส่งคนออกไปเช่นกัน

หากข้อมูลเป็นความจริง กองกำลังที่ได้รับวิญญาณอมตะ รากฐานของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ตระกูลวูย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ที่หลุดมือ

ปัจจุบันสถานการณ์ของตระกูลวูกลับสู่เสถียรภาพแล้ว

นอกจากนั้นภูเขาซวนหมิงยังอยู่ใกล้กับอาณาเขตของตระกูลวู แม้มันจะไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของพวกเขา แต่มันก็มีอาณาเขตติดกัน

หากตระกูลวูไม่ส่งผู้อมตะออกไป กองกำลังอื่นอาจคิดว่าตระกูลวูอ่อนแอลง

ดังนั้นวูหยงจึงต้องเคลื่อนไหว หากพวกเขาไม่ได้รับวิญญาณอมตะ พวกเขาก็ต้องทำลายมันและไม่ปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของตระกูลหยาง

ภารกิจที่สองคือระดับน้ำในแม่น้ำมังกรแดงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานมานี้ หากไม่สามารถควบคุม มีเแนวโน้มที่มันจะทำให้เกิดอุทกภัย

หากเกิดอุทกภัย ทรัพยากรที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจะถูกทำลาย สภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

กองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำมังกรแดงให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ส่วนหนึ่งของแม่น้ำมังกรแดงไหลผ่านอาณาเขตของตระกูลวู

พวกเขาต้องส่งผู้อมตะไปตรวจสอบสถานการณ์และพยายามป้องกันไม่ให้เกิดอุทกภัย

สำหรับภารกิจที่สาม ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลอี้กำลังจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบหนึ่งพันสองร้อยปีของเขา

ตระกูลวูจำเป็นต้องส่งผู้อมตะไปเป็นตัวแทนเพื่อมอบของขวัญวันเกิด

ตระกูลอี้เป็นตระกูลที่มีอำนาจ ฐานทัพใหญ่ของพวกเขาอยู่ที่ภูเขาหลินจือซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภาคใต้และติดกับทะเลตะวันออก

ในความเป็นจริงตระกูลอี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกองกำลังของทะเลตะวันออก

สำหรับตระกูลวู ฐานทัพใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภาคใต้ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาอยู่ทางใต้ที่สุดของบรรดากองกำลังใหญ่ทั้งหมด

ตำแหน่งที่ตั้งของทั้งสองกองกำลังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอี้และตระกูลวูอยู่ในระดับที่ดีมาตลอด

ผูกมิตรกับศัตรูที่อยู่ห่างไกลและโจมตีศัตรูที่อยู่ใกล้ นี่เป็นหลักการพื้นฐาน

แม้หลายกองกำลังจะสร้างความยากลำบากให้แก่ตระกูลวู แต่ตระกูลอี้ไม่เคยเข้าร่วม เพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้ ตระกูลวูต้องส่งผู้อมตะไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลอี้

“เจ้าตัดสินใจหรือยัง?” หลังจากไม่นาน วูหยงก็เปิดปากถาม

ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเลือกงานที่สอง ความแข็งแกร่งของข้าไม่สูงมากนัก การเลือกไปภูเขาซวนหมิงอาจทำให้ข้าต้องต่อสู้กับผู้อมตะของตระกูลหยาง ตระกูลหยางมีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณขณะที่ข้าไม่เก่งเรื่องนี้”

“แล้วเหตุใดไม่เลือกภารกิจที่สาม?” วูหยงถามด้วยรอยยิ้ม “แท้จริงแล้วสถานะของเจ้าเหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้ เพราะเจ้าเป็นน้องชายของข้า เจ้าจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากตระกูลอี้”

ฟางหยวนส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มขมขื่น “พี่ชายโปรดเห็นใจ งานเลี้ยงวันเกิดย่อมต้องมีตัวแทนจากกองกำลังมากมาย ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลวู หากข้าไปร่วมงานเลี้ยง ผู้อมตะคนอื่นๆจะต้องสร้างปัญหาให้ข้าอย่างแน่นอน ข้าไม่สามารถจัดการพวกมันได้ทั้งหมด ความยากลำบากของข้าไม่ใช่สิ่งใด แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือข้าอาจทำให้ตระกูลสูญเสียใบหน้า นั่นจะเป็นบาปที่ใหญ่หลวงของข้า”

วูหยงหัวเราะ “ในเมื่อเจ้าไตร่ตรองแล้ว เราก็จะทำตามความต้องการของเจ้า”

“ท่านพี่ หากไม่มีเรื่องอื่นอีก ข้าขอลา”

“ไปเถอะ” วูหยงโบกมือ

ฟางหยวนกล่าว “หากแม่น้ำมังกรแดงล้นและกลายเป็นภัยพิบัติ มันจะทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต้องพบกับความทุกข์ทรมาน นี่เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากเตรียมตัว ข้าจะรีบไปที่นั่นทันที”

“ดี พักผ่อนได้ตามสบาย เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าต้องตัดสินใจให้ดี” วูหยงแสดงออกด้วยความมั่นใจในตัวฟางหยวน

“ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ฟางหยวนยืนยันก่อนจะจากไป

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่เห็นว่าหลังจากที่เขาจากมา รอยยิ้มของวูหยงกลับเลือนหายไปและถูกแทนที่ด้วยความผิดหวัง

‘สำเร็จ!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นด้วยความยินดี แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา

เขาเก็บของบางอย่างและรีบออกเดินทางไปทางเหนือทันที

ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแต่เพียงเมื่อเขาบินข้ามแม่น้ำมังกรเหลือง ผู้อมตะวูฝาก็เรียกเขาเอาไว้ “ท่านวูอี้ไห่ ช้าก่อน ข้ามีคำสั่งใหม่จากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายใน ‘มาแล้ว!’

อย่างไรก็ตามภายนอกเขายังแสดงออกด้วยความประหลาดใจ เขาหยุดกลางอากาศและถามวูฝา “ผู้อาวุโสวูฝา เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“เห้อ…” วูฝาถอนหายใจและแสดงออกด้วยความกังวล “มีคำกล่าวที่ว่าเมื่อฝนตกลงมา อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นเสมอ ที่ค่ายกลวิญญาณ ตระกูลปาสร้างปัญหาให้กับพวกเรา ผู้อาวุโสวูเป่ยที่ประจำการอยู่ที่นั่นได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถรักษาสถานการณ์ต่อไป ไม่ใช่ว่าท่านต้องการไปที่นั่นงั้นหรือ? ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!”

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งตัดสินใจเปลี่ยนผู้อาวุโสวูเป่ยกับท่านเพื่อให้ผู้อาวุโสวูเป่ยกลับมารักษาอาการบาดเจ็บ ท่านวูอี้ไห่โปรดกลับไปประจำการที่ค่ายกลวิญญาณด้วย”

ฟางหยวนขมวดคิ้วลึกราวกับเขาไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องนี้เอาไว้ “สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ข้ายัง…”

ขณะที่กล่าวเช่นนี้เขาชำเลืองมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือโดยไม่รู้ตัวและกล่าวด้วยความลังเลา “แต่ปัญหาของแม่น้ำมังกรแดงค่อนข้างรุนแรง เราต้องรีบแก้ไข”

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมแล้ว ท่านวูอี้ไห่ไม่จำเป็นต้องกังวล ตอนนี้ท่านต้องรีบไปยังค่ายกลวิญญาณ นี่คือจดหมายของท่านวูหยง ท่านสามารถไปยังภูเขาอี้เทียนโดยตรงและไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ตระกูลวู” วูฝามอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนรับจดหมายและอ่านมัน

เนื้อหาในจดหมายเป็นเสียงของวูหยงที่บอกถึงสถานการณ์เลวร้ายที่ค่ายกลวิญญาณและต้องการให้ฟางหยวนไปที่นั่นทันที

ฟางหยวนถอนหายใจลึก “ดูเหมือนข้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไป”

“โปรดรีบไป ท่านวูอี้ไห่” วูฝากล่าวด้วยความกังวล

ฟางหยวนส่ายศีรษะก่อนจะบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

วูฝามองฟางหยวนกระทั่งเขาหายตัวไปจากขอบฟ้า

จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ทุกคนรู้ว่าภูเขาที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือภูเขาต้าเผิงซึ่งเป็นที่ตั้งของตระกูลเฉียว

วูฝากลับไปที่ตระกูลวูและรายงานวูหยง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านวูอี้ไห่เดินทางไปยังค่ายกลวิญญาณแล้ว”

วูหยงกำลังเขียนข้อความบนกระดาษอยู่บนโต๊ะทำงาน

เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหยุดสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า

มีถ้อยคำเขียนไว้บนกระดาษ “ใช้งานได้แต่ไม่สามารถเชื่อใจ”

“นานมาแล้วเมื่อข้ายังเด็ก ท่านแม่ถามความคิดเห็นของข้าเกี่ยวกับตระกูลเฉียว ข้าตอบด้วยห้าคำนี้ ข้ายังจำรอยยิ้มของท่านแม่ได้อย่างชัดเจน” วูหยงถอนหายใจ “น่าเสียดายที่น้องชายของข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท