เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1345

ตอนที่ 1345

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1345 สถานการณ์บีบบังคับ
ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า รุ่งเช้าอากาศยังชื้นแฉะ

ผู้อมตะสองคนของตระกูลฮั่วยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงไปยังหุบเขาด้านล่าง

หุบเขาเมฆาสีทอง!

หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ ในยามค่ำคืนหมอกจะบดบังการมองเห็นทั้งหมด แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น แสงแดดจะทำให้หมอกเปลี่ยนเป็นสีทอง

“นี่คือหุบเขาเมฆาสีทอง มันสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งโลหะและเส้นทางแห่งเมฆา ตระกูลวูพรากมันไปจากเราเมื่อนานมาแล้ว” ผู้อมตะตระกูลฮั่วถอนหายใจ “แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะทวงคืนทรัพย์สินของเราแล้ว!”

ผู้อมตะตระกูลฮั่วอีกคนที่ดูคล้ายปีศาจอมตะพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองจะบินไปยังหุบเขาเมฆาสีทองอย่างเงียบๆ

ก่อนหน้านี้หุบเขาเมฆาสีทองอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลวู แต่การหายตัวไปของวูหยงทำให้ฟางหยวนออกคำสั่งเรียกผู้อมตะทุกคนกลับตระกูล

ข่าวนี้อาจถูกปิดได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่สุดท้ายทุกคนก็สังเกตเห็น

อย่างไรก็ตามตระกูลฮั่วเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ พวกเขาไม่สามารถโจมตีได้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเอ่ยอ้างว่ากำลังไล่ล่าปีศาจอมตะที่บุกเข้ามาในหุบเขาเมฆาสีทองอย่างอุกอาจ

เมื่อพวกเขายึดหุบเขาเมฆาสีทอง มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตระกูลวูจะทวงคืน

เมื่อเวลานั้นมาถึงตระกูลฮั่วจะหาข้ออ้างมากมายเช่นเราจะช่วยตระกูลวูปกป้องหุบเขาเมฆาสีทอง

ข้ออ้างคือสิ่งสำคัญที่สุดของฝ่ายธรรมะ

เว้นเพียงตระกูลวูจะมีความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดและบังคับให้ตระกูลฮั่วล่าถอยออกไป

ปีศาจอมตะของตระกูลฮั่วโจมตีหุบเขาเมฆาสีทองอย่างต่อเนื่อง

แม้ผู้อมตะตระกูลวูจะจากไปแต่ค่ายกลวิญญาณยังถูกทิ้งไว้เพื่อปกป้องแหล่งทรัพยากรของพวกเขา

ในเวลานี้มันกำลังปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาเพื่อป้องกันตัวมันเอง

ผู้อมตะตระกูลฮั่วคำรามและส่งดาบพลังปราณออกมาทำลายทุกสิ่งกีดขวาง

เห็นได้ชัดว่าตระกูลฮั่วเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ค่ายกลวิญญาณของตระกูลวูเป็นเพียงค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ แล้วมันจะสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับเจ็ดได้อย่างไร?

ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายในการโจมตีเดียว หมอกสีทองแยกออกและเผยให้เห็นลักษณะที่แท้จริงของหุบเขาแห่งนี้

ผู้อมตะตระกูลฮั่วมองมันด้วยดวงตาส่องประกายก่อนที่คนหนึ่งจะตะโกน “จอมวายร้าย เจ้าจะไปที่ใด?”

ผู้อมตะตระกูลฮั่วอีกคนที่ดูเหมือนปีศาจอมตะพุ่งลงไปยังหุบเขาด้านล่าง

…..

น้ำตกสีม่วงไหลลงมาจากความสูงเกือบร้อยเมตร

มันคือน้ำตกพิษ!

บนภูเขาใกล้กับน้ำตกแห่งนี้มีหมู่บ้านที่ตระกูลวูดูแลอยู่

“ตาย ตาย!” ผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากพุ่งเข้าสู่ภูเขา

ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูล่าถอยไปถึงแนวป้องกันสุดท้าย

หัวหน้าหมู่บ้านผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ของตระกูลวูตะโกน “ตระกูลหยางช่างน่ารังเกียจนัก พวกเจ้ากล้าโจมตีตระกูลวูจริงๆ!”

“ฮืม เราอดทนกับพวกเจ้ามานานแล้ว พ่อแม่ของข้าเพียงต้องการวิญญาณเพื่อนำไปรักษาพิษ แต่พวกเขากลับเสียชีวิตบนภูเขาลูกนี้ วันนี้พวกเราจะทวงบัญชีแค้น!” ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลหยางพุ่งเข้าโจมตีด้วยความโกรธ

“บัดซบ!” ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูอยู่ในตำแหน่งป้องกันขณะที่ตระกูลหยางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและนำกองกำลังขนาดใหญ่บุกเข้ามา

ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูพ่ายแพ้และทำได้เพียงหลบหนีเท่านั้น

ผู้ใช้วิญญาณตระกูลหยางโห่ร้องอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง

บนท้องฟ้าผู้อมตะตระกูลหยางกำลังเฝ้ามองสิ่งนี้ด้วยใบหน้าที่มีความสุข

นี่คือพื้นที่ทับซ้อนของตระกูลหยางและตระกูลวู ตระกูลหยางวางแผนมานานแล้ว พวกเขาส่งกลุ่มผู้ใช้วิญญาณของตระกูลหยางมาที่นี่เพื่อสร้างความขัดแย้ง

ด้วยเหตุนี้ตระกูลหยางจึงสามารถบุกเข้ายึดครองอาณาเขตของตระกูลวูได้อย่างเปิดเผย

ด้วยกฎของฝ่ายธรรมะ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความขัดแย้งของมนุษย์

น้ำตกพิษเป็นแหล่งทรัพยากรระดับมนุษย์ มันสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งพิษ สิ่งนี้ไม่มีความสำคัญต่อผู้อมตะ

แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรก ตระกูลหยางต้องการก้าวต่อไปจนถึงแหล่งทรัพยากรที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง นั่นคือภูเขาซากศพ!

…..

“ครืน…”

เสียงคลื่นน้ำดังเข้าหูของผู้อมตะตระกูลเหยา

เขายืนอยู่บนยอดเขาจักรพรรดิผีดิบและมองไปที่แม่น้ำมังกรแดง

สถานที่แห่งนี้เคยเป็นของผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดิผีดิบหยูติงเทียนมาก่อน หลังจากเขาเสียชีวิต มันกลายเป็นสถานที่รกร้าง

แต่ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันจะกลายเป็นภูเขาผีดิบ

มีผีดิบจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ พวกมันยังให้กำเนิดวิญญาณผีดิบบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงตลอดไปถึงวิญญาณปราณผีดิบบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

ก่อนหน้านี้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคใต้ต้องการซื้อภูเขาลูกนี้จากตระกูลวู แต่ตระกูลวูปฏิเสธ

“ตอนนี้มันเป็นของตระกูลเหยาแล้ว!” ผู้อมตะตระกูลเหยาตื่นเต้นมาก

ข่าวเรื่องวูหยงเสียชีวิตแพร่กระจายออกไป

หลังจากนั้นกองกำลังใหญ่หลายกองกำลังจึงร่วมมือกันและกระทำการเหล่านี้

ตระกูลเหยา ตระกูลหยาง และตระกูลฮั่ว พวกเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

…..

สำนักงานใหญ่ของตระกูลวูตกอยู่ในความโกลาหล

“บัดซบ! สามตระกูลนี้ช่างกล้าหาญนัก!”

“เราสูญเสียทรัพยากรไปสามแห่งในครั้งเดียว โดยเฉพาะภูเขาผีดิบ นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ในอดีตตระกูลวูต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา”

“ตอบโต้ เขาต้องตอบโต้! เรามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เราต้องเกรงกลัวสิ่งใด?”

ผู้อมตะตระกูลวูตะโกนด้วยความวิตกกังวล บางคนถกเถียง บางคนคัดค้าน บางคนเงียบ

ผ่านไปมากกว่าสิบวันตั้งแต่วูหยงหายตัวไปโดยไม่ทราบชะตากรรม

ตระกูลวูพยายามปกปิดข้อมูลนี้ แต่ดังคาด คนร้ายเผยแพร่ข่าวเรื่องนี้ออกไปแล้ว

แรกเริ่มกองกำลังใหญ่ปฏิเสธที่จะเชื่อ แต่หลังจากนั้นพวกเขาจึงตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง

เนื่องจากฟางหยวนคาดเดาสถานการณ์นี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเผยแพร่ข้อมูลเท็จมากมายออกไปเพื่อหลอกลวงกองกำลังเหล่านั้น

แต่การกระทำของเขายังไร้ประโยชน์

กองกำลังใหญ่ไม่ได้โง่ หลังจากสังเกตการณ์ ในที่สุดพวกเขาก็ลงมือ ทันทีที่พวกเขาลงมือ ตระกูลวูตกอยู่ในจุดที่ยากลำบาก พวกเขาสูญเสียแหล่งทรัพยากรมากมาย

ในห้องประชุม ที่นั่งหลักว่างเปล่า วูป๋าชงนั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาและคอยสังเกตการแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะอย่างเงียบๆ แม้เขาจะหนักใจ แต่เขาก็รู้สึกพอใจเล็กน้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองไปที่วูเฉียว ริมฝีปากของเขาก็ขดตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม

เพราะวูเฉียวเป็นผู้รับผิดชอบภูเขาผีดิบ

วูเฉียวแสดงออกอย่างเย็นชา

แม้เขาจะตระหนักถึงรอยยิ้มยั่วยุของวูป๋าชง แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้และนั่งนิ่งราวกับรูปปั้น

“หยุดโต้เถียง” วูป๋าชงกล่าว

คราวนี้ไม่มีผู้ใดตำหนิเขา ห้องประชุมเงียบลงอย่างรวดเร็ว

วูป๋าชงพอใจกับสิ่งนี้ ภายใต้สายตาที่วิตกกังวลของกลุ่มผู้อมตะ เขาถอนหายใจ “เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลวูแต่เรายังไม่สามารถตัดสินใจ ไปขอให้ท่านวูอี้ไห่ตัดสินกันเถอะ”

วูเฉียวขมวดคิ้ว

ผู้อมตะตระกูลวูมองหน้ากัน

บางคนไม่พอใจและบ่น “เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูล แต่ท่านวูอี้ไห่ยังอยู่ในค่ายกลวิญญาณ”

“ข้าได้ยินว่าเทพธิดาซื่อหลิวไปที่นั่นเมื่อสิบกว่าวันก่อน ข้ายังได้ยินว่ามีเทพธิดากระต่ายขาว…” ผู้อมตะบางคนกล่าวด้วยเจตนาร้าย

วูเฉียวขมวดคิ้วลึก เขาต้องการพูดแทนฟางหยวน แต่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่กล่าวสิ่งใด

ไม่นานจดหมายจากตระกูลวูก็ไปถึงฟางหยวน

ฟางหยวนไม่แปลกใจ เขาคาดเดาไว้แล้ว

“ดูเหมือนข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” ฟางหยวนมองอาณาจักรแห่งความฝันและถอนหายใจ

หลายวันที่ผ่านมาเขาต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันต่อไป แต่โชคไม่ดีที่มันยังเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่ไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สำรวจมัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท