เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1361

ตอนที่ 1361

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1361 ราชันภูเขาม่วงปะทะราชันมังกร
สองร่างบินอย่างรวดเร็วอยู่ท่ามกลางอาณาจักรแห่งความฝัน

ราชันภูเขาม่วงกำลังต่อสู้อยู่กับราชันมังกร

พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับอุกกาบาตอยู่บนท้องฟ้า

“บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะสองคนที่กำลังต่อสู้ หนึ่งเป็นร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่บ่มเพาะมาเป็นเวลานับแสนปี อีกหนึ่งไม่เป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์แต่เป็นตำนานของวังสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกึ่งระดับเก้า

คนทั้งสองกลายเป็นแกนกลางของการต่อสู้ครั้งนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้

การต่อสู้ระหว่างหอคอยดวงตาสวรรค์และจ้าวเย่ฮุ้ยยังด้อยกว่าการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดทั้งสองอยู่มาก

ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายแสงสีม่วง เขาส่งหินที่อาบย้อมไปด้วยเปลวเพลิงจำนวนมากออกไป

ราชันมังกรโจมตีอุกกาบาตเหล่านี้โดยไม่หลบเลี่ยง

หินที่ลุกไหม้กลายเป็นเมฆหมอกลอยอยู่รอบตัวราชันมังกรขณะที่ราชันมังกรพบว่าจิตใจของเขากำลังลุกไหม้

เปลวไฟเหล่านั้นกำลังเผาทำลายความคิดในใจของเขา

ด้วยวิธีนี้อุกกาบาตเพลิงจึงพุ่งเข้าปะทะร่างกายของเขาโดยตรง

แต่ร่างกายของราชันมังกรแข็งแกร่งมาก มันเหมือนเหล็กกล้าที่ไม่หลอมละลาย

ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล ร่างกายของราชันมังกรมีพลังป้องกันไม่ต่างจากเกราะไม้ของไป่เฉินเทียนหรือผนึกภูตผีของฟางหยวน

กลิ่นอายของเขาน่าสะพรึงกลัวมาก เขาเหมือนมังกรในร่างมนุษย์

ดวงตามังกรของเขาทั้งเย็นชาและไม่แยแส เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วต่อหน้าท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วงและแสดงออกราวกับมันเป็นเพียงสายลมที่อ่อนโยน

ราชันมังกรมีนิสัยที่ก้าวร้าวพร้อมกับพลังทำลายล้างที่น่าเหลือเชื่อขณะที่ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญา เขาเชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ ดังนั้นในการต่อสู้ที่รุนแรง เขาจึงเป็นฝ่ายล่าถอย

อุกกาบาตเพลิงไม่สามารถทำสิ่งใดราชันมังกรแต่ราชันภูเขาม่วงยังเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

เขาชี้นิ้วออกไปและทำให้ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานขึ้นบนร่างกายของราชันมังกร

‘ท่าไม้ตายต่อเนื่อง’

นี่เป็นครั้งแรกที่ราชันมังกรหยุดไล่ล่าและลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

แม้เขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่เขายังสามารถหยุดเคลื่อนไหวได้ในทันที ทุกคนต้องถอนหายใจกับวิธีการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งของเขารวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อของเขา

ดอกไม้เบ่งบานในอัตราเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

กลีบดอกไม้เหล่านั้นบอบบางมากแต่มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับราชันมังกร

ราชันมังกรกำหมัดขวาก่อนจะเปิดออก

“บึม!”

สายลมสีขาวซีดปะทุออกมาจากมือขวาของเขา

สายลมสีขาวไหลเวียนไปทั่วร่างของราชันมังกรราวกับใบมีดที่กำจัดดอกไม้บนร่างกายของเขา

หลังจากไม่กี่ลมหายใจ ดอกไม้ทั้งหมดบนร่างของราชันมังกรก็หายไปจนหมดสิ้น

รูม่านตาของราชันภูเขาม่วงหดเล็กลง

ท่าไม้ตายของราชันมังกรแหลมคมและแม่นยำมาก มันแสดงให้เห็นถึงทักษะการควบคุมที่ลึกซึ้ง

หากเขาประมาทเพียงเล็กน้อย เขาจะได้รับบาดเจ็บ

แต่ราชันมังกรทั้งเก่งกาจและกล้าหาญ เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและสามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมโดยที่ตนเองไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามระยะเวลาดังกล่าวอนุญาตให้ราชันภูเขาม่วงเตรียมท่าไม้ตายต่อไปได้สำเร็จ

ท่าไม้ตายอมตะมักมีปัญหาในการกระตุ้นใช้งาน หากจ้าวเหลียนหยุนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับราชันภูเขาม่วง นางจะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ

แต่ราชันภูเขาม่วงเต็มไปด้วยประสบการณ์และความเด็ดเดี่ยว เขาสามารถฉวยโอกาสนี้

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน

ร่างเทียมจำวนมหาศาลปรากฏขึ้นรอบตัวราชันภูเขาม่วง

พวกมันพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกรขณะที่ร่างจริงของราชันภูเขาม่วงซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน

ราชันมังกรก่นเสียงเย็น มือขวาของเขากลายเป็นกรงเล็บมังกรก่อนที่เขาจะฟาดกรงเล็บออกไป

รอยกรงเล็บที่ตัดผ่านอากาศและทำลายร่างเทียมมากมายของราชันภูเขาม่วง

จากนั้นเขาก็กวาดกรงเล็บไปรอบๆ

ราชันภูเขาม่วงตระหนักว่าตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกมา

ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่กลางอากาศโดยมีอาณาจักรแห่งความฝันเป็นฉากหลังที่ยิ่งใหญ่

“ดูเหมือนหลังจากนอหลับไปนาน เจ้าก็ยังไม่ล้าหลัง” ราชันภูเขาม่วงกล่าว

“ในช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าฝึกฝนมาบ้าง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีอัจฉริยะมากมายถือกำเนิดขึ้นตลอดช่วงเวลาหนึ่งล้านปี มีวิธีการใหม่ๆที่น่าเหลือเชื่อมากมายในปัจจุบัน” ราชันมังกรถอนหายใจ

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “เอาล่ะ พอกับกลอุบายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ การตรวจสอบจบลงแล้ว มาใช้ทักษะที่แท้จริงกันเถอะ”

ราชันภูเขาม่วงยิ้ม “ได้”

ในเวลาต่อมา ทั้งสองก็พุ่งเข้าปะทะกันราวกับสายฟ้าสองสาย

“บึม บึม บึม…”

แสงสีรุ่งระเบิดออกไปรอบๆราวกับดอกไม้ไฟ

‘พวกเขาเริ่มจริงจังแล้ว…’ ฟางหยวนสังเกตสนามรบด้วยค่ายกลวิญญาณ

หลังจากเห็นการต่อสู้ระหว่างราชันภูเขาม่วงกับราชันมังกร เขารู้สึกพูดไม่ออก

‘ทั้งสองต่างเป็นผู้อมตะระดับแปดและไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดธรรมดา พวกเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นแนวหน้า แข็งแกร่งเกินไป!’

‘ปกติแล้วเมื่อผู้อมตะเริ่มต่อสู้ พวกเขาจะใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ เมื่อพวกเขาเริ่มจริงจัง พวกเขาจึงจะใช้วิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะ แต่สองคนนี้ใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน’

‘อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอุกกาบาตเพลิง ดอกไม้ หรือสายลม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเลียนแบบเส้นทางสายอื่นทั้งสิ้น’

‘หากข้าไม่ใช้เกราะหวนคืน ข้าจะแพ้ในครั้งเดียว’

‘รุนแรงมาก’

‘ตอนนี้ทั้งสองเข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว พลังโจมตีของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก’

ข้อมูลมีความสำคัญต่อผู้อมตะ

ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณสังเกตการณ์ นี่ทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย

ไม่ว่าจะเป็นราชันภูเขาม่วงหรือราชันมังกร ฟางหยวนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แม้จะใช้เกราะหวนคืน เขาก็ทำได้เพียงรับการโจมตีเท่านั้น

ในความเป็นจริงฟางหยวนสามารถหลบหนีจากภาคเหนือเพราะสถานการณ์ที่วุ่นวายเกินไป

‘ด้วยความแข็งแกร่งของข้า มันยากที่จะหลบหนีจากสถานการณ์นี้ มีความหวังน้อยมาก!’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป

เขาได้รับจดหมายจากวูหยง

‘วูหยงยังไม่ตาย เฉียวจื่อไค และไท่เมี่ยนเฉินก็ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาถูกขังเป็นการชั่วคราวและตอนนี้พวกเขากำลังมาที่นี่ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!’

วูหยงบอกฟางหยวนให้อดทนไว้ มันไม่เป็นไรหากเขาจะหลบหนี

เขายังบอกฟางหยวนว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ จื่อชิวหยู กำลังนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาที่นี่เช่นกัน แต่เขายังอยู่ไกลกว่าวูหยง

และไม่ใช่เพียงสอง แต่กองกำลังอื่นๆก็ส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาเช่นกัน

กองกำลังฝ่ายธรรมะมีความขัดแย้ง แต่หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของวูหยงเกี่ยวกับสถานการณ์ของอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาก็ร่วมมือกันทันที

หากมองในมุมสูง ภูเขาอี้เทียนอยู่ตรงกลางค่อนไปทางทิศตะวันตกของภาคใต้ ขณะที่กองกำลังใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทุกทิศทางและกำลังมุ่งตรงมาที่นี่

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

หากเขาเป็นวูอี้ไห่ เขาจะดีใจมาก

แต่ความจริงก็คือเขาไม่ใช่

เขาคือฟางหยวน

เมื่อกองกำลังของภาคใต้มาถึง วังสวรรค์จะเปิดเผยตัวตนของเขา ทุกคนจะพุ่งเข้าโจมตีเขา

‘สำหรับวูหยง…’ ฟางหยวนถอนหายใจ

พี่ชายที่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของเราจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่จะไล่ล่าเขาในอนาคต

ฟางหยวนสังหารวูอี้ไห่ตัวจริง แม้วูหยงจะไม่สนใจความสัมพันธ์พี่น้องและไม่ต้องการแก้แค้น แต่ในฐานะฝ่ายธรรมะ เขาจำเป็นต้องสังหารฟางหยวน

อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนและวูหยงมีความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไข

‘ตระกูลวูมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลัง วูหยงซ่อนมันไว้ลึกมาก แต่กระทั่งเขาจะรวดเร็วและอยู่ใกล้ที่สุด แต่เขายังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อมาที่นี่’

ฟางหยวนคำนวณอย่างรวดเร็ว

เมื่อกำลังเสริมมาถึงและวังสวรรค์เปิดเผยตัวตนของเขา เขาจะสามารถหลบหนีจากความโกลาหลครั้งใหญ่ได้หรือไม่?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท