เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1339

ตอนที่ 1339

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1339 กระแสโลหิต

แปลโดย iPAT

“ครืน…ครืน…”

เสียงคลื่นซัดสาด กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว

ผู้อมตะสองคนจากตระกูลวู วูหยวนจือ และเหรินฮ่าวกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าและมองทะเลเลือดเบื้องล่างด้วยการแสดงออกที่ขมขื่น

“กระแสเลือดไหลนองท่วมภูเขามากกว่าสิบลูก หากเราไม่สามารถหยุดมัน ภัยพิบัตินี้จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง” วูหยวนจือกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เดิมทีบ่อเลือดอยู่ภายใต้การดูแลของวูอี้เหริน ตอนนี้วูอี้เหรินตายไปแล้ว บ่อเลือดถูกรื้อค้น ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายเป็นเหตุให้กระแสเลือดไหลทะลักท่วมพื้นที่รอบๆ

เหรินห่าวกังวล “มันไม่ง่ายสำหรับเราสองคนที่จะสร้างค่ายกลวิญญาณใหม่และผนึกกระแสเลือดเหล่านี้ หากเรามีผู้อมตะระดับหกอีกคน เราอาจจะพอทำได้”

คนทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับหก ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้ โดยเฉพาะเมื่อวูหยงให้เวลาที่ค่อนข้างจำกัดกับพวกเขา

วูหยงไม่สามารถส่งคนอื่นมาจัดการปัญหานี้

ในยุคของวูตู๋ซิ่ว ตระกูลวูขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสิ่งกีดขวางเพราะวูตู๋ซิ่วสามารถจัดการทุกสิ่งเพียงลำพัง

เมื่อวูตู๋ซิ่วเสียชีวิต วูหยงอาจจะยอดเยี่ยม แต่เขายังไม่สามารถทำทุกสิ่ง

เนื่องจากแผนการของราชันภูเขาม่วง กองกำลังต่างๆไม่สามารถควบคุมแรงปรารถนาของตน นั่นทำให้ตระกูลวูเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมาย

วูหยงอยู่ในสำนักงานใหญ่เพื่อรักกษาสถานการณ์และตัดสินใจเรื่องต่างๆ

แต่หลังจากวูอี้เหรินเสียชีวิต ตระกูลวูเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นทันที

การส่งวูหยวนจือและเหรินฮ่าวออกมาคือขีดจำกัดของตระกูลวู

“ทุ่มสุดตัว เราต้องพยายามอย่างเต็มที่!” วูหยวนจือถอนหายใจและเริ่มดำเนินการ

เหรินฮ่าวให้ความร่วมมืออย่างกระตือรือร้น

เขาไม่มีสายเลือดของตระกูลวู เขาป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกที่ได้รับการคัดเลือกมาโดยตระกูลวู

กองกำลังของภาคใต้ไม่ต้อนรับคนนอกมากนัก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตระกูลวูที่จะทำลายประเพณีและรับผู้อมตะจากภายนอก

ด้วยวิธีการของผู้อมตะทั้งสอง กระแสเลือดค่อยๆไหลกลับหลังเข้าสู่บ่อเลือด

สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม

มันเริ่มได้ดี

วูหยวนจือถอนหายใจ “หลังจากหยุดการไหลของกระแสเลือดและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ เหรินฮ่าว เจ้าต้องรับหน้าที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำงานได้ดี ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลค่อนข้างตึงเครียด”

เหรินฮ่าวพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ข้าได้ยินมาว่าบ่อเลือดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนบ่อเลือดงั้นหรือ?”

วูหยวนจือพยักหน้า “บรรพชนบ่อเลือดทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้เจ็ดมรดก นี่เป็นหนึ่งในเจ็ดมรดกที่แท้จริงที่เขาจัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน ก่อนหน้านี้มันไม่สะดุดตา แต่เมื่อผู้ใช้วิญญาณจากตระกูลเฉิงเข้ามา เขาได้รับมรดกที่แท้จริงและวิญญาณรอยเท้าเลือด คนผู้นี้คือผู้นำตระกูลเฉิงคนก่อน เฉินเยี่ยนเฟย เขาตายบนภูเขาอี้เทียน”

หลังจากเฉินเยี่ยนเฟยนำมรดกที่แท้จริงออกไป บ่อเลือดก็ปรากฏขึ้น

วูตู๋ซิ่วส่งผู้อมตะมาที่นี่และทำให้มันเป็นอาณาเขตของตระกูลวู

ด้วยการจัดการของตระกูลวู บ่อเลือดจึงกลายเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือดที่สำคัญของตระกูลวู ตระกุลวูลอบพัฒนาวิธีการบนเส้นทางแห่งเลือดอย่างลับๆ ดังนั้นแหล่งทรัพยากรนี้จึงเป็นตัวช่วยชั้นยอด

“เจ้าสองคนจะมีความสุขอย่างแน่นอน” เป็นเพียงเวลานี้ที่เหรินฮ่าวได้ยินเสียงดังขึ้นในใจของเขา

“ผู้ใด?” เหรินฮ่าวตกใจมาก

เขาต้องการกระตุ้นใช้วิธีการของตนเองเพื่อป้องกันตัว แต่เขาไม่สามารถขยับเขยื้อน

เขารีบมองไปที่วูหยวนจือเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ในไม่ช้าเขาก็พบกับความสิ้นหวังเมื่อวูหยวนจือถูกตรึงเอาไว้ในสภาพเดียวกันกับเขา

ร่างเล็กๆปรากฏขึ้นบนไหล่ของเหรินฮ่าว

เขามีขนาดเท่านิ้วโป้งมนุษย์และมีปีกคล้ายแมลงปออยู่บนแผ่นหลัง

ราชันภูเขาม่วง!

“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์จิ๋ว?” วูหยวนจือตกใจแต่เขาสามารถสงบอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วเพราะราชันภูเขาม่วงไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา

เหรินฮ่าวกล่าวเสริม “ในฐานะมนุษย์กลายพันธุ์ เจ้าต้องรู้ว่ามนุษย์เป็นผู้ปกครองโลก ไม่ว่าผู้ใดจะบงการเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่กระทำการหุนหันพลันแล่น เพราะเราไม่ได้เป็นเพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์ แต่เราเป็นสมาชิกตระกูลวู ตระกูลวูเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะในภาคใต้ หากเจ้าฆ่าพวกเรา ผลที่ตามมาจะรุนแรงมาก”

“เราไม่มีความแค้นต่อกัน ตระกูลวูไม่รังแกผู้ใด หากเจ้าร้องขอสิ่งใด เราสามารถช่วยเจ้าได้ เราสามารถเป็นสหายที่ดี” วูหยวนจือกล่าวต่อ

พวกเขาทั้งขู่และกระตุ้นในเวลาเดียวกัน

แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เสียงของเขาก็เริ่มตะกุกตะกักขณะที่สายตาเปลี่ยนไป

เหรินฮ่าวตกตะลึง “ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา?”

เมื่อมาถึงจุดนี้พวกเขาก็แทบไม่สามารถคิด

วิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วงรบกวนความคิดของคนทั้งสอง พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะคิดหรือกล่าวสิ่งใด

แน่นอนว่าคนทั้งสองไม่สามารถต่อต้าน

ราชันภูเขาม่วงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย ขามองกระแสเลือดด้านล่างและเผยรอยยิ้ม

เป็นเพียงเวลานี้ที่กลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดปะทุออกมา

กระแสสงบลงทันที

ราชันภูเขาม่วงเปิดปากและพ่นลมหายใจออกไป

ลมหายใจของเขาลอยเข้าไปในบ่อเลือดและกลืนกินกระแสเลือดเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นราชันภูเขาม่วงก็หันหน้ามองไปในระยะไกลและกล่าว “ถึงคราวของเจ้าแล้ว”

แสงเจ็ดสีปรากฏขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านเป็นผู้อมตะระดับแปด! ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน ท่านสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่มีอุปสรรค เหตุใดท่านถึงต้องสร้างปัญหาให้ตัวละครเล็กๆเช่นข้า?”

“ข้ามีแผนของข้าเอง เจ้าต้องจ่ายหนี้ให้เจ้า ตั้งแต่เจ้าได้รับมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ด เจ้าก็ควรเตรียมใจไว้แล้ว” ราชันภูเขาม่วงกล่าว

“แต่ผู้สืบทอดคนก่อนข้าไม่เคยได้รับคำสั่งใดๆ เหตุใดต้องเป็นข้า?” ผู้อมตะลึกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ

ราชันภูเขาม่วงถอนหายใจและมองไปทางวังสวรรค์ “บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของเจ้า เอาล่ะ ใช้วิธีการของเฉียวจื่อไคเพื่อสังหารคนเหล่านี้”

วูหยวนจือและเหรินฮ่าวยังอยู่ในอาการมึนงงและไม่สามารถเคลื่อนไหว

ราชันภูเขาม่วงจับคนทั้งสองทั้งเป็น แต่เขาต้องการให้ผู้อมตะลึกลับสังหารพวกเขา

ผู้อมตะลึกลับไม่กล้าต่อต้านราชันภูเขาม่วงและปล่อยแสงลึกลับไปยังสองผู้อมตะตระกูลวู ดวงวิญญาณของคนทั้งสองถูกทำลายขณะที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นรูปปั้นไม้

ราชันภูเขาม่วงปล่อยให้รูปปั้นไม้ทั้งสองตกลงไปในกระแสเลือด

“ไปกันเถอะ” ราชันภูเขาม่วงกล่าว

ผู้อมตะลึกลับจะกล้าต่อต้านราชันภูเขาม่วงได้อย่างไร แม้ชายชราจะไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปด แต่เขาก็ถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูล

ทั้งสองจากไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงไม่ลืมที่จะเก็บกวาดสนามรบ

ครู่ต่อมากลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดก็แผ่พุ่งเข้าปกคลุมพื้นที่เอาไว้ทั้งหมด

ดวงตาของวูหยงเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่เขาบินลงมา

มันคือผู้ใด?

ผู้ใดฆ่าพวกเขา?

วูอี้เหรินเสียชีวิตก่อนหน้านี้และตอนนี้วูหยวนจือกับเหรินฮ่าวก็ติดตามไป เนื่องจากป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของคนทั้งสองถูกทำลาย ตระกูลวูจึงได้รับข่าวการเสียชีวิตของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

วูหยงโกรธจัดและตัดสินใจออกมาด้วยตนเอง

ตระกูลวูสูญเสียผู้อมตะไปสามคนในคราวเดียว หนึ่งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและอีกสองเป็นผู้อมตะระดับหก นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่และทำให้วูหยงโกรธมาก

เขาต้องการเห็นว่าผู้ใดที่กล้ายั่วยุตระกูลวู

แต่หลังจากเห็นศพของวูหยวนจือและเหรินฮ่าว วูหยงกลับตกตะลึง

“รูปปั้นไม้?” รูม่านตาของวูหยงหดเล็กลง “เฉียวจื่อไค?”

ครู่ต่อมาเฉียวจื่อไคก็รีบร้อนมายังที่เกิดเหตุ

กระแสเลือดหยุดไหลแล้วขณะที่ซากศพของผู้อมตะสองคนของตระกูลวูยังอยู่

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งตระกูลเฉียว โปรดอธิบาย” วูหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบ

แต่ยิ่งเขาสงบเท่าใด เฉียวจื่อไคก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียว ท่าไม้ตายอมตะของเขาคือท่าไม้ตายรูปปั้นไม้ เมื่อผู้อมตะถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ ดวงวิญญาณของพวกเขาจะถูกทำลายขณะที่ร่างกายของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นรูปปั้นไม้

เฉียวจื่อไคอธิบาย “ท่านวูหยง โปรดฟัง ข้าไม่ได้ทำเรื่องนี้ มีคนพยายามใส่ร้ายข้า ตระกูลเฉียวและตระกูลวูมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน เรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด…”

วูหยงขัดจังหวะ “แน่นอน ข้าเชื่อใจท่าน ตระกูลเฉียวและตระกูลวูมีความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน เราเป็นพันธมิตร ความสัมพันธ์ของเราจะถูกทำลายโดยสิ่งนี้ได้อย่างไร?”

เฉียวจื่อไคถอนหายใจและโค้งคำนับ “ท่านวูหยงฉลาดมาก”

วูหยงกล่าวต่อ “บางคนพยายามใส่ร้ายท่าน แต่มันชัดเจนเกินไป เขาเป็นผู้ใด แรงจูงใจของพวกเขาคือสิ่งใด? พวกเขามีแผนการใดและจะทำสิ่งใดต่อไป? นี่คือสิ่งที่ข้ากังวล รอสักครู่ ข้าเชิญผู้อมตะตระกูลไท่ ไท่เมี่ยนเฉินมาแล้ว”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท