เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1348

ตอนที่ 1348

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1348 สถานการณ์ผ่อนคลาย
ห้องประชุมเงียบลง ทุกคนมองไปยังผู้อมตะผู้นี้

เขาเป็นผู้อมตะวัยเยาว์ที่ดูไม่โดดเด่นนัก แต่เขาเป็นผู้อมตะคนสำคัญของตระกูลช่าย เขาเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลช่าย

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ช่ายโหย่วเยี่ยน คิดก่อนกล่าว “สิ่งที่ข้าคิดอาจแตกต่างจากทุกท่าน หลายวันมานี้ข้าประเมินวูอี้ไห่มาตลอด”

“วูหยงหายตัวไปและอาจตายไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่และมีผู้ใดบงการอยู่เบื้องหลัง วูอี้ไห่ก็กลายเป็นผู้นำของตระกูลวูในเวลานี้ ข้ากำลังคิดถึงบุคลิกของเขาและความจริงใจของเขา”

“เราทุกคนรู้ต้นกำเนิดของวูอี้ไห่ แต่เรายังรู้จักเขาน้อยเกินไป เขาไม่ได้เติบโตขึ้นในภาคใต้”

“อืม กล่าวต่อไป” สายตาของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลช่ายแสดงให้เห็นถึงความสนใจ

ช่ายโหย่วเยี่ยนยิ้มก่อนกล่าวต่อ “แท้จริงแล้วเรารู้ข้อมูลเหล่านี้ของวูอี้ไห่ ดังนั้นข้าจะข้ามมันไป จากข้อมูลนี้เราสามารถเข้าใจทัศนคติและบุคลิกของเขาไม่มากก็น้อย ข้าจะกล่าวถึงบางสิ่งที่ทุกคนอาจละเลย”

“โอ้ พวหเราละเลยสิ่งใด?”

ช่ายโหย่วเยี่ยนลูบจมูกของเขา “ข้าหมายถึงจดหมายฉบับนั้น ในจดหมายของวูอี้ไห่ เขาต้องการร่วมมือกับตระกูลของเราเพื่อโจมตีตระกูลปาและตระกูลเซี่ย เขาไม่ได้เลือกตระกูลปาหรือตระกูลเซี่ย แต่เขาเลือกที่จะโจมตีทั้งสองตระกูล”

“ตระกูลวูมักทำตัวหยิ่งผยอง ไม่ใช่ว่านี่เป็นเรื่องปกติของพวกเขางั้นหรือ?” ผู้อมตะตระกูลช่ายบางคนไม่เข้าใจ

“ไม่ ไม่ ไม่ วูอี้ไห่แตกต่างออกไป” ช่ายโหย่วเยี่ยนส่ายศีรษะ “พวกเรารู้ว่าเขาจัดการกับยอดเขาเยือกแข็งอย่างไรและสร้างข้อตกลงกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาอย่างไร การกระทำของเขาคล้ายผู้บ่มเพาะสันโดษ นานเท่าใดแล้วตั้งแต่เขากลับเข้าสู่ตระกูลวู?”

“วูอี้ไห่ไม่มีนิสัยหยิ่งผยองของตระกูลวู แต่เขามีความเฉลียวฉลาดของผู้บ่มเพาะสันโดษ เขารู้วิธีเจรจาต่อรอง จากสิ่งที่ข้าเห็น เขามีพรสวรรค์ที่จะเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ”

“เหตุใดเขาเลือกตระกูลปาและตระกุลเซี่ยเป็นเป้าหมาย? เช่นเดียวกับที่ข้ากล่าวก่อนหน้านี้ เหตุใดเขาถึงไม่เลือกโจมตีหนึ่งจากสองและสร้างพันธมิตรกับอีกหนึ่ง? เพราะเมื่อพวกเราร่วมมือกับตระกูลวู หากพวกเราเลือกโจมตีหนึ่งในสอง อีกหนึ่งจะนิ่งเฉยงั้นหรือ? พวกเขาจะทำงานร่วมกันและต่อต้านตระกูลวูกับตระกูลของพวกเราอย่างแน่นอน!”

ผู้อมตะตระกูลช่ายพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ตระกูลช่าย ตระกูลปา และตระกูลเซี่ย ฐานทัพของทั้งสามกองกำลังรวมตัวอยู่รอบๆแม่น้ำมังกรแดงและแม่น้ำมังกรหยก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน หากกองกำลังใดกองกำลังหนึ่งแข็งแกร่งขึ้น อีกสองกองกำลังจะร่วมมือกันเพื่อต่อต้าน

ทั้งสามอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรักษาสมดุลของขั้วอำนาจ นี่เป็นสาเหตุที่ตระกูลช่ายไม่มีความก้าวหน้าหลังจากหลายปี

หากตระกูลช่ายทำงานร่วมกับตระกูลวู สมดุลจะเปลี่ยนไป แล้วตระกูลปาและตระกูลเซี่ยจะไม่ร่วมมือกันได้อย่างไร?

ดังนั้นฟางหยวนจึงระบุโดยตรงว่าทั้งสองกองกำลังเป็นเป้าหมายของเขา เพราะเขารู้ว่ามันต้องเกิดขึ้น!

“หมายความว่าวูอี้ไห่เป็นคนมองการณ์ไกล เนื่องจากเขาขอความร่วมมือจากพวกเรา เขาต้องเตรียมการเอาไว้หลายอย่าง เราไม่ต้องกังวลว่าตระกูลวูจะล้อเล่นกับพวกเรา” บางคนกล่าว

ช่ายโหย่วเยี่ยนพยักหน้า “นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการกล่าว วูอี้ไห่มีความสามารถทางการเมืองที่น่าประทับใจ จากรายละเอียดทั้งหมด ข้าเห็นถึงความจริงใจอย่างมากของเขาที่จะสร้างความร่วมมือกับพวกเรา”

“ความจริงก็คือตระกูลช่ายของเราต้องเคลื่อนไหว”

“หลังจากทั้งหมดนี่เป็นโอกาสที่เราจะสามารถปราบปรามตระกูลปาและตระกูลเซี่ย มันอาจไม่ง่าย แต่นี่จะเป็นการทำงานหนักเพื่อชนรุ่นถัดไป แน่นอนว่าเราต้องพึ่งพาโชคอีกเล็กน้อย”

“หากปล่อยให้ตระกูลปาและตระกูลเซี่ยดูดกลืนทรัพยากรมากขึ้น รากฐานของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ข้อได้เปรียบของพวกเราจะหมดไปในที่สุด”

“แน่นอนว่าพวกเรายังต้องระวังตระกูลวูแม้พวกเราจะทำงานร่วมกับพวกเขาก็ตาม”

“แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็ต้องส่งผู้อมตะออกไปโจมตี เราไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลปาและตระกูลเซี่ยขยายอิทธิพลของพวกเขาได้อย่างง่ายดายถูกต้องหรือไม่?”

คำกล่าวของเขาทำให้ผู้อมตะทั้งหมดของตระกูลช่ายพยักหน้าเห็นด้วยทันที

…..

ในเวลาเดียวกัน

ภาคใต้ ภูเขาหมื่นอสรพิษ ฐานทัพของตระกูลจื่อ

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อถือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้ในมือ

ตระกูลจื่ออยู่ทางทิศตะวันตกของภาคใต้ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพวกเขาคือตระกูลหยางขณะที่ทิศตะวันออกคือตระกูลเฉียว

ฐานทัพของตระกูลจื่อตั้งอยู่ระหว่างสองตระกูลนี้ แต่ตระกูลหยางอยู่ไกลกว่า

ตระกูลจื่อมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตระกูลหยาง ภูเขาหัตถ์วิญญาณของตระกูลหยางตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำมังกรเหลืองและเต็มไปด้วยทรัพยากร ผู้อมตะส่วนใหญ่ของตระกูลหยางมักบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ พวกเขามีพลังการต่อสู้ที่น่าเหลือเชื่อและเป็นภัยคุกคามต่อตระกูลจื่อ

ในอดีตตระกูลหยางและตระกูลจื่อมีความขัดแย้งมากมาย

ห่างจากตระกูลหยางไปทางทิศตะวันออกเป็นอาณาเขตของตระกูลวู

แท้จริงแล้วตระกูลวูกับตระกูลจื่ออยู่ไม่ไกลกันมากนัก แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ติดกัน แต่ตระกูลเฉียวและตระกูลจื่อก็อยู่ติดกัน

ตระกูลเฉียวได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวูในบางรุ่น ฐานทัพของตระกูลเฉียวตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของภาคใต้และติดกับตระกูลปา ตระกูลเซี่ย รวมถึงตระกูลจื่อ พวกเขาถือเป็นแนวป้องกันด้านหน้าของตระกูลวู

ตระกูลจื่อกับตระกูลเฉียวมีความขัดแย้งกันบ้างเช่นกัน แต่ทุกคนรู้ว่าตระกูลเฉียวเป็นสุนัขเฝ้าบ้านของตระกูลวู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจื่อและตระกูลวูจึงดีบ้างไม่ดีบ้าง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์

กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างคลุมเครือ

ไม่นานมานี้ตระกูลจื่อมีปัญหากับตระกูลวู แต่ในค่ายกลวิญญาณพวกเขายังทำงานร่วมกันและสร้างธุรกิจซื้อขายโอกาส

“วูอี้ไห่ เจ้ากำลังสร้างปัญหาให้ข้า” ในห้องทำงาน ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ จื่อชิวหยูถอนหายใจ

ฟางหยวนขอความร่วมมือจากตระกูลจื่อเพื่อจัดการตระกูลหยาง

ในความเป็นจริงจื่อชิวหยูรู้สึกประทับใจเพราะเขารู้ว่านี้เป็นโอกาสที่ดี มันเป็นโอกาสที่หายาก

ทุกกองกำลังต้องเติบโตขึ้น ตระกูลจื่อต้องการยึดทรัพยากรของตระกูลหยาง แม้พวกเขาจะทำไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยมันก็จะทำให้ตระกูลหยางอ่อนแอลง นี่คือผลประโยชน์ของตระกูลจื่อ

ตระกูลจื่อมีกำลังเพียงพอที่จะทำสิ่งนี้

ไม่เพียงเพราะฐานทัพของพวกเขาที่อยู่ไม่ไกล แต่พวกเขายังมีความเชี่ยวชาญด้านค่ายกล แหล่งทรัพยากรทั้งหมดของพวกเขามีการป้องกันที่น่าเหลือเชื่อ

ตระกูลจื่อมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังและต้องไม่ลืมว่าจื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะระดับแปด

ข่าวการเสียชีวิตของวูหยงแพร่กระจายออกไปและทำให้ภาคใต้ตกสู่ความโกลาหล

ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ตระกูลจื่อจะทำอย่างไร จื่อชิวหยูต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด!

…..

หลายวันต่อมา ฟางหยวนก็ออกจากการปิดประตูฝึกตน

ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความสุขเล็กน้อย

เขาได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ ท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์และผ่านการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง

และในช่วงสองสามวันมานี้สถานการณ์ของภาคใต้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก

ตระกูลช่ายส่งผู้อมตะมาและแสดงท่าทีคุกคาม ตระกูลปากับตระกูลเซี่ยต้องรวบรวมกองกำลังส่วนหนึ่งกลับฐานทัพเพื่อป้องกันตัว

ผู้อมตะตระกูลจื่อบุกโจมตีอาณาเขตของตระกูลหยางโดยตรง ทั้งสองเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาข้ออ้างในการกระทำนี้

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันใกล้กับเทือกเขาของพวกเขา

ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของตระกูลจื่อกระตือรืนร้นมาก เขานำคฤหาสน์วิญญาณอมตะบุกโจมตีด้วยตนเอง สิ่งนี้ทำให้ตระกูลหยางรู้สึกหวาดกลัว พวกเขาต้องส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะและผู้อมตะจำนวนหนึ่งออมาต่อต้าน สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือตระกูลหยางไม่มีผู้อมตะระดับแปด สถานะของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นมากนัก

นอกจากนั้นตระกูลลั่ว ตระกูลไป่ และตระกูลอี้ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน

เพราะฟางหยวนส่งจดหมายไปถึงตระกูลเหล่านี้ แน่นอนว่าเนื้อหาในจดหมายต่างจากตระกูลช่ายและตระกูลจื่อ

ท้ายที่สุดทั้งสี่ตระกูลนี้ก็อยู่ใกล้กันเกินไป พวกเขาทั้งหมดอยู่ทางทิศตะวันออกของภาคใต้

แต่ถึงกระนั้นการเคลื่อนไหวของตระกูลเหล่านี้ก็ดึงดูดความสนใจของตระกูลฮั่วและตระกูลเหยา พวกเขาถูกบังคับให้เคลื่อนไหวเพราะพวกเขารู้ว่าแม้ตระกูลเหล่านี้จะไม่โจมตี แต่พวกเขาก็ยังต้องป้องกันตัว

สำหรับตระกูลเฉิง ตระกูลนี้มักปฏิบัติตนอย่างเป็นกลางเสมอ แม้ฟางหยวนจะส่งจดหมายไป พวกเขาก็ปฏิเสธทันที

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเหล่านี้ สถานการณ์อันตรายของตระกูลวูกับตระกูลเฉียวจึงผ่อนคลายลง

ผู้อมตะของตระกูลวูและตระกูลเฉียวตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้เป็นอย่างมาก

แม้ฟางหยวนจะส่งจดหมายออกไปเพียงสองสามฉบับ แต่เขาก็สามารถโน้มน้าวให้กองกำลังใหญ่ลงมือ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อความในจดหมายของเขาต้องระบุทรัพยากรที่ตระกูลวูเต็มใจเสียสละเพื่อแสดงความจริงใจ

ฟางหยวนจัดการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันเกินกว่าจินตนาการของทุกคนไปไกลมาก

มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เนื้อหาภายในจดหมายของเขา แต่ทุกคนรู้ว่าจดหมายเหล่านี้สามารถบังคับให้ผู้อมตะจำนวนมากของกองกำลังใหญ่เหล่านี้เคลื่อนไหว สิ่งนี้ทำให้ตระกูลวูและตระกูลเฉียวมีเวลารับมือกับสถานการณ์

‘ดูเหมือนทักษะของข้าไม่ได้ลดลงมากนัก’ ห้าร้อยปีในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาเคยเป็นผู้นำองค์กร ในสงครามห้าภูมิภาค สถานการณ์ทางการเมืองวุ่นวายมากขึ้น ทั้งห้าภูมิภาคเชื่อมต่อกัน การหลอกลวง แผนการ การทรยศทุกประเภทเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น

กล่าวได้ว่าความวุ่นวายทางการเมืองในปัจจุบันของตระกูลวูกับตระกูลเฉียวยังไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับฟางหยวน

ในความคิดเห็นของเขา มันไม่ได้ซับซ้อน

เขาไม่จำเป็นต้องคิดให้มากนักและสามารถกำหนดเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาได้โดยตรง

‘ในที่สุดคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูก็กำลังจะมาถึง?’ ฟางหยวนได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

เดิมทีคฤหาสน์วิญญาณอมตะต้องมาถึงก่อนหน้านี้ แต่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นระหว่างทางทำให้มันล่าช้าออกไป ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นผู้ใดหรือมีเจตนาใด ฟางหยวนก็ต้องรออีกหนึ่งวันก่อนที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะจะมาถึง

‘ดูเหมือนข้าต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้’ ฟางหยวนถอนหายใจและรู้สึกไม่เต็มใจที่จะละทิ้งอาณาจักรแห่งความฝันที่เขาทุ่มเทความพยายามมากมายเพื่อมัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท