Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1358 การปรากฏตัวอีกครั้งของกายาแห่งความฝัน
“ข้ามีข่าวดีมาบอก คฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อรับข้ากลับไปภูเขาวูอี้ ตอนนี้มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันเป็นกำลังเสริมที่ใกล้ที่สุดของพวกเรา”
“ตราบเท่าที่เราร่วมมือกัน พวกเราจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย พวกเราอาจได้รับการยกย่องจากทุกคนและกลายเป็นวีรบุรุษของภูมิภาคนี้”
ฟางหยวนกล่าวอย่างรวดเร็ว
การแสดงออกของปาเต๋อกลายเป็นยิ่งน่าเกลียด
ดวงตาของเฉียวซื่อหลิวส่องประกายขึ้น เมื่อมองไปที่ฟางหยวน สายตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม
จื่อกุ้ยมอบข้อมูลทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณให้กับฟางหยวน นั่นทำให้ฟางหยวนตระหนักว่าเขาสามารถควบคุมค่ายกลนี้ได้ด้วยตนเองและตัดสินใจก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมด
ผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้โชคร้ายที่ถูกขับไล่ออกไปเป็นสิ่งยืนยันพลังอำนาจของฟางหยวน
ด้วยไม้และแครอท ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการปกครองพวกเขา
ความได้เปรียบของฟางหยวนมีมากเกินไป ในสถานการณ์นี้ทุกคนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังเขา
การกระทำของฟางหยวนทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ตอนนี้กระทั่งปาเต๋อยังต้องฟังคำสั่งของเขา
หลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ฟางหยวนก็หันไปให้ความสนใจกับโลกภายนอก
รังไหมแสงจำนวนมากก่อตัวขึ้นและลอยนิ่งอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
ราคาสำหรับรังไหมแสงเหล่านี้ก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน
อาณาจักรแห่งความฝันหายไปเกือบทั้งหมด
เมื่อเห็นรังไหมแสง ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ‘วิธีการของนิกายเงาไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง มันคู่ควรกับการเป็นกองกำลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณมานานนับแสนปีจริงๆ’
“แค๊ก!”
เสียงแตกร้าวดังขึ้นจากรังไหมแสง
“แค๊ก!”
รังไหมแสงแตกออกขณะที่มนุษย์ร่างเปลือกเปล่าปรากฏขึ้น
ราชันภูเขาม่วงลงมืออย่างรวดเร็ว
วิญญาณจำนวนมากบินเข้าโอบล้อมกายาแห่งความฝันก่อนที่พวกมันจะบินเข้าสู่มิติช่องว่างของพวกเขา
ในไม่ช้ากายาแห่งความฝันก็เปิดเปลือกตาขึ้น ร่างกานของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าขณะที่พวกเขาบินไปยังอาณาจักรแห่งความฝันที่เหลืออยู่
“นี่!?”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกตะลึง
แต่ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้าง ‘นี่คือกายาแห่งความฝัน!’
ฟางหยวนเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เมื่อเขาเห็นมันอีกครั้งเขาก็ยังรู้สึกตกตะลึงดังเช่นในอดีต
ร่างของอิงอู๋เซี่ยก็ถูกสร้างขึ้นจากกายาแห่งความฝันเช่นกัน
นิกายเงาเป็นผู้คิดค้นสิ่งนี้ แล้วราชันภูเขาม่วงจะไม่รู้จักวิธีนี้ได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้ราชันภูเขาม่วงได้ไปพบเจตนำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาและได้เรียนรู้หลายสิ่ง
ราชันภูเขาม่วงต้องการร่วมมือกับฟางหยวนแต่เขาปฏิเสธ
ดังนั้นราชันภูเขาม่วงจึงไม่สามารถใช้วิธีของฟางหยวนเพื่อจัดการอาณาจักรแห่งความฝัน
ราชันภูเขาม่วงต้องการช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออาณาจักรแห่งความฝันขนาดยักษ์
ฟางหยวนไม่ช่วย ดังนั้นราชันภูเขาม่วงจึงต้องใช้กายาแห่งความฝัน
ด้วยวิธีนี้มันทำให้อาณาจักรแห่งความฝันจำนวนมากสูญหายไปขณะที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ
‘ดังนั้นกายาแห่งคยวามฝันก็ถูกสร้างขึ้นเช่นนี้?’
‘วิธีการของนิกายเงานช่างน่ากลัวนัก!’
แม้ฟางหยวนจะต่อสู้กับอิงอู๋เซี่ยในเวลานั้น แต่เขาก็ไม่รู้ที่มาของฝ่ายตรงข้าม
ฟางหยวนตะโกนออกคำสั่งผู้อมตะฝ่ายธรรมะ “เร็ว ทำลายรังไหม เราต้องฆ่าคนเหล่านั้น!”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“วูอี้ไห่ เจ้ารู้สิ่งใด บอกเรา!”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะถาม
แต่ในเวลาต่อมาพวกเขากลับถูกฟางหยวนเคลื่อนย้ายออกจากค่ายกลวิญญาณ
“บัดซบ!”
“ไม่แม้แต่จะกล่าวสิ่งใด คิดว่าพวกเราคือผู้ใด?”
“วูอี้ไห่ เจ้ากำลังใช้วิญญาณอมตะของพวกเรา อย่าให้มันมากนัก!”
แม้แต่เฉียวซื่อหลิวก็ถูกส่งออกไป เทพธิดาผู้นี้มึนงงเล็กน้อย นางไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้
สองผู้อมตะตระกูลเซี่ยเห็นผู้อมตะคนอื่นๆพบชะตากรรมเดียวกัน นั่นทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาตะโกนเสียงดังและต้องการกำจัดวูอี้ไห่
แต่ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา ในสถานการณ์นี้ผู้ใดจะกล้าทำร้ายฟางหยวนที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณ?
ฟางหยวนกล่าว “หากพวกเจ้าไม่ต้องการตายอยู่ที่นี่ ฟังข้า ศัตรูเหล่านี้จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะกำจัดพวกมัน!”
ขณะที่คนอื่นๆกำลังลังเล วูเหลียวฟังคำสั่งของฟางหยวนและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ต่อมาผู้อมตะที่ใกล้ชิดกับตระกูลวูรวมถึงเฉียวซื่อหลิวก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่เพราะฟางหยวนส่งนางออกมา ใบหน้าของนางจึงดูค่อนข้างน่าเกลียด
คนเหล่านี้ลงมืออย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าผู้อมตะฝ่ายธรรมะคนอื่นๆก็เริ่มต่อสู้
ด้านหนึ่ง ฟางหยวนควบคุมค่ายกลวิญญาณและคอยช่วยเหลือกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ อีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกสนใจกายาแห่งความฝัน หากพวกเขาสามารถจับพวกมันและค้นคว้า ตระกูลของพวกเขาอาจมีความคืบหน้าบนเส้นทางแห่งความฝัน
มีเพียงสองผู้อมตะตระกูลเซี่ยที่ยังลังเล
แต่ฟางหยวนไม่ลืมพวกเขา “ตราบเท่าที่พวกเจ้าทำลายรังไหม ข้าจะไว้ชีวิตของพวกเจ้าและปล่อยให้พวกเข้ากลับเข้ามาในค่ายกลวิญญาณ”
ผู้อมตะตระกูลเซี่ยโกรธจัด พวกเขากัดฟันแน่นแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะทำตามคำกล่าวของฟางหยวน
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมดพยายามทำลายรังไหมแสง
มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณและมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย
กายาแห่งความฝันปรากฏขึ้นจากรังไหมอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกันเมื่อรังไหมแสงถูกทำลาย อาณาจักรแห่งความฝันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
‘ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน นิกายเงาวางแผนมาเป็นอย่างดี พวกเขาใช้กายาแห่งความฝันเพื่อบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเราและหนึ่งในกายาแห่งความฝันเหล่านั้นอาจเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ!’
ฟางหยวนเฝ้ามองสนามรบอย่างตั้งใจ
ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นรอบๆอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ แม้ค่ายกลวิญญาณจะถูกทำลายไปบางส่วน แต่มันยังครอบคลุมครึ่งหนึ่งของสนามรบ
นอกจากกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ฟางหยวนยังใช้ค่ายกลวิญญาณทำลายรังไหมแสงโดยตรง
น่าเสียดายที่ค่ายกลวิญญาณนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปราการป้องกัน พลังโจมตีของมันอ่อนแออย่างน่าสมเพช มันยังด้อยกว่าการโจมตีของฟางหยวนอยู่มาก
“ฆ่า!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงตะโกนดังขึ้น
เทพธิดาเมี่ยวหยิน ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิงนำผู้อมตะของนิกายเงามาถึงแล้ว
รังไหมแสงบางส่วนถูกทำลายโดยผู้อมตะฝ่ายธรรมะและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่มีขนาดแตกต่างกัน
กายาแห่งความฝันที่ถูกสังหารกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ณ จุดเกิดเหตุ นี่ทำให้อาณาจักรแห่งความกระจัดกระจายไปทั่ว
อย่าลืมว่าอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่มีการเคลื่อนไหว
ดังนั้นบางอาณาจักรแห่งความฝันจึงหลอมรวมเข้าด้วยกัน กล่าวได้ว่าภูมิประเทศกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มผู้อมตะต้องระวังตัวมากขึ้น ด้านหนึ่งพวกเขาต้องปกป้องอาณาจักรแห่งความฝัน อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องระวังตัวและไม่สามารถปล่อยให้ตนเองตกลงสู่กับดักของอาณาจักรแห่งความฝัน
‘สามารถสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมหาศาล นี่ต้องเป็นฝีมือของราชันภูเขาม่วง แต่เขาอยู่ที่ใด?’
ฟางหยวนมองไปรอบๆแต่เขายังไม่พบราชันภูเขาม่วง
“บึม!”
ค่ายกลวิญญาณระเบิดพลังออกมาและส่งกายาแห่งความฝันที่พึ่งออกจากรังไหมพุ่งชนภูเขา
หากปราศจากวิญญาณที่ให้ความช่วยเหลือ กายาแห่งความฝันจะถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามกายาแห่งความฝันยังถูกมัดด้วยโซ่สีดำและไม่สามารถเคลื่อนไหว
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเจิดจ้า
‘น่าสนใจ หากข้าสามารถจับมันได้สักสองสามตัว ข้าอาจสามารถอนุมานวิธีการของนิกายเงาและสร้างกายาแห่งความฝันของข้าเอง’
‘นี่เป็นเส้นทางแห่งความฝัน แม้อายุขัยของมันจะสั้น แต่มันอาจช่วยข้าแก้ปัญหาในช่วงเวลาวิกฤต!’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนจึงเริ่มใช้ค่ายกลวิญญาณเพื่อจับกายาแห่งความฝันมากขึ้น
รังไหมแสงยังก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ฟางหยวนสามารถจับกุมกายาแห่งความฝันได้เกือบสิบร่าง
ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบสิ่งที่น่าตกใจ ระดับการบ่มเพาะของกายาแห่งความฝันเหล่านี้ไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ท่ามกลางพวกมันมีกายาแห่งความฝันระดับหกอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นกายาแห่งความฝันระดับมนุษย์ และมีกายาแห่งความฝันระดับเจ็ดอยู่ไม่มาก