เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1352

ตอนที่ 1352

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1352 ฟางหยวนปะทะนางเสือดำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” นางเสือดำหัวเราะ รูปลักษณ์ที่งดงามของเทพธิดากระต่ายขาวดูบิดเบี้ยวไปมาก

ดวงตาที่เคยใสซื่อบริสุทธิ์ของเทพธิดากระต่ายขาวเปลี่ยนเป็นน่าสยดสยอง ขอบตาของนางดำราวกับนางไม่ได้นอนมาเป็นเวลานาน

แม้รูปลักษณ์ของนางจะเปลี่ยนไปไม่มาก แต่การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์

“มรดกที่แท้จริงกระต่ายขาว…น่าสนใจ” ร่างของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นเต่าตัวโต

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์

…..

“พรวด!”

ผู้อมตะระดับเจ็บบนเส้นทางแห่งค่ายกล จื่อกุ้ย กระอักเลือดออกมา

“บัดซบ!” เขาสาปแช่งและมองไปยังซากศพของผู้อมตะมากมายที่อยู่ตรงหน้า

ผู้อมตะเหล่านั้นตกตายด้วยการโจมตีของจ้าวเย่ฮุ้ย

จื่อกุ้ยต้องการกระตุ้นใช้แนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ แต่มันล้มเหลว

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบวนการนี้

“ความเสียหายรุนแรงหรือไม่?” ปาเต๋อถาม

จื่อกุ้ยกลืนเลือดกลับเข้าไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาว “รุนแรงมาก! วิญญาณอมตะอีกหนึ่งดวงพึ่งถูกทำลาย ตอนนี้เหลือวิญญาณอมตะอยู่เพียงสี่ดวง พวกเราต้องกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สาม โดยปราศจากแนวป้องกันที่สาม แนวป้องกันที่สี่จะไม่ทำงาน”

จื่อกุ้ยหยุดก่อนตะโกนราวกับคนบ้า “ผู้ใดมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้าต้องใช้มัน นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย!”

ปาฉวนฟงและปาเต๋อที่อยู่ด้านข้างมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้

พวกเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวายุและเส้นทางแห่งไม้ ไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่ที่นี่

จื่อกุ้ยต้องรักษาอาการบาดเจ็บของตน ดังนั้นปาฉวนฟงและปาเต๋อจึงต้องออกไปถาม

เหตุผลที่พวกเขาต้องถามทีละคนเพราะพวกเขาต้องการปกปิดข้อมูลนี้ ท้ายที่สุดสภาพจิตใจก็จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้ ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าใด มันก็ยิ่งดีเท่านั้น

โชคดีที่ภาคใต้มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่มากที่สุด

ในไม่ช้าบางคนก็ตัดสินใจบริจาควิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีของพวกเขา

จื่อกุ้ยต้องเลือก มันไม่ง่ายที่จะเลือกวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี แต่เขาต้องพยายามหาวิญญาณที่ใกล้เคียงกับวิญญาณที่ถูกทำลายไปแล้วให้มากที่สุด

อาการบาดเจ็บของจื่อกุ้ยยังไม่หายแต่เขาไม่มีเวลาดูแลตนเอง

“ข้าต้องอนุมานสิ่งนี้และพยายามเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีเข้าไป ความปลอดภัยของข้าอยู่ในมือของพวกท่านแล้ว”

เขาฝากชีวิตไว้ในมือของผู้อื่น การกระทำนี้มีความเสี่ยงสูงมาก

แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องเสี่ยง!

ปาเต๋อพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม “ข้าสัญญาว่าจะปกป้องชีวิตของเจ้า แม้จ้าวเย่ฮุ้ยจะมา มันก็ต้องข้ามศพข้าไปกอ่น”

เขากล่าวด้วยความจริงใจ แต่กระทั่งปาเต๋อจะแข็งแกร่งที่สุดในสถานที่แห่งนี้ เขาก็ยังไม่สามารถต่อต้านจ้าวเย่ฮุ้ยและพลิกสถานการณ์

เขาไม่ใช่ฟงจิวเก้อหรือหลิวกวนซื่อ

ปาเต๋อไม่รู้ว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูกำลังมา

อย่างไรก็ตามเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแจ้งข่าวไปยังตระกูลปาเรียบร้อยแล้ว

ผู้อมตะคนอื่นๆก็เช่นกัน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ทุกคนรอดชีวิต

ด้วยวิธีนี้จื่อกุ้ยจึงสามารถตั้งสมาธิอยู่กับค่ายกลวิญญาณ

ตระกูลวูและตระกูลเฉียวกำลังประสบปัญหา ชื่อเสียงของพวกเขาตกต่ำลงอย่างมาก ปาเต๋าของตระกูลปาจึงกลายเป็นผู้นำที่เหมาะสมที่สุด

แน่นอนว่าปาเต๋อไม่ปล่อยโอกาสนี้

ในฐานะบุคคลสำคัญที่ต้องปกป้องจื่อกุ้ย เขาอยู่ด้านหลังและเฝ้าสังเกตสนามรบ

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะใช้ค่ายกลวิญญาณเพื่อปกป้องตนเอง

ขณะเดียวกันแม้ฝ่ายปีศาจจะซุ่มโจมตี แต่พวกเขายังขาดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่เสียชีวิตไปแล้วในสงครามบนภูเขาอี้เทียน

แม้ฝ่ายธรรมะจะพบกับความสูญเสียเช่นกัน แต่พวกเขามีความมั่งคงมากกว่า พวกเขามีทรัพยากรมากมายเพื่อผลิตผู้อมตะที่โดดเด่น

สายตาของปาเต๋อกวาดผ่านเทพธิดาเมี่ยวหยิน ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิง สุดท้ายมันหยุดอยู่ที่ฟางหยวน

“วูอี้ไห่” เขาพึมพำด้วยความรู้สึกซับซ้อน

ในอดีตเขาต้องการปราบปรามและมอบบทเรียนให้กับตระกูลวู แต่ตอนนี้พวกเขาต้องทำงานร่วมกัน ปาเต๋อมีความทะเยอทะยานสูงมาก เขาต้องการนำตระกูลปาเข้าแทนที่ตำแหน่งของตระกูลวู แต่ตอนนี้ดูเหมือนศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานร่วมกับวูอี้ไห่

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว เมื่อวิกฤตจบลง ปาเต๋อจะจัดการพวกเขาอีกครั้ง

…..

นางเสือดำกระโดดไปรอบๆเพื่อหลบเลี่ยงความคิดกระดองเต่า

หลังจากบุคลิกเปลี่ยนไป ตอนนี้นางเสือดาวเริ่มใช้วิธีบนเส้นทางแห่งความมืด

ไม่เพียงเท่านั้น การบ่มเพาะของนางยังพุ่งจากระดับหกเป็นระดับเจ็ด!

แต่ไม่ว่านางจะเคลื่อนไหวได้เร็วเพียงใด นางก็ไม่ได้รวดเร็วไปกว่าความคิดกระดองเต่าวัชระของฟางหยวน

หากเป็นก่อนหน้าฟางหยวนอาจไม่สามารถจัดการนางเสือดำ แต่ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้มาก ความคิดกระดองเต่าโปรยปรายลงมาเหมือนสายฝนและโจมตีนางอย่างไม่หยุดยั้ง

ท่าไม้ตายอมตะอสูรายแห่งความมืด!

เมื่อตระหนักว่านางกำลังเสียเปรียบ นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที

ของเหลวสีดำแพร่กระจายออกไปและทำให้พื้นกลายเป็นบ่อดำสีน้ำ

ไม่นานหลังจากนั้นสัตว์ประหลาดสีดำที่มีขนาดร่างกายเท่าม้าก็โผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำ มันถูกสร้างขึ้นจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งความมืด

อสูรกายแห่งความมืดรวดเร็วมาก มันนำนางเสือดำล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับฟางหยวน หลังจากเขาเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ เขาไม่เคลื่อนไหว เขาเพียงส่งความคิดกระดองเต่าจำนวนมหาศาลออกมาเท่านั้น

ความคิดกระดองเต่าสามารถโจมตีและป้องกัน ฟางหยวนเพียงต้องส่งความคิดออกมาอย่างต่อเนื่อง

นางเสือดำที่ยืนอยู่บนร่างของอสูรกายแห่งความมืดกัดฟันแน่น

ความเร็วของนางอาจได้เปรียบ แต่ความจริงก็คือนางจำเป็นต้องผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดหากต้องการโจมตีค่ายกลวิญญาณ

แต่ฟางหยวนกำลังกีดขวางเส้นทางของนางอยู่

นางเคลื่อนไหวไปรอบๆและจงใจเปิดช่องว่าง แต่ฟางหยวนไม่ตกหลุมพรางของนาง เขายังปกป้องตนเองอย่างมิดชิดขณะเดียวกันก็ผลักดันนางเสือดำให้ถอยออกห่างไป

ฟางหยวนค่อนข้างระวังไพ่ตายของนางเสือดำ

แม้ฟางหยวนจะไม่รู้จักชื่อของท่าไม้ตายนี้ แต่เขาเห็นวิธีการที่วูอันกลายเป็นบ่อน้ำสีดำ

‘นางเสือดำเตรียมท่าไม้ตายนั้นไว้ใช้กับข้าโดยเฉพาะ’

‘แต่ข้าปฏิเสธที่จะพบนาง ดังนั้นนางจึงใช้มันกับวูอัน’

‘นี่หมายความว่าระยะการโจมตีของท่าไม้ตายนั้นค่อนข้างสั้น มันไม่ต่างจากท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดของข้า แม้มันจะสามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายและมีพลังมหาศาล แต่มันก็มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน’

ฟางหยวนยังส่งความคิดกระดองเต่าออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดกระดองเต่าเคลื่อนที่ไปรอบๆโดยไม่เปิดช่องโหว่ มันน่ากลัวมาก

นางเสือดำต้องล่าถอยเมื่อเห็นกระดองเต่าจำนวนมหาศาล

“ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์เหมาะกับท่านจริงๆ ท่านวูอี้ไห่” นางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

“อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าวิธีของข้าจะมีเพียงเท่านี้ รับมือ!”

หลังกล่าวจบคำ นางเสือดำก็เปิดปากและเล็บลิ้นสีชมพูออกมาจากริมฝีปากสีดำของนาง

มันดูน่ารักน่าชัง แต่ฟางหยวนกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

เขาพบรูเล็กๆบนกระดองเต่าพยากรณ์

แม้มันจะไม่ใหญ่ แต่มันลึกมากและยังมีควันสีดำลอยขึ้นมาจากรูดังกล่าว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท