เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1362

ตอนที่ 1362

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1362 ร่วมมือ
ความหวังมีน้อยมาก

ตอนนี้มันเป็นการต่อสู้สามทางที่ชุลมุนวุ่นวาย

ฝ่ายหนึ่งคือวังสวรรค์

ฝ่ายที่สองคือนิกายเงา

ฝ่ายที่สามคือกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้

สำหรับฟางหยวน เขาเป็นสมาชิกของกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ แต่ความจริงคือเขามีความใกล้ชิดกับนิกายเงามากกว่า

จากสถานการณ์ วังสวรรค์และกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้พยายามโจมตีนิกายเงา

นิกายเงาไม่สามารถแข่งขันกับวังสวรรค์ ตอนนี้พวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก

‘วูหยงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อมาที่นี่’

‘หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป ข้าจะไม่สามารถอดทนจนถึงเวลานั้น’

‘ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนิกายเงาพ่ายแพ้ วังสวรรค์และกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะจัดการข้าในฐานะผู้ทรยศ’

‘ยังไม่ต้องกล่าวถึงนิกายเงา ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถทนได้ถึงหนึ่งวัน’

ฟางหยวนมองค่ายกลวิญญาณด้วยความกังวล

เนื่องจากจื่อชิวหยูออกแบบค่ายกลวิญญาณนี้ให้ถูกควบคุมโดยคนเพียงผู้เดียว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ใดและไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านการรุกรานจากเทพธิดาจื่อเว่ย

สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวตนของฟางหยวนมีปัญหา

หากผู้อมตะภาคใต้รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวนจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจะตกอยู่ในอันตราย

ค่ายกลวิญญาณเหลือแนวป้องกันสองแนว

หากเทพธิดาจื่อเว่ยประสบความสำเร็จในการทำลายแนวป้องกันที่สาม ตามทฤษฎี ฟางหยวนจะสามารถกระตุ้นใช้แนวป้องกันที่สี่เพื่อต่อต้านนาง

แต่จากข้อมูลของจื่อกุ้ย คนที่สามารถกระตุ้นการทำงานของแนวป้องกันสุดท้ายต้องเป็นสมาชิกตระกูลจื่อเท่านั้น

นี่คือการจัดเตรียมของจื่อชิวหยู เขาทำเช่นนี้โดยคิดถึงผลประโยชน์ของตระกูลจื่อเป็นหลัก

ค่ายกลวิญญาณมีหลายวิธีในการตรวจสอบ ฟางหยวนอาจสามารถปลอมแปลงสายเลือด

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเกี่ยวกับป้ายวิญญาณหรือโคมไฟวิญญาณ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ฟางหยวนทำได้เพียงถอนหายใจ

เขาลอบสาปแช่งอยู่ภายใน ‘จื่อชิวหยู จิ้งจอกเฒ่า!’

ผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ใช่ตัวตนที่สามารถจัดการได้โดยง่าย

ตั้งแต่จื่อชิวหยูออกแบบมัน เขาก็คิดถึงสถานการณ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้เอาไว้แล้ว

ฟางหยวเหมือนติดอยู่ในทางตัน

สถานการณ์มีความซับซ้อน สามฝ่ายกำลังต่อสู้กัน ฟางหยวนมีสถานะพิเศษ แม้เขาจะอยู่ในค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะแต่มันก็ไม่สามารถเชื่อถือ

มีตัวแปรมากเกินไป

เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาในการคิดวิเคราะห์และหาทางออก

จิตใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง สมองของเขาราวกับกำลังพ่นควันออกมา

เขาจะหลบหนีได้อย่างไร?

นี่เป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไข

‘วิญญาณกาลเวลา?’ ฟางหยวนคิดแต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันที

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถใช้วิญญาณกาลเวลา

เจตจำนงสวรรค์ซ่อนตัวอยู่ภายใน หากเขาใช้งานมัน เขาจะล้มเหลวอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถกำเนิดใหม่เพราะความช่วยเหลืออย่างลับๆจากเจตจำนงสวรรค์ แต่ตอนนี้เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดเขา แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

การใช้วิญญาณกาลเวลาก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย

เว้นเพียงเขาจะใช้วิธีของนิกายเงาเพื่อปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีเวลาสำหรับเรื่องนี้งั้นหรือ?

‘เดี๋ยว!’

‘ข้าสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลากับมิติช่องว่างของข้า ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาได้อย่างรวดเร็ว’

‘ไม่ นี่ทำไม่ได้ ยังมีภัยพิบัติ!’

‘หากข้าเร่งเวลา ข้าจะพบกับภัยพิบัติ เจตจำนงสวรรค์จะเข้าแทรกแซงและทำให้มันทรงพลังยิ่งขึ้น’

‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้าต่ำเกินไป ข้าไม่มีความมั่นใจว่าการปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาจะสำเร็จหรือไม่โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์นี้’

‘และการเลิกใช้ค่ายกลวิญญาณก็เป็นวิธีที่งี่เง่าที่สุด มันเป็นการตัดแขนตัดขาตัวเอง!’

ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำได้

โชคชะตาโหดร้ายเกินไป ในสถานการณ์นี้เขาไม่มีทางรอด

แต่ฟางหยวนไม่ยอมแพ้

เขายังอดทนต่อไป

ความมุ่งมั่นของเขายังไม่สั่นคลอนแม้แรงกดดันจะรุนแรงมากเพียงใด

อดทน!

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น ไม่เกรงกลัว จิตใจของเขาสงบมาก

นี่ไม่ใช่สถานการณ์สิ้นหวังครั้งแรกที่เขาเผชิญ แท้จริงแล้วเขาผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ในโลกนี้ การบ่มเพาะและการดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยงและอันตราย

จะมีกำไรได้อย่างไรหากปราศจากความเสี่ยง?

กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ยังแบกรับความเสี่ยงที่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะล่มสลายเพื่อแผนการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ก่อนจะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แม่น้ำหวนคืนถูกพรากไป และกระทั่งภรรยาของเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส

สำหรับวังสวรรค์ พวกเขาสูญเสียสองผู้อมตะระดับแปดที่ทรงพลังไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยาง แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่ได้รับสิ่งใด

ย้อนกลับไปในชีวิตแรกของฟางหยวน ฟงจิวเก้อยังเสียชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ฟางหยวนไม่ใช่หม่าหงหยุน เขาไม่ใช่บุตรแห่งโชค หากเปรียบเทียบ เขาเป็นคนธรรมดามาก

ในความเป็นจริงแม้แต่หม่าหงหยุนก็ยังพบกับความตายแม้เขาจะได้รับการปกป้องจากวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์

สวรรค์ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนตัวหมากเบี้ย ไม่ว่าผู้อมตะจะมีความสามารถเพียงใด พวกเขาก็เป็นรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่จะพบกับการปฏิบัติที่เท่าเทียม

ประสบการณ์ห้าร้อยปีของฟางหยวนจะสามารถเปรียบเทียบกับสวรรค์พิภพได้อย่างไร?

มนุษย์มีขีดจำกัด ไม่มีผู้ใดไม่เคยทำผิด กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้แต่มนุษย์คนแรกก็ยังถูกหลอกโดยวิญญาณสติปัญญา

ในทางตรงข้าม เจตจำนงสวรรค์ยิ่งใหญ่และกว้างใหญ่มาก

การท้าทายสวรรค์เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ฟางหยวนเพียงผู้เดียวที่รู้สึกถึงความยากลำบาก

อิงอู๋เซี่ยก็รู้สึกคล้ายกัน

เขากำลังต่อสู้

ศัตรูของเขาคือผู้อมตะระดับเจ็ดฝ่ายธรรมะขณะที่เขาเป็นผีดิบอมตะระดับหก

แม้เขาจะมีท่าไม้ตายอมตะที่น่าเหลือเชื่อ แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมาก อิงอู๋เซี่ยแทบไม่สามารถอดทน

หลังจากการต่อสู้ที่วุ่นวาย อิงอู๋เซี่ยถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง สถานการณ์ของเขาอันตรายมาก

อัญเชิญอสูรวิญญาณ!

อิงอู๋เซี่ยมใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาอัญเชิญอสูรวิญญาณสามตัวออกมา

แต่ศัตรูของเขายังหัวเราะเย้ยหยัน

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายอัญเชิญอสูรวิญญาณ

แต่ตอนนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบโต้โดยใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝัน

สัตว์อสูรมีสติปัญญาต่ำ ด้วยการวางอุบาย ผู้อมตะตระกูลเซี่ยสามารถล่อลวงให้อสูรวิญญาณเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน

เมื่อพวกมันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน พวกมันก็จะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง

การใช้ประโยชน์จากสนามรบเป็นหนึ่งในความสามารถของผู้อมตะ

สุดท้ายอสูรวิญญาณที่ถูกอันเชิญมาก็ถูกจัดการโดยผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้นี้

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก

แต่ในเวลานี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป เขาได้รับจดหมายจากผมที่หก ในจดหมายกล่าวว่าฟางหยวนต้องการร่วมมือกับนิกายเงา!

ตั้งแต่ราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้น เขาต้องการทำงานร่วมกับฟางหยวนมาตลอด

น่าเสียดายที่ฟางหยวนระวังตัวมากเกินไป ดังนั้นความร่วมมือจึงไม่เคยเกิดขึ้น

อิงอู๋เซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะเป็นฝ่ายร้องขอความร่วมมือในเวลานี้

‘สายไปแล้ว!’ ความขมขื่นทวีความรุนแรงมากขึ้นในหัวใจของอิงอู๋เซี่ย

สายเกินไป

มันสายเกินไปแล้ว!

เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนอยู่ที่ใดแต่นิกายเงาได้เริ่มภารกิจช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณไปแล้ว

ผมที่หกบอกว่าฟางหยวนต้องการวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อสื่อสารกับอิงอู๋เซี่ยโดยตรง

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถติดต่อกับสมาชิกนิกายเงาได้โดยตรง พวกเขาต้องสื่อสารผ่านผมที่หกเท่านั้น

นี่เป็นเพราะวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลต้องใช้เป็นคู่

ด้วยวิธีนี้มันจะทิ้งเบาะแสของกันและกันไว้เบื้องหลัง มันง่ายที่จะอนุมานตำแหน่งของพวกเขาจากสิ่งนี้

‘มอบให้เขา’ อิงอู๋เซี่ยคิดและไม่ปฏิเสธ

ต่อมาเสียงของฟางหยวนก็ดังขึ้นในใจของอิงอู๋เซี่ย “อิงอู๋เซี่ย เจ้าอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ผู้อมตะตระกูลเซี่ยจะฆ่าเจ้า เหตุใดไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน?”

อิงอู๋เซี่ยเบิกตากว้างเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

“ฟางหยวน!” เขาตอบกลับ “เจ้าอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

“เจ้าคิดอย่างไร?” ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “หยุดใช้วิธีอัญเชิญอสูรวิญญาณอย่างไร้ประโยชน์ เจ้าใช้มันไปสามครั้งแล้วและผลลัพธ์ก็แย่ลงทุกครั้ง เจ้ากำลังเพิ่มความเสี่ยงและสูญเสียพลังงานอมตะโดยไร้ประโยชน์”

อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ “ฟางหยวน เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ บัดซบ! เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด? เดี๋ยว! คู่ต่อสู้ของข้าคือเจ้าหรือไม่?”

“หากเป็นข้า เจ้าคงตายไปแล้ว อย่าไร้สาระ เรามา…” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ร่วมมือกันเถอะ!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท