เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1337

ตอนที่ 1337

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1337 ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งความมืด

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ อาณาจักรแห่งความฝัน

‘จ้าวเย่ฮุ้ย!?’ เมื่อได้ยินชื่อของสัตว์ประหลาดตัวนี้ หัวใจของฟางหยวนสั่นไหวอย่างรุนแรง

นี่คือสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีต้นกำเนิดที่ลึกลับ มันคงอยู่มาตั้งแต่หนึ่งล้านปีก่อน

ทุกครั้งที่มันปรากฏตัวจะเกิดการต่อสู้อย่างไม่รู้จบสิ้น หากเปรียบเทียบในแง่ของความอาวุโส พังพอนหางสุนัขของภาคเหนือยังถือเป็นเด็กน้อยที่มีอายุเพียงสามแสนปี

จ้าวเย่ฮุ้ย โหย่วเทียนกวง ทั้งสองชื่อนี้เป็นฝันร้ายของมวลมนุษยชาติมาตลอด

พวกมันเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดแต่พวกมันมีร่างกายของมนุษย์

กระทั่งวังสวรรค์ของภาคกลางก็ไม่สามารถทำลายล้างพวกมัน

พวกมันมีสติปัญญาและทำงานร่วมกัน เมื่อใดก็ตามที่เทพอมตะหรือเทพปีศาจถือกำเนิดขึ้น พวกมันจะซ่อนตัวอยู่อย่างสงบ

โชคดีที่เทพอมตะสวรรค์พิภพมุ่งมั่นที่จะกำจัดความชั่วร้ายเหล่านี้ เขาใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก ในที่สุดเขาก็พบที่ซ่อนตัวของสัตว์อสูรในตำนานทั้งสอง

หลังการต่อสู้ที่ดุเดือด โหย่วเทียนกวงเสียชีวิตขณะที่จ้าวเย่ฮุ้ยได้รับบาดเจ็บสาหัสและสามารถหลบหนี

‘จ้าวเย่ฮุ้ย…ข้าได้พบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่เป็นตำนานในอาณาจักรแห่งความฝันจริงๆ’ ฟางหยวนตะลึง

จ้าวเย่ฮุ้ยกำลังกินซากศพทั้งหมดที่อยู่รอบๆอย่างตะกละตะกลาม กองซากศพถูกดูดเข้าไปในปากของมันด้วยความเร็วสูง

ท่าไม้ตายอมตะ!

เห็นได้ชัดว่ามันคือท่าไม้ตายอมตะ

การเคี้ยวทั่วไปไม่อนุญาตให้มันกินด้วยความเร็วสูงถึงระดับนี้

ฟางหยวนกำลังพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วนัก ความเร็วในการหลบหนีของเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับแรงดูดของมัน นั่นทำให้ฟางหยวนถูกลากดึงเข้าไป

สุดท้ายร่างของฟางหยวนก็ถูกดูดเข้าไปในปากของจ้าวเย่ฮุ้ย

มันกัดกินฟางหยวนด้วยคมเขี้ยมอันแหลมคม

‘ข้าตายอีกแล้ว!’ ฟางหยวนกลับสู่โลกของความจริงด้วยอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณ

‘ข้าจะผ่านอาณาจักรแห่งความฝันนี้ได้อย่างไร?’ ปัญหานี้เหมือนหินขนาดใหญ่ที่กีดขวางเส้นทางของเขาเอาไว้

เขาครุ่นคิด

ขณะที่เขาถูกนำขึ้นไปบนภูเขาโดยมนุษย์อสูรหัวหมูป่า ฟางหยวนพยายามหลายวิธีแต่ยังไม่สามารถหลบหนี

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอาณาจักรแห่งความฝันกำลังบังคับให้เขาไปหุบเหว แต่หุบเหวนี้อันตรายกว่ามนุษย์อสูรหัวหมูป่าเพราะมีสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานอยู่ที่นั่น

สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดแต่พวกมันมีสติปัญญาต่ำกว่า

อย่างไรก็ตามมีข้อยกเว้นสำหรับทุกสิ่ง ท่ามกลางสัตว์อสูรแรกกำเนิด มีหลายตัวที่ได้รับสติปัญญาและสามารถเรียนรู้การใช้ท่าไม้ตายอมตะ

สัตว์อสูรแรกกำเนิดลักษณะนี้ถือเป็นสัตว์อสูรในตำนานและมักมีชื่อเป็นของตนเอง

เช่นเดียวกับพังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวของภาคเหนือ มังกรปีศาจไต่เจิ้งเฉิงของภาคกลาง ตลอดไปถึงจ้าวเย่ฮุ้ย และโหย่วเทียนกวง

ตัวตนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าผู้อมตะระดับแปดส่วนใหญ่

นี่สามารถเห็นได้จากวิธีที่พังพอนหางสุนัขเหมาหลี่ชิวสามารถสังหารสองผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์

มนุษย์มีร่างกายที่อ่อนแอและไม่สามารถเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น หากพวกเขาไม่ได้ใช้วิญญาณ ความสามารถทางกายภาพของพวกเขาจะอ่อนด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอย่างมาก

สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากอยู่บนร่างกาย พวกมันมีอายุขัยมากกว่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัว ความแข็งแกร่ง และอื่นๆ พวกมันล้วนเหนือกว่ามนุษย์ทั้งสิ้น เมื่อพวกมันมีสิติปัญญาเหมือนมนุษย์และสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ ความแข็งแกร่งของพวกมันจึงเหนือกว่าผู้อมตะระดับแปดโดยธรรมชาติ

‘อาณาจักรแห่งความฝันนี้ต้องการให้ข้าหลบหนีจากการถูกจ้าวเย่ฮุ้ยกินงั้นหรือ?’

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันตลอดทางและหลบอยู่ใต้กองซากศพ

จ้าวเย่ฮุ้ยเริ่มดูดกลืนซากศพขณะที่ฟางหยวนพยายามหลบหนี

แต่ในไม่ช้าเขาก็ยังถูกดูดเข้าไปในปากของจ้าวเย่ฮุ้ยอีกครั้ง

‘บัดซบ!’ สิ่งสุดท้ายที่ฟางหยวนมองเห็นคือคมเขี้ยวของจ้าวเย่ฮุ้ยที่แทงเข้าไปในร่างกายของเขา

เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

‘ข้าต้องขุดลงไปให้ลึกมากขึ้น’ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเพื่อค้นหาตำแหน่งที่ดีที่สุด

จ้าวเย่ฮุ้ยดูดกลืนซากศพอยู่เป็นเวลานานก่อนจะหยุดลง

ฟางหยวนยังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกองซากศพ

‘ในที่สุดข้าก็ผ่านมาได้’ ในขณะที่ฟางหยวนกำลังยินดี หนึ่งในสองผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรที่ลอยอยู่กลางอากาศก็เปิดปากกล่าว “จ้าวเย่ฮุ้ย เจ้าช่างกินจุนัก”

ยักษ์ดำกล่าว “น้อยเกินไป ข้าต้องการกินมนุษย์มากกว่านี้ ยิ่งข้ากินมนุษย์มากเท่าใด ข้าก็ยิ่งเข้าใกล้การเป็นมนุษย์มากเท่านั้น!”

“อย่ากังวล ยังมีอีก” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรหัวเราะและนำซากศพของผู้ใช้วิญญาณออกมาจากมิติช่องว่างของเขา

‘บัดซบ!’ ฟางหยวนลอบสาปแช่ง

ในเวลาต่อมา เขาถูกกองซากศพทับตาย

เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

ฟางหยวนขุดลงไปในกองซากศพแต่คราวนี้เขาไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด

หลังจากการดูดกลืนจบลง เขาก็อยู่ชั้นบนสุดของกองซากศพ

ศพจำนวนมากร่วงหล่นลงมาขณะที่ฟางหยวนพยายามปีนขึ้นไปด้านบน

‘ข้าควรทำอย่างไรต่อไป?’ ฟางหยวนมองกองซากศพที่อยู่ข้างหน้าและคิดอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันเขายังถูกฝังอยู่ในกองซากศพ เขาอยู่ห่างจากชั้นบนสุดประมาณหกเมตร

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาเริ่มรู้สึกชาที่หน้าอก

เขาใช้มือสัมผัสและรู้สึกว่ามันเหมือนอสรพิษหรือตะขาบ

‘ข้าตายอีกแล้วงั้นหรือ?’ คำถามนี้ปรากฏขึ้นในใจของเขาเมื่อเขาถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน

‘ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเป็นวิญญาณ?’ ฟางหยวนคิด

‘มีซากศพของผู้ใช้วิญญาณจำนวนมาก ดูเหมือนพวกเขาจะผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ขณะที่วิญญาณระดับมนุษย์บางดวงยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นเรื่องปกติ แม้ผู้อมตะจะพบพวกมัน แต่วิญญาณระดับมนุษย์ไร้นัยสำคัญสำหรับพวกเขา’

‘แน่นอนว่าในสภาพแวดล้อมเช่นทะเลซากศพ วิญญาณป่าอาจถือกำเนิดขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก’

ฟางหยวนตระหนักอย่างชัดเจนว่าวิญญาณดวงนี้เป็นโอกาสของเขา

หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณ เขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

การปรับแต่งวิญญาณล้มเหลวเพราะการแทรกแซงของจ้าวเย่ฮุ้ย เขาเสียชีวิต

ในความพยายามครั้งต่อมาเขาสามารถปรับแต่งวิญญาณดวงนี้และตระหนักว่ามันเป็นวิญญาณระดับสองที่ใช้โจมตี ฟางหยวนสาปแช่งอีกครั้ง เขาตาย

อีกครั้ง เขาเสียชีวิต

และเสียชีวิต

และเสียชีวิต

‘อาณาจักรแห่งความฝันบัดซบอันใด!?’

สิ้นหวัง

ในอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนอ่อนแอเกินไป

อุบัติเหตุเล็กๆก็สามารถมอบความตายให้เขาได้ทันที

‘ข้าควรทิ้งอาณาจักรแห่งความฝันนี้หรือไม่?’ ความคิดนี้ปรากฏขึ้นหลังจากล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนลงทุนกับอาณาจักรแห่งความฝันนี้ไปมากแต่เขายังไม่เห็นโอกาสประสบความสำเร็จ

อาณาจักรแห่งความฝันนี้ยากเกินไป!

‘มาลองอีกครั้ง!’

‘ข้าสามารถอดทนได้อีกครั้ง’

‘ข้าตายอีกแล้ว…ข้าควรยอมแพ้หรือไม่?’

ฟางหยวนลงทุนไปมากแล้ว เขาไม่ต้องการยอมแพ้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาไม่เคยพบอาณาจักรแห่งความฝันเช่นนี้มาก่อน หากเขาประสบความสำเร็จ เขาอาจได้รับผลประโยชน์มหาศาล

ฟางหยวนกัดฟันอดทน

เหลือซากศพอยู่ประมาณหกสิบศพ ฟางหยวนดิ้นรนรักษาชีวิตมาจนถึงเวลานี้

ค่ายกลวิญญาณปรากฏขึ้น

ฟางหยวนค้นพบว่าจ้าวเย่ฮุ้ยติดอยู่ในค่ายกลวิญญาณนี้ ร่างกายส่วนล่างของมันถูกฝังอยู่ใต้ดิน มีเพียงส่วนบนเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหว

‘ค่ายกลสี่ธาตุ ข้าจะทำลายเจ้า!’ จ้าวเย่ฮุ้ยคำรามและระเบิดแสงสีเทาออกมาจากร่างกาย

“โอ้ ไม่ นี่คือท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทา! ถอย!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรทั้งสองรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ค่ายกลสี่ธาตุสะกดข่มแสงสีเทาเอาไว้และทำให้จ้าวเย่ฮุ้ยคำรามด้วยความโกรธ

‘อันใด ข้าจะหลบมันได้อย่างไร?’ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรสามารถบินหนีแต่ฟางหยวนไม่สามารถ

เขาถูกแสงสีเทากลืนกินเข้าไป

ฟางหยวนตกอยู่ในความสิ้นหวัง ‘นี่คืออาณาจักรแห่งความฝันที่ไม่สามารถคลี่คลาย! แสงสีเทาไม่สามารถหลบเลี่ยง! หากข้ารู้เช่นนี้ ข้าคงยอมแพ้ไปนานแล้ว นั่นเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดกว่า!’

ฟางหยวนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งขณะถูกส่งออกมา

อาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของเขารุนแรงกว่าทุกครั้ง

แต่…

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนมีความสุขและประหลาดใจก็คือความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดของเขาพุ่งขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ในครั้งเดียว

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนเร่งตรวจสอบ

เขาตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าอาณาจักรแห่งความฝันนี้หายไปแล้ว

‘ข้าประสบความสำเร็จ! มันคืออาณาจักรแห่งความฝันที่ต้องเอาตัวรอดจนถึงที่สุด’

‘อาณาจักรแห่งความฝันนี้มีเพียงฉากเดียว แต่หลังจากผ่านมาได้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดระดับสามัญของข้าก็ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ทันที!’

‘นี่เป็นเพราะการดำรงอยู่ของจ้าวเย่ฮุ้ยงั้นหรือ?’

คำถามมากมายถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับคำตอบ

หลังจากทั้งหมดความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนยังตื้นเขินเกินไป

ในเวลาเดียวกันไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันก็เต็มไปด้วยคำถาม

“ที่นี่ที่ใด?” ไห่ลั่วหลันมองโลกที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ

“นี่คือสวรรค์ของมนุษย์เห็ด” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ปรากฏตัวขึ้น

“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ด?” รูม่านตาของไป่หนิงปิงหดเล็กลง

มนุษย์เห็ดเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ประเภทหนึ่ง พวกเขามีร่างกายของมนุษย์แต่มีหมวกเหมือนเห็ดอยู่บนศีรษะ

“สวรรค์…มนุษย์เห็ด?” ไห่ลั่วหลันพึมพำสองคำนี้ “อย่าบอกว่านี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพอมตะสวรรค์พิภพ…”

—————

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท