เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1316

ตอนที่ 1316

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1316 เทศกาลไหว้พระจันทร์

แปลโดย iPAT

ไม่กี่วันต่อมา

สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขายืนอยู่บนหอยภูเขาราวกับเจ้าของขณะที่ฟางหยวนบินจากไป

ปัญหาเรื่องหอยภูเขาได้รับการแก้ไขแล้ว

ฟางหยวนในฐานะตัวแทนของตระกูลวูบรรลุข้อตกลงกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา แม้สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาจะได้รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่ แต่สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้ก็ยังคงเป็นของตระกูลวู

วูหยงมอบหมายให้ฟางหยวนออกไปรักษาหอยภูเขา ฟางหยวนรักษามันไว้ได้ส่วนหนึ่งแต่ภารกิจยังถือว่าประสบความสำเร็จ

‘สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขารับเงื่อนไขของข้าเพราะตระกูลวูที่อยู่เบื้องหลัง’

‘สำหรับวูหยง ตอนนี้เขายุ่งอยู่กับปัญหามากมายที่เกิดจากกองกำลังอื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับผลลัพธ์นี้’

‘ตระกูลวูอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ในฐานะน้องชายของวูหยง ข้าไม่ควรเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกและต้องรีบกลับไปอย่างรวดเร็วที่สุด’

ฟางหยวนพอใจกับผลลัพธ์นี้

เขามีคำอธิบายกับตระกูล สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

เขาสามารถสร้างถ้ำขดด้านได้ทันที

ก่อนหน้านี้เขาคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีและนั่นเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีอุบัติเหตุเช่นการต่อสู้ที่ต้องใช้ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมาก ในปัจจุบันมิติช่องว่างของเขาผลิตลูกพลัมแดงอมตะได้ช้ามาก ฟางหยวนทำได้เพียงเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะให้เป็นลูกพลัมแดงอมตะเท่านั้น

ตอนนี้พลังงานอมตะของเขาไม่ใช่องุ่นเขียวอมตะอีกต่อไป เขาต้องใช้หินวิญญาณอมตะถึงหนึ่งร้อยก้อนเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งผล

‘ข้าต้องจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเพื่อสร้างถ้ำขดด้าย ข้ายังต้องใช้ทรัพยากรอมตะระดับหกไหมสีเข้มและทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดหินโศกเศร้า’

‘แต่ด้วยผลกำไรในครั้งนี้ ข้าสามารถรวบรวมสิ่งที่ต้องการทั้งหมด มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น’

‘สิ่งสำคัญคือข้าจะสามารถกลับไปยังอาณาจักรแห่งความฝันได้เมื่อใด? ทัศนคติของวูหยงเป็นปัจจัยสำคัญ!’

ฟางหยวนคิดขณะเดินทางกลับ

ที่สำนักงานใหญ่ของตระกูลวู ผู้อมตะสองคนกำลังพูดถึงวูอี้ไห่

หนึ่งคือผู้อมตะระดับแปดของตระกูลวู วูหยง

อีกหนึ่งคือผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของเขา วูฝา

“ผู้ใดจะคิดว่าน้องชายของข้าจะแก้ปัญหาเรื่องหอยภูเขาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ผู้อาวุโสวูฝา ตามกฎของตระกูล เราจะให้รางวัลใดแก่เขา?” วูหยงถาม

วูฝาเงียบไปชั่วขณะ เขารู้ว่าคำถามของวูหยงมีความนัยซ่อนอยู่ เขากำลังสอบถามทัศนคติของเขาที่มีต่อวูอี้ไห่

เนื่องจากตัวตนของวูอี้ไห่พิเศษมาก เขากับวูหยงเป็นพี่น้องกัน!

วูฝาคิดก่อนตอบ “ท่านวูอี้ไห่มีภูมิหลังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ”

เขากล่าวเพียงประโยคเดียวแต่มันกลับทำให้วูหยงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ถูกต้อง คำกล่าวของเจ้าถูกต้อง อี้ไห่มีนิสัยของผู้บ่มเพาะสันโดษ แม้เขาจะเข้าร่วมกับตระกูล แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยน เขามักจะคิดถึงการเก็บเกี่ยวเฉพาะหน้าและมองหาผลประโยชน์ราคาถูกเสมอ”

อย่างไรก็ตามวูฝากลับไม่เห็นด้วย “ยอดเขาเยือกแข็งและหอยภูเขาไม่ใช่ผลประโยชน์ราคาถูก”

เสียงหัวเราะของวูหยงหยุดลง เขาพยักหน้า “นั่นไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน หากทุกคนเป็นเช่นนี้ ตระกูลวูจะดำรงอยู่ได้อย่างไร แต่เขาไม่ได้ข้ามเส้นและไม่ทิ้งจุดอ่อนเอาไว้”

วูหยงถอนหายใจก่อนกล่าวต่อ “เขามีความสามารถบางอย่างจริงๆ”

วูฝาไม่เข้าใจความหมายของของวูหยง

วูหยงไม่พอใจที่ฟางหยวนทำกำไรจากสถานการณ์

แต่สถานการณ์ของตระกูลวูทำให้วูหยงไม่มีทางเลือก เขาขาดกำลังคนและต้องส่งวูอี้ไห่ออกไปจัดการบางเรื่อง

และฟางหยวนก็เปิดเผยความสามารถของเขาออกมาด้วยการจัดการทั้งสองภารกิจ

ความสามารถนี้ได้รับการยอมรับโดยวูหยง ดังนั้นวูหยงจึงยังใช้งานฟางหยวนต่อไป แต่เมื่อเวลาและสถานการณ์ของตระกูลวูคลี่คลายลง ฟางหยวนจะถูกวูหยงทอดทิ้ง ตราบเท่าที่ฟางหยวนทิ้งหลักฐานบางอย่างเอาไว้ วูหยงจะใช้โอกาสนั้นจัดการฟางหยวน

ท้ายที่สุดก็ไม่มีตัวตนระดับสูงคนใดที่รู้สึกสบายใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นฟางหยวน

ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการกลับสู่ตระกูลวู

เขาอธิบายเรื่องราวโดยสังเขปและได้รับรางวัลจากตระกูลวูอีกครั้ง

ฟางหยวนเลือกที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันกับหินวิญญาณอมตะ

โดยธรรมชาติจำนวนหินวิญญาณอมตะเหล่านี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา

วันต่อมาฟางหยวนมีช่วงเวลาที่สงบสุขอีกครั้ง

โครงการสร้างถ้ำขดด้ายคืบหน้าไปอย่างช้าๆ นี่คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญในปัจจุบัน

ทุกช่วงเวลาหนึ่งฟางหยวนต้องวางมิติช่องว่างจักรพรรดิลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพ

ท้ายที่สุดแม้น้ำหวนคืนก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับมิติช่องว่าง

แต่เรื่องนี้มีปัญหาเล็กน้อย

ฟางหยวนไม่สามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพได้โดยตรงเพราะปริมาณที่มันดูดซับแต่ละครั้งมหาศาลมาก

มันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องมองหาทรัพยากรอมตะในสวรรค์สีเหลืองที่สามารถเปลี่ยนเป็นปราณสวรรค์พิภพเพื่อหลอมรวมมันเข้ากับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้กลืนกินพลังงานและเงินสำรองของฟางหยวนเป็นจำนวนมาก แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถทำได้ในเวลานี้

วันเวลาผ่านไปฟางหยวนเริ่มรู้สึกไม่สามารถอดทน

‘ปัญหาที่อาณาจักรแห่งความฝันคลี่คลายลงแล้ว แต่วูหยงยังไม่ส่งข้ากลับไป ดูเหมือนสิ่งที่ข้ากังวลจะเกิดขึ้นจริงๆ เห้อ…’

ฟางหยวนถอนหายใจ

ในโลกนี้ผู้คนมักไม่มีทางเลือก

วูหยงกำลังยุ่งอยู่กับปัญหาที่รุมเร้าจากทุกทิศทาง เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อสร้างเสถียรภาพ หากเขาปล่อยให้ฟางหยวนกลับไปยังค่ายกลวิญญาณ มันจะไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กับตัวเขาเองงั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นวูหยงยังเห็นความสามารถบางอย่างของฟางหยวนและต้องการใช้งานเขาต่อไป

สำหรับการยักยอกทรัพยากรของฟางหยวนระหว่างการทำงาน วูหยงสามารถเพิกเฉยต่อมันในเวลานี้

เขาไม่ได้ติดตามเอาความกับฟางหยวน

‘ดูเหมือนข้าต้องทำบางสิ่ง’

วันนี้ฟางหยวนออกจากที่พักของเขาเพื่อแก้ไขสถานการณ์

ฟางหยวนเป็นจิ้งจอกเฒ่า เหตุใดเขาจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์นี้?

สิบสองวันต่อมา บนภูเขาเย่ฮวามีผู้อมตะหลายคนนั่งอยู่รอบโต๊ะหิน

แสงจันทร์ส่องลงบนผิวน้ำ

วิหคราตรีส่งเสียงอยู่ในหุบเขาสีเขียว

สายลมพัดผ่านและสร้างเป็นฉากที่งดงามราวกับภาพฝัน

“วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ของภาคใต้ ข้าขอถือโอกาสนี้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” เฉียวซื่อหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เสียงที่ไพเราะของนางราวกับเสียงของน้ำพุธรรมชาติ

แต่รูปลักษณ์ของนางยิ่งงดงามและล้ำค่ามากกว่า ตอนนี้นางอยู่ในชุดผ้าไหมสีขาวและให้ความรู้สึกราวกับนางฟ้าในนิทาน

“ได้รับคำเชิญจากเทพธิดาซื่อหลิวให้มาร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติของข้า ลั่วมู่จื่อ” ผู้อมตะหนุ่มผู้หนึ่งเปิดปากกล่าว

เขามองเฉียวซื่อหลิวด้วยสายตาที่เร้าร้อน

เฉียวซื่อหลิวเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะหญิงที่งดงามของภาคใต้ แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่านั้นก็คือภูมิหลังของนาง

ตระกูลเฉียวเป็นพันธมิตรของตระกูลวูและเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ

ท่างกลางผู้อมตะหกคน มีผู้หญิงสองคนและผู้ชายอีกสี่คน มีชายสองคนในกลุ่มกำลังตามเกี้ยวพาราสีเฉียวซื่อหลิว

ทั้งสองคือลั่วมู่ซือและหลุนเฟย

ในความเป็นจริงมีชายที่หมายปองเฉียวซื่อหลิวมากมาย แต่การได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้หมายความว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับคนอื่นๆ

แน่นอนว่าลั่วมู่ซือและหลุนเฟยมีความสุขกับเรื่องนี้และรีบเดินทางมาทันที

แต่ในเวลานี้เฉียวซื่อหลิวกลับกำลังพูดคุยอยู่กับผู้อมตะชายอีกคน “อี้ไห่ ท่านบอกว่าท่านต้องการผสานตนเองเข้ากับภาคใต้ เทศกาลไหว้พระจันทร์ในคืนนี้ถือเป็นประเพณีสำคัญของคนใต้”

“ภาคใต้จะไหว้พระจันทร์ปีละครั้ง มันเป็นเวลาที่พวกเราจะชื่นชมความงดงามของดวงจันทร์”

ดวงตาของนางส่องประกายระยิบระยับ เสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานดังออกมาจากริมฝีปากสีชมพูทำให้ภาพลักษณ์ของนางดูราวกับเทพธิดาจากสวรรค์

ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยขมวดคิ้วทันที พวกเขามองฟางหยวนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ

ทัศนคติที่แตกต่างของเฉียวซื่อหลิวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การจัดที่นั่งยังทำให้ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยรู้สึกอารมณ์เสีย

เหตุผลเป็นเพราะที่นั่งหลักคือเฉียวซื่อหลิวขณะที่ที่นั่งด้านขวามือของนางคือฟางหยวนและที่นั่งด้านซ้ายมือคือเทพธิดาเถียนลู่สหายที่ดีที่สุดของนาง

สำหรับผู้อมตะชายคนอื่นๆ พวกเขาถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างไกล

“เทศกาลไหว้พระจันทร์?” ฟางหยวนกล่าวราวกับไม่รู้จักแต่แท้จริงแล้วเขารู้ดี “น่าสนใจ แล้วเราจะทำสิ่งใดอีกนอกจากการชื่มชมดวงจันทร์”

“เราจะดื่มชา ท่องบทกวี และผ่าหิน” เฉียวซื่อหลิวอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ผ่าหิน?” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความงุนงง

เฉียวซื่อหลิวไม่ตอบแต่นางยื่นถ้วยชาให้ฟางหยวน “ก่อนอื่นเชิญชิมชาที่ข้าชงเอง”

ลั่วมู่ซือแทบผุดลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

เปลือกตาของหลุนเฟยกระตุกอย่างรุนแรง

ฟางหยวนจิบชาเบาๆและแสดงความคิดเห็น “ชาไม่เลว”

“ไม่เลวงั้นหรือ? นี่คือชาเกลียวหลิวที่มีชื่อเสียงของเทพธิดาซื่อหลิว!”

“มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้งั้นหรือ?” ฟางหยวนมองเฉียวซื่อหลิว

เฉียวซื่อหลิวที่ถูกฟางหยวนจ้องมองเร่งหลบสายตาและหัวเราะเบาๆ

หัวใจของหลุนเฟยเต้นเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสีนงหัวเราะที่มีเสน่ห์ของเทพธิดาผู้นี้

เป็นเทพธิดาเถียนลู่ที่เปิดปากตอบ “หากท่านเขย่าถ้วยชาเบาๆ ชาเกลียวหลิวจะสร้างน้ำวนขึ้นบนพื้นผิว ท่านจะได้รับรสชาติที่ไม่ธรรมดาเมื่อดื่มในเวลานั้น”

“โอ้ เป็นเช่นนี้” ฟางหยวนเขย่าถ้วยชาและสร้างน้ำวนขึ้นทันที

จากนั้นเขาก็ดื่มมันเข้าไปและรู้สึกถึงกลิ่นชาที่อบอวลอยู่ในปากและลำคอ

“ชาเลิศรส!” ฟางหยวนยกย่อง

“แน่นอนว่าต้องเป็นชาที่ยอดเยี่ยม ชาที่เทพธิดาซื่อหลิวชงด้วยตนเองไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถดื่ม!” ลั่วมู่ซือกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ได้รับการยกย่องจากท่าน ความพยายามของซื่อหลิวไม่สูญเปล่าจริงๆ ท่านควรรู้ว่าชาชนิดนี้ต้องใช้เวลาหกชั่วโมงในการชง” เทพธิดาเถียนลู่กล่าว

หลุนเฟยรู้สึกตื่นเต้นมาก “เป็นเกียรติสำหรับชีวิตของข้าที่ได้ลิ้มรสชาติชาเกลียวหลิวที่เทพธิดาซื่อหลิวชงเองในครั้งนี้”

คิ้วของเทพธิดาเถียนลู่ยกขึ้นทันที “ผู้ใดบอกว่าเจ้าสามารถลิ้มรสชาติชาเกลียวหลิว? ซื่อหลิวใช้เวลาว่างจากตารางงานที่ยุ่งมากของนางเพื่อชงชาถ้วยนี้เท่านั้น”

“อา…”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท