เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1346

ตอนที่ 1346

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1346 ปัญหาของตระกูล
แน่นอนว่าหลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนไม่ได้ไม่ทำสิ่งใดเลย

แมงมุมหน้าคนจำนวนมากถูกขายออกไป ตอนนี้เขาไม่ขาดแคลนลูกพลัมแดงอมตะอีกต่อไป

สำหรับท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระ ฟางหยวนพัฒนามันเสร็จแล้วและเหลือเพียงการทดสอบเท่านั้น

เนื่องจากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดที่ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ เขาจึงประสบความสำเร็จในการสร้างท่าไม้ตายอมตะเพื่อเพิ่มพลังอำนาจในการปกปิดตัวตน

ในเวลานี้เฉียวซื่อหลิวมาพบเขา

ประตูเปิดออกตามความประสงค์ของฟางหยวน

เฉียวซื่อหลิวแสดงความกังวลบนใบหน้า

นางนำข่าวร้ายมาด้วย

นอกเหนือจากตระกูลเหยา ตระกูลฮั่ว และตระกูลหยางที่บุกเข้ายึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวู ตระกูลปาและตระกูลเซี่ยก็เคลื่อนไหวเช่นกัน แต่มันเป็นการโจมตีตระกูลเฉียว

ตระกูลปาและตระกูลเซี่ยอยู่ทางเหนือของตระกูลเฉียว

ตระกูลเฉียวสูญเสียทะเลสาบชุดแต่งงานและหลุมแห่งความว่างเปล่า

หลังจากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวหายตัวไป ตระกูลเฉียวใช้กลยุทธ์รวบรวมผู้อมตะเพื่อปกป้องฐานที่มั่นเช่นเดียวกับตระกูลวู

สิ่งนี้ทำให้ตระกูลปาและตรกูลเซี่ยประสบความสำเร็จในการฉกฉวยผลประโยชน์

ตระกูลเฉียวพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

ทะเลสาบชุดแต่งงานและหลุมแห่งความว่างเปล่าเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่ายิ่งกว่าบ่อเลือด

ตระกูลเฉียวเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะที่อ่อนแอที่สุด หลังจากสูญเสียแหล่งทรัพยากรทั้งสอง พวกเขาโกรธมาก

ฟางหยวนเคยได้ยินเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรทั้งสองเช่นกัน

มีนิทานเกี่ยวกับทะเลสาบชุดแต่งงาน มันกล่าวว่าชายใดที่ได้รับชุดแต่งงานของเทพธิดา คนผู้นั้นจะกลายเป็นสามีของนาง

หลังจากเทพธิดาตัดเย็นชุดแต่งงานเสร็จ นางโยนมันลงไปในทะเลสาบแห่งนี้ ชายชาวประมงที่อาศัยอยู่ริมทะเลสาบหยิบมันขึ้นมา

หลังจากนั้นมนุษย์กับผู้อมตะก็ครองรักกันอยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้อย่างมีความสุขตลอดไป

นี่เป็นเพียงนิทาน แต่ทะเลสาบชุดแต่งงานก็เป็นแหล่งผลิตวิญญาณประเภทชุดคลุมทุกประเภท ตัวอย่างเช่นวิญญาณอาภรณ์เพลิง วิญญาณเกราะวารี วิญญาณเกราะไม้ และอื่นๆ

ในประวัติศาสตร์ มันผลิตวิญญาณอมตะให้กับตระกูลเฉียวถึงสามดวง

สำหรับหลุมแห่งความว่างเปล่า ตำนานกล่าวว่ามันเป็นประตูสู่โลกหลังความตาย เมื่อพวกเขาโยงศพของมนุษย์ลงไป ศพเหล่านั้นจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ

ดังนั้นมนุษย์ผู้โง่เขลาเหล่านี้จึงคิดว่ามันเป็นประตูสู่โลกหลังความตาย

ความจริงก็คือสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งผลิตทรัพยากรบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ ตระกูลเซี่ยต้องการแหล่งทรัพยากรนี้มาอย่างยาวนาน แม้ตระกูลเฉียวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ตระกูลเฉียวก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลวู

ตอนนี้เมื่อเฉียวจื่อไคและวูหยงหายตัวไป แล้วตระกูลเซี่ยจะทิ้งโอกาสนี้ได้อย่างไร

ตระกูลเฉียวและตระกูลวูเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน โชคชะตาของพวกเขาเชื่อมต่อกัน

ดังนั้นตระกูลเฉียวจึงถูกรุนรานโดยตระกูลปาและตระกูลเซี่ยไม่ต่างจากตระกูลวู

สถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด

หากพวกเขาไม่สามารถหยุดสิ่งนี้ ตระกูลวูและตระกูลเฉียวจะสูญเสียอาณาเขตมากขึ้นเรื่อยๆ

“ข้าจะดำเนินการเดี๋ยวนี้ วูเฉียวจะส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาที่นี่เพื่อนำพวกเรากลับไป!” ฟางหยวนกล่าวกับเฉียวซื่อหลิว

เฉียวซื่อหลิวพยักหน้า นี่คือเหตุผลที่นางมา ด้วยสถานการณ์ของตระกูลเฉียว เฉียวซื่อหลิวต้องขอความช่วยเหลือจากฟางหยวน

ในความเป็นจริงความล่าช้าของฟางหยวนทำให้เฉียวซื่อหลิวไม่มีความสุขนัก หากไม่ใช่เพราะตระกูลเฉียวมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงหลังเดียว พวกเขาจะส่งมันออกมาเพื่อนำฟางหยวนออกไปนานแล้ว

“เราต้องร่วมมือกัน รวบรวมผู้อมตะตระกูลเฉียว เราจะไปพร้อมกัน” ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง

เฉียวซื่อหลิวตะลึง “ร่วมมือกัน แล้วที่นี่…”

“เราต้องปล่อยมันไปชั่วคราว” ฟางหยวนตัดสินใจโดยไม่ลังเล

“แล้ววิญญาณอมตะที่พวกเราใช้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้จะทำอย่างไร?” เฉียวซื่อหลิวขมวดคิ้ว

“เราจะนำพวกมันออกไปเช่นกัน มิฉะนั้นผู้อมตะบางคนที่มีเจตนาร้ายจะพยายามปรับแต่งพวกมันหรือกระทั่งทำลายพวกมัน เรารู้ว่าคนเหล่านี้สามารถทำสิ่งใด ข้อแก้ตัวหาง่ายเกินไป” ฟางหยวนกล่าวอย่างชัดเจน

“อย่าลืมว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าไม่ต่ำต้อย ข้าสามารถนำวิญญาณอมตะบางดวงออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา” ฟางหยวนกล่าวเสริม

นี่ทำให้เฉียวซื่อหลิวคิดถึงการแข่งขันระหว่างฟางหยวนและจื่อซาน ‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของวูอี้ไห่ไม่ต่ำต้อยแน่นอน จื่อซานยังเคยยกย่องเขาในเรื่องนี้’

แท้จริงแล้วนางยังประเมินฟางหยวนต่ำเกินไป

ตอนนี้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนบรรลุระดับปรมาจารย์ซึ่งเทียบเท่ากับจื่อซานแล้ว

ในอดีตฟางหยวนไม่เข้าใจค่ายกลวิญญาณนี้ แต่หลังจากกลายเป็นปรมาจารย์และอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ฟางหยวนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณนี้

เขาอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่ายกลวิญญาณนี้ แต่การนำวิญญาณอมตะบางดวงออกไปไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

หลังจากตัดสินใจ เฉียวซื่อหลิวเรียกผู้อมตะตระกูลเฉียว เฉียวป๋อ เข้าพบ “เก็บสัมภาระ เมื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูมาถึง เราจะออกเดินทางและกลับฐานทัพของเรา”

เฉียวป๋อตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาถามต่อ “พวกเขาจะมาเมื่อใด ข้าต้องจัดการคนของตระกูล”

เฉียวซื่อหลิวมองฟางหยวน

ฟางหยวนโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้าพึ่งติตต่อพวกเขา มันต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง”

เฉียวป๋อแสดงความยินดีบนใบหน้าก่อนจะจากไปด้วยความเคารพ

‘แม้ฐานทัพของตระกูลวูจะอยู่ไม่ไกลจากภูเขาอี้เทียน แต่การส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมายังต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวัน ในกรณีนี้ข้ายังสามารถทำธุรกิจรอบสุดท้าย’ เฉียวป๋อจากไปและเริ่มแผนการของตนเอง

มันคือธุรกิจซื้อขายโอกาส

ตระกูลเฉียวและตระกูลวูตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน สิ่งนี้ทำให้ผู้อมตะตระกูลเฉียวและตระกูลวูรู้สึกวิตกกังวล ธุรกิจซื้อขายโอกาสกำลังเจริญรุ่งเรือง เดิมทีเฉียวป๋อไม่พอใจที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ แต่ธุรกิจซื้อขายโอกาสทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป

‘ตอนนี้พวกเรากำลังจะกลับไป ธุรกิจซื้อขายโอกาสไม่สามารถดำเนินการต่อ มันอาจเกิดการต่อสู้ขึ้นหลังจากนี้ ตั้งแต่พวกเขาต้องจากไป ข้าก็จะทำกำไรครั้งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย!’ เฉียวป๋อกัดฟันตัดสินใจ

วันต่อมา

เฉียวป๋อไปพบเทพธิดาเมี่ยวหยิน

“เทพธิดา เราพบกันอีกแล้ว” เฉียวป๋อแสดงออกด้วยความตื่นเต้น

แม้เทพธิดาเมี่ยวหยินจะเป็นปีศาจอมตะ แต่ความแข็งแกร่งและรูปลักษณ์ของนางก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถดูแคลน นางเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะหญิงที่งดงามที่สุดของภาคใต้เทียบเท่ากับเฉียวซื่อหลิว

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเทพธิดาเมี่ยวหยินเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

แม้จิตวิญญาณของนางจะได้รับบาดเจ็บ แต่นางก็สามารถรวบรวมทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันมาได้ไม่น้อย

แม้ตระกูลวูและตระกูลเฉียวจะพยายามขอซื้อทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันจากนาง แต่นางปฏิเสธทั้งหมดโดยไม่ลังเล

“เข้าไปคุยกันเถอะ” เฉียวป๋อชำเลืองมองผู้อมตะอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังเทพธิดาเมี่ยวหยิน

ตามกฎ ปีศาจอมตะหรือผู้บ่มเพาะสันโดษจะเข้าไปได้ทีละคนเท่านั้น

แต่คราวนี้เนื่องจากเฉียวป๋อกำลังจะจากไป เขาจึงต้องการทำธุรกรรมครั้งใหญ่และนำผู้อมตะสามคนเข้าไปพร้อมกัน

ในเวลาเดียวกัน พื้นที่ของตระกูลวู

เทพธิดากระต่ายขาวมองวูอัน “ท่านวูอัน จริงหรือไม่ที่ทุกคนกำลังจะจากไป? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”

วูอันพยักหน้า “สถานการณ์ไม่ดีนัก ข้าแน่ใจว่าเจ้าได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา อย่ากังวล ตระกูลวูจะไม่ร่วงหล่นลง อยู่ที่นี่จัดการธุรกิจซื้อขายโอกาสต่อไปและรอพวกเรากลับมา”

เทพธิดากระต่ายขาวครุ่นคิดก่อนถาม “ก่อนที่พวกท่านจะจากไป ข้าขอพบท่านวูอี้ไห่อีกครั้งได้หรือไม่?”

“นี่…” วูอันรู้สึกลำบากใจ “ท่านวูอี้ไห่กำลังปิดประตูฝึกตน ท่านกำลังคิดค้นท่าไม้ตายอมตะ ท่านอาจไม่มีเวลาให้เจ้า”

เทพธิดากระต่ายขาวแสดงออกด้วยความโศกเศร้า “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่ดี ข้าอยากพบท่านวูอี้ไห่ ข้าเพียงต้องการเห็นหน้าเขาอีกครั้ง ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าท่านวูอี้ไห่จะออกมาได้หรือไม่?”

วูอันถอนหายใจ

เห็นได้ชัดว่าเทพธิดากระต่ายขาวหลงรักวูอี้ไห่

‘น่าเสียดายที่มันอาจเป็นรักข้างเดียว ข้าเกรงว่าในสายตาของท่านวูอี้ไห่ เทพธิดากระต่ายขาวจะเป็นเพียงเครื่องมือของเขาเท่านั้น’ วูอันรู้สึกเห็นใจ

เขาพยักหน้าตอบ “เอาล่ะ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ ท่านวูอี้ไห่จะพบเจ้าหลังจากท่านออกจากการปิดประตูฝึกตน”

“ขอบคุณ” เทพธิดากระต่ายขาวดีใจมาก

ในห้องลับ ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดไว้ในมือ

วิญญาณความระมัดระวัง!

นี่เป็นวิญญาณอมตะหนึ่งในสองดวงที่ฟางหยวนได้รับจากตระกูลวูหลังจากวูอี้ไห่กลับเข้าตระกูล

ดังชื่อของมัน วิญญาณอมตะดวงนี้จะช่วยปกป้องผู้อมตะ

มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ แต่มันมีจุดอ่อนอยู่หนึ่งประการ นั่นคือเมื่อมันถูกกระตุ้นใช้งาน มันต้องใช้เวลาสิบลมหายใจก่อนจะสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจออกมา

สิบลมหายใจไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆสำหรับผู้อมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ที่ดุเดือด เวลาสิบลมหายใจเพียงพอสำหรับการต่อสู้หลายรอบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือหากผู้อมตะถูกลอบโจมตี ชีวิตและความตายของพวกเขาจะถูกตัดสินทันที เมื่อเวลานั้นมาถึง การพึ่งพาวิญญาณอมตะความระมัดระวังจะช้าเกินไป

อย่างไรก็ตามหลังจากสิบลมหายใจ พลังป้องกันที่มันปลดปล่อยออกมาจะน่าเหลือเชื่อมาก มันเป็นหนึ่งในวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสายป้องกันที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันมีสถานะเทียบเท่ากับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

ไม่นานมานี้ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ เขาต้องการผสานวิญญาณอมตะความระมัดระวังเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระ

และตอนนี้เขาประสบความสำเร็จในการพัฒนามันเรียบร้อยแล้วและเหลือเพียงการทดสอบเท่านั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท