เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1343

ตอนที่ 1343

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1343 ได้รับอำนาจ
ยึดครองตระกูลวู?

คำกล่าวของเฉียวซื่อหลิวทำให้ฟางหยวนถูกล่อลวง

เขาจะไม่ถูกล่อลวงได้อย่างไร?

ตระกูลวูเป็นมหาอำนาจ พวกเขาเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้มานานหลายปี

ตระกูลวูมีอาณาเขตกว้างใหญ่พร้อมกับทรัพยากรทุกประเภท พวกเขามีรากฐานที่ลึกซึ้งและมีคลังสมบัติที่อุดมสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ หากเขาสามารถควบคุมกองกำลังนี้ เขาจะมีทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ไม่จำกัด

ตอนนี้ฟางหยวนมีทรัพย์สินมากมาย

แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับทรัพยากรของตระกูลวู

เพียงบ่อเลือดของตระกูลวูก็ทำกำไรได้มากกว่าธุรกรรมปลามังกรของฟางหยวน

ตระกูลวูมีแหล่งทรัพยากรมากมากกว่ายี่สิบแหล่งที่คล้ายกลับบ่อเลือด นอกจากนั้นหลายแหล่งทรัพยากรยังมีค่ามากกว่าบ่อเลือด

นี่ยังไม่รวมทรัพยากรที่อยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะตระกูลวูและแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ของบรรพชนตระกูลวู

แน่นอนว่ากองกำลังใหญ่เหล่านี้ย่อมมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน แต่ในปัจจุบันตระกูลวูมีทรัพย์สินมากกว่ากำลังคน พวกเขาแทบไม่สามารถปกป้องแหล่งทรัพยากรเหล่านั้น หากวูหยงจากไป พวกเขาอาจต้องยอมแพ้แหล่งทรัพยากรบางแห่ง

แต่ถึงกระนั้นหากฟางหยวนสามารถควบคุมตระกูลวู เขาจะได้รับกำไรมหาศาลและเหนือกว่าการทำงานเพียงลำพังอย่างแน่นอน

ฟางหยวนสงบจิตใจลง

เขามองเฉียวซื่อหลิวและตระหนักถึงความตั้งใจของนาง

เป็นเช่นที่เฉียวซื่อหลิวกล่าว เมื่อวูหยงจากไป ตัวตนของวูอี้ไห่ซึ่งรับบทโดยฟางหยวนจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง

นี่เป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ

ฟางหยวนไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำกล่าวของเฉียวซื่อหลิวเพราะมันง่ายที่จะตรวจสอบ

เฉียวซื่อหลิวรีบร้อนมาที่นี่และแสดงความจริงใจของนาง

ฟางหยวนขมวดคิ้วและเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ”

“เรื่องเร่งด่วนคือกลับไปที่ตระกูลวู วูป๋าชงเรียกประชุมผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว ผู้อมตะจำนวนมากอยู่ที่นั้นแล้ว แต่ข้าสงสัยว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่เรียกเจ้า พวกเขามีเจตนาใด?” เฉียวซื่อหลิวกล่าวด้วยความกังวล

การใช้วูอี้ไห่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของตระกูลเฉียวที่จะแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู

ฟางหยวนถอนหายใจ “เห้อ…ข้าพึ่งกลับเข้าตระกูล ข้าไม่มีรากฐานหรือเครือข่าย มันยากเกินไปที่จะรับช่วงต่อและกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง พวกเขาจงใจทิ้งข้าเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าโอกาสของข้ามีน้อยมาก”

“ไม่ เจ้ามีโอกาสสูง อี้ไห่ อย่าลืมว่าเจ้ามีข้า ตระกูลเฉียวสนับสนุนเจ้าอยู่!” เฉียวซื่อหลิวมองฟางหยวนด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง

ฟางหยวนกระพริบตา “ตระกูลเฉียวจะช่วยข้าได้อย่างไร? ท่านเฉียวจื่อไคจะทำสิ่งใด?”

การแสดงออกของเฉียวซื่อหลิวเปลี่ยนไป นางลังเลอยู่ชั่วครู่แต่นางก็ไม่กล้าซ่อนมันจากฟางหยวน นางต้องพูดความจริง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเราไปกับท่านวูหยง พวกเขาหายตัวไปพร้อมกัน ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของท่านถูกทำลายขณะที่พวกเราไม่สามารถติดต่อท่านได้เช่นกัน นอกจากพวกเขา ไท่เมี่ยนเฉินของตระกูลไท่ก็เป็นอีกคนที่หายตัวไป พวกเขากำลังสืบสวนการเสียชีวิตของวูหยวนจือและเหรินฮ่าว แต่ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

เฉียวซื่อหลิวเผยรอยยิ้มขมขื่น “เชื่อข้าเถอะ ข้ารู้เพียงเท่านี้”

ฟางหยวนลังเล “เหตุการณ์ที่น่าตกใจเช่นนี้เราไม่สามารถซ่อนมันจากโลกได้นานนัก นอกจากนั้นหากไม่มีท่านเฉียวจื่อไค แล้วตระกูลเฉียวจะช่วยข้าได้อย่างไร?”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ตระกูลเฉียวลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว ข้าเป็นตัวแทนที่ได้รับเลือก” เฉียวซื่อหลิวกล่าว

ฟางหยวนตกใจเล็กน้อย

ตระกูลเฉียวอ่อนแอที่สุดในบรรดากองกำลังใหญ่ของภาคใต้ อย่างไรก็ตามพวกเขามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว แม้เฉียวจื่อไคจะหายตัวไป พวกเขาก็ยังสามารถดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ นี่เป็นความพิเศษที่ไม่ธรรมดาของตระกูลเฉียว

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการไป

เขารู้สึกว่ามีคลื่นใต้น้ำขนาดใหญ่ มีผู้บงการที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!

แม้เขาจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง แล้วอย่างไร?

ไม่มีทรัพยากรใดสามารถเปรียบเทียบกับอาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนไม่ต้องการทรัพยากรเพิ่มเติม เขาต้องการระดับความสำเร็จจากอาณาจักรแห่งความฝัน

อย่างหลังถือเป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง

แม้เขาจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจของตระกูลวูและตระกูลวูก็มีประโยชน์ต่อเขา แต่ฟางหยวนรู้ว่ายังมีทางเลือกมากมายในชีวิต เขาต้องคิดว่าสิ่งใดสำคัญที่สุด

‘หากข้ากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าต้องกลับไปที่ตระกูลวูและประจำการอยู่ที่นั่น ข้าจะออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างไร ข้าทุ่มเทความพยายามมากมายเพื่อมาที่นี่!’

‘แต่การปฏิเสธเฉียวซื่อหลิวไม่ใช่เรื่องฉลาด หากข้าทำให้ตระกูลเฉียวโกรธและทำลายความสัมพันธ์ของเรา ข้าจะไม่ได้สิ่งใดเลย’

‘แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือในสายตาของทุกคนหากข้าอยู่ที่นี่และไม่กลับไป มันจะน่าสงสัย นอกจากนั้นข้ายังแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานทางการเมืองมาก่อนหน้านี้อีกด้วย’

ฟางหยวนคิดและเดินไปรอบๆห้องโถง

เฉียวซื่อหลิวกระทืบเท้าด้วยความกังวล “อี้ไห่ เจ้ายังลังเลสิ่งใดอยู่อีก?”

“มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป ข้าขอเวลาคิดเล็กน้อย” ฟางหยวนโบกมือ

“ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องไปเดี๋ยวนี้ ไปคิดระหว่างทาง” เฉียวซื่อหลิวกล่าว

“ไม่ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด!” ฟางหยวนส่ายศีรษะด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าตกลงสู่หลุมพรางของพวกเขาแล้ว”

เฉียวซื่อหลิวตะลึง “อันใด?”

ฟางหยวนกล่าว “หากเรากลับไปอย่างเปิดเผย ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูจะคิดอย่างไร พวกเขาไม่ได้โง่ หากข้าวูอี้ไห่กลับไปพร้อมกับคนตระกูลเฉียวและเข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งโดยละทิ้งเรื่องของพี่ชายและนำคนนอกเข้าสู่การต่อสู้ภายในเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ ตระกูลวูจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ โดยปราศจากความแข็งแกร่งและชื่อเสียงที่เพียงพอ ข้าจะรับช่วงต่อในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งได้อย่างไร?”

เฉียวซื่อหลิวกระพริบตาและคิด ‘คำกล่าวของวูอี้ไห่มีเหตุผล’

“แล้วเราจะอยู่ที่นี่และปล่อยให้วูป๋าชงควบคุมสถานการณ์หรือรับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งงั้นหรือ?” เฉียวซื่อหลิวโต้กลับ

เฉียวซื่อหลิวไม่ใช่ตัวตนที่สามารถจัดการได้โดยง่าย แต่ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้ม “เรารอได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

“ไม่รีบ?”

ฟางหยวนยิ้มกว้างและมองเฉียวซื่อหลิวด้วยสายตาแหลมคม “ข้าเชื่อว่าแม้ข้าจะไม่กลับไป วูป๋าชงก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ ข้ากล่าวผิดหรือไม่?”

เฉียวซื่อหลิวตกตะลึงอีกครั้ง

…..

ตระกูลวู ห้องประชุม

“ปัง!”

วูป๋าชงทุบโต๊ะ

เขาตะโกน “วูเฉียว เจ้าหมายความว่าอย่างไร!? ไม่ว่าข้าจะแนะนำสิ่งใด เจ้าก็คัดค้าน เจ้าพยายามหาเรื่องให้ข้าลำบากงั้นหรือ?”

วูเฉียวเผยรอยยิ้มเย็นชา เขายืนอยู่กลางห้องโถงและมองวูป๋าชง “ผู้อาวุโสที่สอง ท่านรีบร้อนเกินไป เรายังไม่รู้ว่าท่านวูหยงเสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ เพียงป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณที่พังทลายยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน แต่ดูท่านสิ ท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาแล้ว ข้าขอเตือนท่านด้วยความจริงใจ ท่านควรนั่งในตำแหน่งของตนเอง”

“ผู้อาวุโสวูเฉียว ตระกูลวูตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง เราควรหารือเรื่องสำคัญและไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย”

“ข้าคิดว่าไม่มีปัญหาที่ท่านวูป๋าชงจะเป็นผู้นำในการประชุม ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองและตอนนี้ตระกูลวูต้องการผู้นำ”

“เจ้าคิดว่าเราไม่รู้ว่าเจ้ามีเจตนาใดงั้นหรือ? วูเฉียว ข้าขอเตือนเจ้า เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลวู ไม่ใช่ตระกูลเฉียว!”

ในห้องประชุมผู้อมตะบางคนสนับสนุนวูป๋าชงและโจมตีวูเฉียว

วูเฉียวหัวเราะ “ในแง่ของสายเลือด ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคือท่านวูอี้ไห่! ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองควรรับตำแหน่งหรือไม่? เราเป็นนิกายของภาคกลางงั้นหรือ?”

เงียบ…

“นั่นสมเหตุสมผล”

“ในฐานะตระกูล เราให้ความสำคัญกับสายเลือด”

“เหตุใดวูอี้ไห่ไม่มา? วูป๋าชง เจ้าแจ้งเขาหรือไม่?”

ผู้อมตะบางคนกล่าวออกมา ผู้อมตะในห้องประชุมส่วนใหญ่เป็นเจตจำนงของพวกเขา ร่างจริงของพวกเขายังอยู่ปกป้องแหล่งทรัพยากรของตระกูล

วูป๋าชงโกรธมากแต่ภายนอกเขายังสงบนิ่ง

‘ข้าทำไม่สำเร็จ’ เขาลอบถอนหายใจ

เขายืนขึ้นตบหน้าผากของตนเองและถอนหายใจ “ข้าพลาดไป ข้าเป็นห่วงตระกูลมากเกินไป เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ท่านวูอี้ไห่ควรเป็นผู้นำของเรา ข้าจะเชิญเขากลับมา ข้าเต็มใจที่จะฟังเขา!”

“อา…”

ผู้อมตะคนอื่นๆตกใจ

วูเฉียวรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

วูป๋าชงกำลังวางแผนใดอยู่?

หลังจากนั้นฟางหยวนก็ได้รับการติดต่อจากตระกูล

เฉียวซื่อหลิวดีใจมาก “เยี่ยม! แม้เราจะไม่กลับไป แต่เรายังสามารถยึดครองตระกูลวู”

ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม สถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขาไม่ต้องการ

การกระทำของวูเฉียวสามารถเข้าใจได้ แต่การกระทำของวูป๋าชงกลับยิ่งยอดเยี่ยมกว่า เขาทำให้ฟางหยวนค่อนข้างประทับใจ

“สถานการณ์ไม่ดีนัก” ฟางหยวนถอนหายใจ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท