เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1338

ตอนที่ 1338

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1338 ภาพลวงตาทั้งเจ็ด

แปลโดย iPAT

ก่อนที่ไห่ลั่วหลันจะกล่าวจบ ราชันภูเขาม่วงก็ชิงตอบ “ถูกต้อง แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกดัดแปลงโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ มันไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใดๆและกลายเป็นสวรรค์ของมนุษย์เห็ด ที่นี่พิเศษมากเพราะเทพอมตะสวรรค์พิภพเคยบ่มเพาะอยู่ที่นี่ก่อนจะบรรลุเป็นเทพอมตะ”

“เห้ย…” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดถอนหายใจ “ตั้งแต่ข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้ารู้ว่าวันนี้จะมาถึงในวันหนึ่ง ข้าต้องจ่ายค่าตอบแทน แต่หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยทำความชั่ว นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ เพียงฆ่าข้าซะ”

“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” ราชันภูเขาม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องการให้เจ้าพาพวกเขาไปยังถ้ำแตงที่เทพอมตะสวรรค์พิภพเคยอาศัยอยู่ เจ้าจะไม่ปฏิเสธคำขอนี้ใช่หรือไม่?”

การแสดงออกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดกลายเป็นยิ่งขมขื่น เขาคิดก่อนจะพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าตกลง”

สวรรค์ของมนุษย์เห็ด ถ้ำแตงจักร

ถ้ำแห่งนี้ได้รับการปกป้องโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ด

ราชันภูเขาม่วงหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์และตระหนักถึงแผนการของมัน เขาใช้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดผู้นี้เพื่อส่งไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงมายังสถานที่มหัศจรรย์แห่งนี้

“นี่คือถ้ำแตงจักรที่เผ่าของข้าปกป้องมาตลอด พวกเจ้าสามารถบ่มเพาะอยู่ที่นี่ได้อย่างลับๆ แต่อย่าทำลายแตงเหล่านั้น” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดกล่าว

แตกจักร?

ไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

แตงจักรเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกมันสามารถใช้หลอมรวมวิญญาณได้ทุกชนิด

ดังนั้นมันจึงได้รับความนิยมมาก

และตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแตงจักร

ราชันภูเขาม่วงอธิบาย “ไม่จำเป็นต้องคาดเดา นี่คือแหล่งผลิตแตงจักรที่ใหญ่ที่สุดของสวรรค์สีเหลือง พวกมันครองส่วนแบ่งตลาดเกือบหกสิบส่วนของทั้งหมด”

“แน่นอนว่าข้าไม่ได้พาพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อแตงจักร สิ่งสำคัญคือค่ายกลวิญญาณของที่นี่”

“มันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎเป็นแกนกลางและยังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเป็นส่วนสนับสนุน เมื่อพวกเจ้าฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะที่นี่ พวกเจ้าจะเชี่ยวชาญมันมากขึ้นในเวลาอันสั้น”

“นอกจากนั้นมันยังช่วยเร่งการสร้างพลังงานอมตะให้กับพวกเจ้าอีกด้วย”

ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงมีความสุขมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้

นี่เป็นสวรรค์แห่งการบ่มเพาะที่เหมาะสมกับพวกนางมากที่สุดในเวลานี้

ไห่ลั่วหลันบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งไฟ นางมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มากแต่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟมากมายรวมถึงมรดกที่ป้าของนางทิ้งไว้ให้

ไป่หนิงปิงพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง นางไม่อ่อนแอเช่นกัน นางมีวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะจำนวนมาก

แต่สิ่งที่จำกัดความสามารถของพวกนางเอาไว้คือเวลา พวกนางต้องการเวลาในการฝึกฝน

ราชันภูเขาม่วงต้องการเพิ่มพลังการต่อสู้ของกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงนำคนทั้งสองมาที่นี่เพื่อฝึกฝน

ถ้ำแตงจักรมีขนาดใหญ่โตมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เห็ดจัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัวให้กับไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลัน

วันเวลาผ่านไป

ฟางหยวนยังอยู่ในค่ายกลวิญญาณและสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างไม่หยุดยั้ง

ภายนอกทุกคนคิดว่าเขากำลังบ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันและได้รับผลประโยชน์มหาศาล

จื่อซานเป็นตัวอย่างที่ดี

เขาเป็นศิษย์เอกของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อและค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกลมานานกว่าร้อยปีก่อนจะสามารถบรรลุระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ความสามารถและความสำเร็จของเขาถือว่าหาได้ยากท่ามกลางผู้อมตะทั้งหมด

ในขณะเดียวกันฟางหยวนใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองเดือนเพื่อคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝันและกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล

อาณาจักรแห่งความฝันช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้อมตะในการสะสมรากฐาน

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนไม่ได้เป็นเพียงปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลแต่ยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งความมืดอีกด้วย

ด้วยระดับความสำเร็จดังกล่าว ฟางหยวนเกิดแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดทันที

‘ตอนนี้ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นแกนกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่สามารถป้องกันการอนุมานจากผู้อื่น’

‘ข้ายังสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นแกนกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่สามารถปลดปล่อยการโจมตีที่คล้ายกับวิญญาณอมตะศรทมิฬได้อีกด้วย’

‘ยังมีอีกแนวคิดหนึ่ง ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดในท่าไม้ตายอมตะอื่นเพื่อปกปิดกลิ่นอายของท่าไม้ตายเหล่านั้น หลังจากใช้มัน ข้าจะสามารถโจมตีศัตรูโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว’

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งข้อมูลและเส้นทางอาหารมากที่สุด

เส้นทางอาหารจะช่วยเรื่องการให้อาหารวิญญาณอมตะและลดค่าใช้จ่าย

เส้นทางแห่งข้อมูลยิ่งสำคัญกว่า

ตอนนี้ฟางหยวนมีข้อตกลงพันธมิตรมากเกินไป

นี่ทำให้เขาสูญเสียอิสระ เมื่อเขากระทำการต่างๆ เขาต้องคำนึงถึงข้ดตกลงเหล่านั้น

หากระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้น เขาจะสามารถถอดรหัสกับดักบนเส้นทางแห่งข้อมูลและอีกมากมาย เขาจะสามารถร่วมมือกับนิกายเงาได้อย่างสบายใจ

แต่สิ่งต่างๆมักไม่เป็นไปตามความปรารถนาของผู้คน

สถานที่ที่ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่เหมือนหน้าต่าง หลังจากอาณาจักรแห่งความฝันของจ้าวเย่ฮุ้ยหายไป อาณาจักรแห่งความฝันใหม่ที่ไร้สาระก็เข้าปกคลุมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้

ฟางหยวนไม่ต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันประเภทนี้แม้เขาจะสามารถคลี่คลายความฝันก็ตาม

เขาทำได้เพียงอดทนรอ

อาณาจักรแห่งความฝันจะเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว

แต่เนื่องจากเขาพบอาณาจักรแห่งความฝันที่ไร้สาระติดต่อกัน ฟางหยวนจึงทำได้เพียงหันไปให้ความสนใจกับเรื่องอื่น

การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นเป้าหมายหลัก หลังจากนั้นคืการสร้างท่าไม้ตายอมตะที่มีประโยชน์บนเส้นทางแห่งความมืด

หลังจากวังสวรรค์สูญเสียผู้อมตะระดับแปดไปสามคน ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงอย่างมาก

ห้าภูมิภาคอยู่ในสถานการณ์ที่เงียบสงบ

แต่ปัญหาของตระกูลวูยังไม่จบ แม้วูหยงจะสามารถจัดการทุกสถานการณ์ แต่กองกำลังอื่นๆก็ยังสร้างปัญหาให้เขาอย่างต่อเนื่อง

ไม่นานมานี้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้น

สาเหตุคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟที่ถูกผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ค้นพบโดยบังเอิญ

เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ตระกูลเหยาและตรกูลวูไม่สามารถนิ่งเฉย

เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะนี้เป็นมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะที่น่าทึ่งผู้หนึ่ง

หนึ่งพันปีก่อน ตระกูลวูและตระกูลเหยาเป็นศัตรูกัน หลังจากต่อสู้เพื่อแย่งชิงมรดกบนเส้นทางแห่งไฟนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความสูญเสียและไม่มีฝ่ายใดได้รับมัน

มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งไฟถูกทำลาย แต่เมื่อเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟปรากฏขึ้น พวกเขาจึงเริ่มมีความหวังอีกครั้ง

โดยเฉพาะตระกูลวูและตระกูลเหยา พวกเขาต่างต้องการเคล็ดลับการหลอมรวมนี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้รับมัน พวกเขาก็ไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายได้รับ

ดังนั้นวูหยงจึงส่งวูอี้เหรินออกไปและยอมแพ้ต่อแหล่งทรัพยากรบ่อเลือด

วูอี้เหรินเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขามีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น เขาปฏิบัติภารกิจอย่างรวดเร็วและพบว่าไม่มีมรดกที่แท้จริง มันเป็นเพียงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟเท่านั้น

ตระกูลเหยาไม่ยอมแพ้ พวกเขาส่งเหยาเกิ้งออกมาเช่นกัน

วูอี้เหรินและเหยาเกิ้งต่อสู้กันสี่รอบ ผลลัพธ์คือชนะสองแพ้สอง แต่ในการต่อสู้ครั้งที่ห้า ราชันภูเขาม่วงลอบมายังสถานที่แห่งนี้

บนภูเขาไร้นาม เขาได้พบกับผู้อมตะลึกลับ

ร่างของผู้อมตะลึกลับถูกปกคลุมด้วยแสงสีรุ้ง “ท่านเรียกข้ามาที่นี่งั้นหรือ?”

ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ถูกต้อง ไม่ว่าเจ้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ดมาได้อย่างไร เจ้าก็ได้ทำข้อตกลงพันธมิตรแล้ว เจ้าต้องทำเจ็ดสิ่งเพื่อข้า”

“ตกลง บอกมา” ผู้อมตะลึกลับตอบอย่างตรงไปตรงมา

ริมฝีปากของราชันภูเขาม่วงม้วนตัวขึ้น “ก่อนอื่น ฆ่าวูอี้เหริน”

ผู้อมตะลึกลับตะลึง “ท่านแน่ใจงั้นหรือ?”

ราชันภูเขาม่วงยิ้ม “สอง สังหารเหยาเกิ้ง”

ผู้อมตะลึกลับถามอย่างระมัดระวัง “ท่านกำลังจะทำสิ่งใด?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนั้น เพียงฆ่าคนทั้งสอง” ราชันภูเขาม่วงหัวเราะคิกคัก

ผู้อมตะลึกลับก่นเสียงเย็นก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตา

รอยยิ้มของราชันภูเขาม่วงค่อยๆจางหายไป เขามองไปยังภูเขาที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาลึกลับ

“เหลือเวลาอีกไม่มาก ข้าต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว” เขาพึมพำ

ไม่กี่วันต่อมา ข่าวที่น่าตกใจก็แพร่กระจายออกไป

วูอี้เหรินและเหยาเกิ้งหายตัวไป ไม่มีผู้ใดทราบผลการต่อสู้

ตระกูลวูและตระกูลเหยาสั่นคลอนเพราะป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของคนทั้งสองบอกว่าพวกเขาตายแล้ว

ผู้ใดกระทำการโหดเหี้ยมเช่นนี้?

วูหยงโกรธมาก แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะส่งผู้อมตะออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ บ่อเลือดกลับปะทุขึ้นและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่

วูหยงเร่งส่งผู้อมตะออกไปหยุดสถานการณ์ แต่พวกเขาพบร่องรอยของท่าไม้ตายอมตะในที่เกิดเหตุ

ค่ายกลวิญญาณพังทลายลงด้วยท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเหยาเกิ้ง

สถานการณ์กลายเป็นซับซ้อน

“ไม่ใช่ว่าเหยาเกิ้งตายไปแล้วงั้นหรือ?”

“นี่เป็นแผนการของตระกูลเหยาหรือไม่?”

“นอกจากตระกูลเหยา ยังมีตระกูลใดที่จะทำสิ่งนี้?”

วูหยงรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาสัมผัสได้ถึงพายุใหญ่ที่กำลังก่อตัวขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท