เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1353

ตอนที่ 1353

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1353 เลีย
หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว

‘ท่าไม้ตายชนิดใด?’

‘กระดองเต่าเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเต่าพยากรณ์ แต่มันกลับไม่สามารถต่อต้านการโจมตีนี้’

‘แม้ร่างของข้าจะมีปัญหาเรื่องพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้ง แต่ร่างกายของสัตว์อสูรบรรพกาลที่แข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บถึงระดับนี้ได้อย่างไร?’

พลังการต่อสู้ของนางเสือดำอยู่เหนือความคาดหมายของฟางหยวน วิธีการของนางแปลกประหลาดและสามารถทำลายการป้องกันของเต่าพยากรณ์

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนต้องรีบกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะความระมัดระวังระดับเจ็ด

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎดวงนี้พึ่งถูกเพิ่มเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระเมื่อไม่นานมานี้

กลิ่นอายของเต่าพยากรณ์เปลี่ยนแปลงไป

วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากช่วยปิดจุดอ่อนเกี่ยวกับเวลาสิบลมหายใจของวิญญาณความระมัดระวัง ดังนั้นมันจึงส่งผลกระทบทันที

ความคิดกระดองเต่าเพิ่มจำนวนขึ้นและปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดขณะที่กระดองเต่าพยากรณ์ส่องประกายราวกับโลหะ

การแสดงออกของนางเสือดำเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเห็นสิ่งนี้

นางแลบลิ้นและทำท่าเลียอีกครั้ง

ทั้งสองอยู่ห่างกันแต่ฟางหยวนยังได้รับบาดเจ็บ

อีกหนึ่งรูปรากฏขึ้นบนกระดองเต่าแต่รูที่เกิดขึ้นเล็กกว่าก่อนหน้าอย่างชัดเจนและไม่มีควันสีดำลอยขึ้นมา

รูก่อนหน้านี้หยุดปล่อยควันดำออกมาแล้วขณะที่ฤทธิ์การกัดกร่อนของมันชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก

นางเสือดำก่นเสียงเย็น นางยังไม่ยอมแพ้ “ในกรณีนี้ข้าก็จะโจมตีที่นั่น!”

ในเวลาต่อมาฟางหยวนก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ศีรษะ

เขารีบหดศีรษะเข้าไปในกระดอง

“บัดซบ!” นางเสือดำสาปแช่งด้วยความโกรธ

ฟางหยวนไร้ยางอายมาก ไม่เพียงศีรษะแต่เขายังหดแขนขาและหางเข้าไปในกระดองเต่าทั้งหมด

มีเพียงความคิดกระดองเต่าเท่านั้นที่ยังอยู่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

นางเสือดำเลียกระดองเต่าอย่างต่อเนื่องแต่มันแทบไร้ประโยชน์

นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่มีสิ่งใดที่นางสามารถทำได้

วูเหลียวรักษาอาการบาดเจ็บของตนขณะเฝ้าสังเกตการต่อสู้ เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาลอบหลั่งเหงื่ออันเย็นเยียบ เขาคิด ‘ด้วยความเร็วนี้ เมื่อใดที่ท่านวูอี้ไห่จะสามารถแก้แค้นให้กับวูอัน เขาต้องใช้เวลากี่ปี?’

ปาเต๋อก่นเสียงไม่พอใจ

สนามรบอื่นเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงแต่ฟางหยวนกลับสงบนิ่งและซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่าเท่านั้น

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับท่าไม้ตายของนางเสือดำ

การโจมตีที่สามารถกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมีหลายวิธี ตัวอย่างเช่น การยิงบอลเพลิงออกจากฝ่ามือ มันจะพุ่งตรงไปยังเป้าหมายเป็นเส้นตรงโดยไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางหลังจากถูกยิงออกมา

หากเป็นท่าไม้ตายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น บอลเพลิงจะสามารถเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อยหลังจากถูกยิงออกจากฝ่ามือ

สำหรับท่าไม้ตายทีมีประสิทธิภาพสูง พวกมันจะสามารถติดตามเป้าหมาย

‘ท่าไม้ตายของนางเสือดำมีความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย’

‘มันไม่มีรูปลักษณ์ที่ชัดเจนเหมือนบอลเพลิงแต่มันกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ มันไม่ใช่การโจมตีในวงกว้าง ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างรุนแรง’

‘มันทำได้อย่างไร? ด้วยสายตา?’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนก็กระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงเพื่อสร้างหมอกหนาทึบขึ้นรอบๆ

‘วูอี้ไห่พยายามทำสิ่งใด?’ นางเสือดำสงสัยว่าฟางหยวนกำลังจะใช้ท่าไม้ตายใหม่ ดังนั้นนางจึงรีบแลบลิ้นออกมาอีกครั้ง

ฟางหยวนถูกโจมตี

‘ไม่ใช่การสายตา เป็นกลิ่นหรือไม่?’

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณเพื่อสร้างกลิ่นเหม็น

วูเหลียวที่อยู่ใกล้ๆรีบใช้วิญญาณเพื่อช่วยในการหายใจ

กลิ่นกระจายออกไปในอากาศ ผู้อมตะในสนามรบอื่นต่างได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

‘วูอี้ไห่กำลังพยายามทำลายท่าไม้ตายของฝ่ายตรงข้าม’ ดวงตาของปาเต๋อส่องประกายขึ้น เขามองเห็นเจตนาของฟางหยวน

เขารู้สึกไม่พอใจมากขึ้น

โดยปกติแล้วมีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะทำลายท่าไม้ตายของศัตรูระหว่างการต่อสู้ เพราะพวกเขาต้องทดลอง แต่กระทั่งพวกเขาจะต้องการทำความเข้าใจเหตุผล พวกเขาก็ต้องมีวิญญาณอมตะที่สามารถตอบโต้

ความพยายามที่จะทำลายท่าไม้ตายของศัตรูจะทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อ

“นี่เป็นเหตุฉุกเฉินแต่เขายังมีเวลาทำลายท่าไม้ตายของศัตรูอีกงั้นหรือ? ฮืม หากเขามีเวลา เขาควรพยายามฆ่าศัตรู!” ปาฉวนฟงไม่พอใจ

ปาเต๋อไม่พูด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับความขัดแย้งภายใน

นางเสือดำลังเลก่อนที่นางจะแลบลิ้นออกมาอีกครั้ง

อีกรูปรากฏขึ้นบนกระดองเต่าพยากรณ์

ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจขึ้นทันที ‘ข้าเข้าใจแล้ว มันคือสัมผัสรับรสชาติของนาง’

ลิ้นสามารถรับรู้รสชาติ ลิ้นของผู้อมตะยิ่งสามารถสัมผัสรสชาติจากระยะไกลด้วยวิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะ

‘ทุกครั้งที่นางใช้ท่าไม้ตายนี้ นางต้องแลบลิ้นออกมา’

‘นางอยู่ฝ่ายเดียวกับนิกายเงาขณะที่นิกายเงามีมรดกบนเส้นทางอาหาร มีเพียงเส้นทางที่อยู่นอกเหนือจากเส้นทางปกติเท่านั้นที่จะสามารถทำลายการป้องกันของเต่าพยากรณ์’

‘ข้าต้องทดสอบ’

เต่าพยากรณ์เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยเฉพาะกระดองของมันที่ดูเหมือนจะกลายเป็นโลหะเหลว

นางเสือดำแลบลิ้นออกมาและอุทาน “อา…ร้อน!”

หลังจากนั้นกระดองเต่าพยากาณณ์ก็ปลดปล่อยกลิ่นแปลกๆลอยขึ้นสู่อากาศ

นางเสือดำแลบลิ้นและแทบอาเจียนออกมาด้วยความรังเกียจ นางขมวดคิ้ว “เค็มมาก!”

เต่าพยากรณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง

นางเสือดำหยุดความพยายาม นางเข้าใจเจตนาของฟางหยวนในที่สุด “ชายผู้นี้! เขาไม่ได้พยายามจะใช้ท่าไม้ตายอมตะแต่เขากำลังตอบโต้ท่าไม้ตายของข้า บัดซบ!”

ก่อนหน้านี้นางเสือดำคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของเต่าพยากรณ์คือจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายใหม่ของฟางหยวน

ดังนั้นนางจึงพยายามโจมตีเพื่อหยุดเขาและทำให้เขาได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

‘ในสถานการณ์นี้เขายังมีเวลาอนุมานและตอบโต้ท่าไม้ตายของข้าอีกงั้นหรือ?’ การเคลื่อนไหวของฟางหยวนไม่สมเหตุสมผล การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมาก ไม่มีผู้ใดมีเวลาสำหรับเรื่องนี้

แต่นั่นก็ทำให้นางเสือดำตกลงสู่หลุมพราง

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ นางเสือดำจึงหยุดใช้ท่าไม้ตายนี้ นางเริ่มใช้การโจมตีระยะไกล

นางส่งหมัดพลังปราณสีเขียวเข้มออกไป หมัดพลังปราณส่วนใหญ่ถูกกำจัดโดยความคิดกระดองเต่า แต่บางส่วนยังพุ่งเข้าปะทะกระดองเต่าพยากรณ์

เห็นได้ชัดว่าท่าไม้ตายของนางเสือดำพยายามป้องกันไม่ให้ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี

‘มันเป็นรสชาติจริงๆ’ หัวเต่าของฟางหยวนยังหลบอยู่ในกระดอง

แม้เขาจะเข้าใจท่าไม้ตายของนางเสือดำแต่มันยังห่างไกลจากการทำลาย

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่รีบร้อน

นางเสือดำไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเดิมอีกต่อไป หมัดพลังปราณของนางส่งผลกระทบต่อฟางหยวนเพียงเล็กน้อย มันไม่ใช่ภัยคุกคามใดๆ

วูอี้ไห่ตัวจริงมีท่าไม้ตายอื่นแต่พวกมันล้วนเป็นวิธีป้องกันทั้งสิ้น

แม้ฟางหยวนจะมีหลายวิธี แต่เขาไม่สามารถใช้งานพวกมัน เพราะด้วยตัวตนของวูอี้ไห่ หากเขาใช้วิธีการอื่น ตัวตนของเขาจะถูกสงสัย

ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงล่าช้ามาก

ฟางหยวนไม่ต้องการโจมตีหรือกล่าวให้ถูกต้องมากขึ้นคือเขาไม่มีวิธีโจมตี อย่างไรก็ตามนางเสือดำก็ไม่สามารถทะลวงการป้องกันของฟางหยวน

เมื่อเวลาผ่านไปความคิดกระดองเต่านับแสนหลังก็ปกคลุมอยู่รอบตัวฟางหยวน

นางเสือดำรู้สึกหมดหนทาง

กระดองเต่าจำนวนมหาศาลทำให้สนามรบแห่งนี้ดูสะดุดตามาก

การแสดงออกของปาเต๋อยิ่งเย็นชาลง เขาส่งข้อความถึงฟางหยวน “วูอี้ไห่ ข้าได้ยินว่าเจ้ายังมีท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นอีกสองรูปแบบ เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้พวกมัน? ฆ่านางอย่างรวดเร็วและไปสนับสนุนคนอื่นๆ เว้นเพียงเจ้าจะมีความสัมพันธ์กับนางกระต่ายขาวและไม่สามารถตัดใจฆ่านาง?”

ฟางหยวนไม่สนใจและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ปาเต๋าไม่ได้รับคำตอบ เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

ฟางหยวนกำลังคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเอง

‘เหตุผลที่นิกายเงาโจมตีที่นี่เพราะพวกเขาต้องการช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณอย่างแน่นอน’

‘พวกเขาสามารถควบคุมจ้าวเย่ฮุ้ยแต่ยังมีขอบเขต ขณะเดียวกันผู้อมตะระดับแปดราชันภูเขาม่วงก็ยังไม่ปรากฏตัว’

‘ค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะสามารถป้องกันได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ตราบเท่าที่พวกเราสามารถถ่วงเวลา กำลังเสริมจากทุกทิศทางจะมาถึง’

‘ข้ามีเกราะหวนคืน ข้าสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด พวกเขาไม่สามารถเอาชนะข้า’

‘ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แล้วเขาจะไม่มีไพ่ตายได้อย่างไร? ผู้อมตะฝ่ายธรรมะเหล่านี้สิ้นหวังแล้ว’

‘ข้าควรปกปิดตัวตนและรอโอกาสลงมือในจังหวะที่เหมาะสม บางทีครั้งนี้ข้าอาจได้รับกำไรมหาศาล!’

ฟางหยวนคิดและตระหนักถึงโอกาส

เขาต้องเก็บรักษาความแข็งแกร่งและรอเวลาที่เหมาะสม

นิกายเงาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่ฟางหยวนต้องการกำจัด แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้พยายามและไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความมุ่งมั่นที่เพียงพอ แต่สมาชิกนิกายเงาล้วนเป็นตัวตนระดับสูงทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามครั้งนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท