เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1322

ตอนที่ 1322

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1322 ข้อจำกัดของฝ่ายธรรมะ

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ ภูเขาอี้เทียน ค่ายกลวิญญาณ

“วูอัน (วูเหลียว) คารวะท่านวูอี้ไห่” ในค่ายกลวิญญาณของตระกูลวู วูเหลียวและวูอันทักทายฟางหยวนด้วยความเคารพ

ฟางหยวนพยักหน้า “นั่งลงและอธิบายว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ผู้อาวุโสวูเป่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆงั้นหรือ?”

วูเหลียวและวูอันชำเลืองมองหน้ากัน วูเหลียวเงียบและปล่อยให้วูอันรายงาน “นายท่าน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…”

เดิมทีตระกูลปาก็พยายามต่อต้านตระกูลวูอยู่แล้ว เมื่อตระกูลวูพบกับความยากลำบากจากปัญหาจากทุกทิศทาง ตระกูลปาจึงร่วมวงเคลื่อนไหว

ปาเต๋อวางแผนมานาน วูเป่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับเขา

ผลของการประลองคือชัยชนะของตระกูลปา

“เราไม่ได้คาดหวังว่าท่านวูเป่ยจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงเพียงนี้ แม้ท่านวูเป่ยจะแพ้ในการประลอง แต่ท่านก็ประสบความสำเร็จในภารกิจ”

“ถูกต้อง แม้ท่านวูเป่ยจะแพ้ปาเต๋อ แต่ท่านวูเป่ยยังสามารถเข้าประชุมกับตระกูลเฉียวและตระกูลอื่นๆ นั่นทำให้เราคิดว่าอาการบาดเจ็บของท่านไม่ร้ายแรงนัก”

เมื่อวูอันกล่าวจบ วูเหลียวก็กล่าวเสริม

ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายในแต่ภายนอกแสดงออกด้วยความกังวล “ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม ข้าจะไม่เคลื่อนไหวหากศัตรูไม่ขยับ”

“รับทราบ” วูเหลียวและวูอันตอบรับทันที

พวกเขาไม่แปลกใจกับคำสั่งดังกล่าว

ความกังวลของทุกคนก็คือความแข็งแกร่งของวูอี้ไห่จะเปรียบเทียบกับปาเต๋อได้อย่างไร?

แม้วูอี้ไห่จะสามารถเอาชนะเซี่ยเฟยกุ้ย แต่มันก็เป็นการประลองที่ตัดสินด้วยกฎ

แม้เขาจะสามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับหอยภูเขา แต่ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น มันเป็นการเจรจากับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา

นอกจากนั้นข่าวลือเกี่ยวกับเฉียวซื่อหลิวยังเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนรังเกียจเขา

“หากไม่มีสิ่งใดแล้ว พวกเจ้าสองคนก็ออกไปได้ ข้ารีบมาที่นี่ ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย” ฟางหยวนโบกมือ

วูเหลียวจากไปทันทีแต่วูอันลังเลก่อนจะกล่าวเบาๆ “นายท่าน มีบางสิ่งที่ข้าต้องรายงาน…”

“พูด” ฟางหยวนรู้ว่าวูอันต้องการรายงานสิ่งใด

แน่นอนว่าคำกล่าวของวูอันไม่ได้อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของฟางหยวน มันเกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาส

“สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด ตระกูลอื่นๆกำลังวิตกและหวาดกลัว เราควรหยุดธุรกิจนี้สักระยะหรือไม่?” วูอันถาม

ฟางหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าบอกไปแล้วว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม หากไม่มีสิ่งใดแล้วเจ้าก็ออกไปได้”

“รับทราบ” ร่องรอยของความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวูอันขณะที่เขาโค้งคำนับและจากไป

ตราบเท่าที่ธุรกิจซื้อขายโอกาสยังดำเนินต่อไป วูอันก็สามารถทำกำไรได้ต่อไป แล้วเหตุใดเขาจะไม่มีความสุข?

แม้ธุรกิจจะถูกเปิดโปงโดยตระกูลปา ความรับผิดชอบของวูอันก็ยังต่ำมากเพราะหัวหน้าของเขาอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจนี้ต่อไป

ฟางหยวนตระหนักถึงความคิดของวูอันเป็นอย่างดี

เขาเย้ยหยันอยู่ภายใน ‘วูอันผู้นี้ช่างสายตาสั้นนัก’

มันเป็นเรื่องจริงที่สถานการณ์ในปัจจุบันของตระกูลวูดูไม่ดีนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของภาคใต้้

ปาเต๋อฉลาดมาก แม้เขาจะเคลื่อนไหว เขาก็ไม่ได้โจมตีธุรกิจซื้อขายโอกาส เขารู้ขีดจำกัดของตนเองเพราะผลประโยชน์นี้ไม่ได้เป็นของตระกูลวูเพียงตระกูลเดียวแต่ยังรวมถึงตระกูลอื่นอีกหลายตระกูล

หากเขาโจมตีธุรกิจนี้ มันจะนำไปสู่ความเป็นอริศัตรูกับกองกำลังอื่นๆ เมื่อเวลานั้นมาถึงกองกำลังพันธมิตรของตระกูลวูจะร่วมมือกันจัดการตระกูลปา

ด้วยความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของภาคใต้ทั้งหมด ปาเต๋อจึงไม่ได้โจมตีไปที่จุดนี้เพื่อสร้างความยากลำบากให้กับตนเอง หากเขาทำ ผลลัพธ์จะไม่น่าพอใจ เว้นเพียงตระกูลวูจะล้มลง เมื่อเวลานั้นมาถึงมันจะเป็นเวลาเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ

ไม่ว่าจะเป็นปาเต๋อหรือฟางหยวน พวกเขาต่างเข้าใจจุดนี้

เรื่องราวบนโลกใบนี้เหมือนเกมส์หมากรุก ผู้เล่นที่เก่งที่สุดมักวางแผนการเคลื่อนไหวในอนาคตเอาไว้ล่วงหน้า พวกเขาจะรู้ว่าเมื่อใดควรใช้กลยุทธ์ใดและตัวหมากชิ้นไหนที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ด้วยเหตุนี้ธุรกิจซื้อขายโอกาสจึงดำเนินต่อไป สิ่งที่จะทำให้ปาเต๋อเคลื่อนไหวไม่ใช่ธุรกิจนี้แต่เป็นตระกูลวู!

ปัจจัยในการตัดสินใจมักไม่ใช่ตัวปัญหาแต่เป็นปัจจัยภายนอก

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ฟางหยนวก็หันหน้าไปทางตระกูลวูโดยไม่รู้ตัว

วูหยงอาจเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่เขายังตกลงสู่กับดักของฟางหยวน

เพราะนี่ไม่ใช่การแข่งขันด้วยความแข็งแกร่งแต่เป็นประสบการณ์

เหตุผลที่ฟางหยวนเริ่มเข้าหาเฉียวซื่อหลิวไม่ใช่เพราะตัวของเฉียวซื่อหลิวเองแต่เขาทำเพื่อให้ได้กลับมายังอาณาจักรแห่งความฝัน

วูหยงสามารถอดทนต่อความโลภของวูอี้ไห่แต่เขาไม่สามารถอดทนต่อการแย่งชิงอำนาจในตระกูลวู

ที่เป็นสิ่งที่สามารถคาดเดา

ก่อนที่วูตู๋ซิ่วจะเสียชีวิต นางต้องการมอบวิญญาณอมตะของนางให้กับวูอี้ไห่

สายเลือดและต้นกำเนิดของวูอี้ไห่ได้รับการยอมรับแล้ว เมื่อเขาได้รับอำนาจบางอย่าง เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับวูหยง

เดิมทีวูตู๋ซิ่วคอยระวังตระกูลเฉียวมาตลอด ตอนนี้วูหยงก็ต้องป้องกันภัยคุกคามจากตระกูลเฉียวและวูอี้ไห่เช่นกัน

เมื่อตระกูลเฉียวกับวูอี้ไห่ใกล้ชิดกัน แล้ววูหยงจะไม่ตื่นตัวได้อย่างไร?

ก่อนหน้านี้วูอี้ไห่กลับเข้าสู่ตระกูลวูด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลเฉียว โดยเฉพาะการออกหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวู มันทำให้วูหยุงต้องระวังตัวมากขึ้น

และตอนนี้ดูเหมือนวูอี้ไห่จะกลับไปร่วมมือกับตระกูลเฉียวอีกครั้ง มันยิ่งทำให้วูหยงวิตกกังวล

การกระทำของวูหยงเป็นแผนการที่เตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน

เขาไม่ได้ถามโดยตรงว่าฟางหยวนยังต้องการกลับไปอาณาจักรแห่งความฝันหรือไม่

แต่เขาให้ฟางหยวนเลือกภารกิจสามอย่าง

มีความหมายอยู่เบื้องหลังตัวเลือกทั้งสาม

ภารกิจแรก ภูเขาซวนหมิง มันเป็นงานหนักที่สุดโดยธรรมชาติ มันจะเกิดความขัดแย้งและต่อสู้ขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจากมีวิญญาณอมตะเข้ามาเกี่ยวข้อง หากฟางหยวนเลือกภารกิจนี้ มันหมายความว่าเขายินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อตระกูลและวูหยงสามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้อีกมากในอนาคต

ภารกิจที่สาม งานเลี้ยงวันเกิดของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลอี้ มันคือการทดสอบ ตระกูลอี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทะเลตะวันออก หากฟางหยวนเลือกภารกิจนี้ นั่นหมายความว่าเขายังคงผูกพันกับทะเลตะวันออกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ

ภารกิจที่สอง ป้องกันอุทกภัยจากแม่น้ำมังกรแดง นี่คือกับดัก

ตระกูลวูและตระกูลเฉียวมีอาณาเขตอยู่ใกล้กับแม่น้ำมังกรแดงทั้งคู่ ตระกูลวูต้องการป้องกันน้ำท่วม ตระกูลเฉียวก็เช่นกัน

ดังนั้นมีโอกาสที่ผู้อมตะของทั้งสองตระกูลจะร่วมมือกัน

เมื่อฟางหยวนเลือกภารกิจนี้ หัวใจของวูหยงกลายเป็นเย็นเยียบ แม้เขาจะยิ้มแย้ม แต่เขาได้ตัดสินใจย้ายวูอี้ไห่ออกไปทันที เขาไม่สามารถปล่อยให้วูอี้ไห่ติดต่อกับตระกูลเฉียวได้อีกต่อไป

เฉียวซื่อหลิวเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้ นางมีความงามที่น่าหลงใหล แม้ตอนนี้หัวใจของวูอี้ไห่จะไม่สั่นคลอน แต่ผู้ใดจะสามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร?

กระทั่งผู้ชายที่โดดเด่นก็ไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของหญิงงาม โดยเฉพาะหญิงงามเช่นเฉียวซื่อหลิว

นอกจากความงามแล้ว นางยังมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ไม่ธรรมดา

เมื่อวูอี้ไห่แต่งงานกับเฉียวซื่อหลิว มันจะกลายเป็นเรื่องที่ทำกำไรหมาศาลให้กับเขาและตระกูลเฉียว

วูอี้ไห่สามารถใช้ตระกูลเฉียวเพื่อเพิ่มอำนาจในตระกูลวูให้กับตนเอง สุดท้ายตระกูลเฉียวจะสามารถทำลายขีดจำกัดในอดีตของพวกเขาได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถเจาะลึกเข้าสู่แกนกลางของต้นไม้ใหญ่ที่เรียกว่าตระกูลวู

แล้ววูหยงจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองอย่างรุนแรงเพราะมันอาจย้อนกลับมาจัดการเขา

ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายธรรมะก็มีกฎเกณฑ์ที่ต้องทำตาม เขาไม่สามารถกระทำการอย่างตรงไปตรงมาเหมือนฝ่ายปีศาจ

วูหยงคิดและพบว่ามันยากที่จะจัดการวูอี้ไห่ แม้จะมีหลักฐานการทุจริตของวูอี้ไห่แต่วูอี้ไห่ก็เป็นน้องชายของเขา

หลังจากครุ่นคิด วูหยงก็นึกถึงอาณาจักรแห่งความฝัน

เขาสามารถใช้อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อเนรเทศวูอี้ไห่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ความสำเร็จที่ผ่านมาของวูอี้ไห่ทำให้วูหยงตัดสินใจในที่สุด

เขาลงมือทันทีหลังจากตัดสินใจ แม้เขาจะให้ฟางหยวนเลือกภารกิจสามอย่าง แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่มีตัวเลือก พวกมันเป็นเพียงบททดสอบเท่านั้น

‘ฝ่ายธรรมะเป็นเช่นนี้’

‘หากผู้ใดไม่อยู่ข้างบนก็จะไม่มีอิสระ’

‘แต่กระทั่งจะอยู่บนจุดสูงสุด องค์กรก็จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้’

ฟางหยวนถอนหายใจอยู่ภายในแต่เขารีบจัดการอารมณ์ของตนเองและเริ่มมองไปที่อาณาจักรแห่งความฝันที่อยู่ข้างหน้า

เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง วิญญาณอมตะสองดวงยังเป็นของเขา

อาณาจักรแห่งความฝันขยายตัวและเคลื่อนไหวตลอดเวลา

‘โอ้ อาณาจักรแห่งความฝันนี้ค่อนข้างดี มันเกิดจากความทรงจำและประสบการณ์ของเจ้าของ ไม่ใช่จินตนาการที่ไร้สาระ’

ฟางหยวนตรวจสอบและเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทันที

วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไป

บนเนินเขาที่ลาดเอียงเล็กน้อย ผู้อมตะวัยกลางคนหันหลังกลับมาหาฟางหยวน “บุตรชายของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลตู้ของเราจึงมีอำนาจเหนือเทือกเขาแห่งนี้?”

ฟางหยวนตรวจสอบตนเองและพบว่าเขากลายเป็นเด็กไปแล้ว

“ท่านพ่อ ข้าไม่รู้” เขาตอบ

“เพราะเส้นทางแห่งค่ายกล!” เสียงของผู้อมตะวัยกลางคนดังขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ

“เส้นทางแห่งค่ายกล?” ฟางหยวนพึมพำ

“ถูกต้อง เส้นทางแห่งค่ายกล” ดวงตาของผู้อมตะวัยกลางคนส่องประกายคมชัด

“ท่ามกลางเส้นทางมากมาย เส้นทางแห่งค่ายกลอาจเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนที่สุด บุตรชายของข้า ตั้งแต่วันนี้ข้าจะมอบแก่นแท้บนเส้นทางแห่งค่ายกลให้กับเจ้าและแนะนำวิธีการบ่มเพาะของเจ้า” ผู้อมตะวัยกลางคนกล่าวด้วยสายตาที่เร้าร้อน

“ท่านพ่อ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน” ฟางหยวนตอบกลับ

ผู้อมตะวัยกลางคนส่ายศีรษะ “ตั้งใจเรียนยังไม่พอ เจ้าต้องประสบความสำเร็จ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ประสบความสำเร็จ เจ้าต้องเก่งกว่าทุกคนและต้องเป็นผู้อมตะที่อายุน้อยที่สุดเพราะเจ้าคือบุตรของตู้ซื่อเฉิน เพราะเจ้าคือว่าที่ผู้นำตระกูลตู้!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท