เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1374

ตอนที่ 1374

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1374 บินจากไป
เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้อมตะระดับเก้าที่สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

แล้วตัวตนเช่นนี้จะถูกค้นวิญญาณโดยง่ายได้อย่างไร

เทพปีศาจปล้นสวรรค์บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์และผนึกภูตผีที่สามารถใช้งานได้อย่างถาวรและไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ

แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะไม่มีพลังงานอมตะและวิญญาณอมตะ เขาก็ไม่ควรถูกมองข้าม

ราชันภูเขาม่วงมอบมรดกทั้งหมดของเขาให้ฟางหยวน นี่เป็นกำไรที่เหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปไกลมาก

‘ราชันภูเขาม่วงต้องการช่วยคนเหล่านี้แม้เขาจะไม่ได้กล่าวออกมา เขาอาจกลัวว่าข้าจะสงสัยและไม่ยอมรับของขวัญจากเขา?’

‘เขาทุ่มสุดตัวเพื่อสิ่งนี้’

‘หากข้าสามารถใช้ประโยชน์จากคนเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ พวกเขาจะช่วยข้าได้มาก พวกเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว พวกเขาต้องยอมรับข้าเท่านั้น’

‘เช่นนั้นข้าก็จะพาพวกเจ้าไปด้วย’

ฟางหยวนไม่เคยเป็นคนใจแคบ

เขาเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมายังโลกใบนี้ และหลังจากผ่านประสบการณ์มากมาย เขายิ่งใจกว้างมากขึ้น

ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และนางเสือดำเคยทรยศเขา

แต่แล้วอย่างไร?

ฟางหยวนเข้าใจการกระทำของพวกนางอย่างสมบูรณ์

เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่ในหัวเพียงเสี้ยวพริบตา

เขาเก็บเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงเอาไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

โดยปราศจากวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะ ระดับภัยคุกคามจากเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงแทบเป็นศูนย์

ในอนาคตเว้นเพียงเขาจะไม่มีทางเลือก ฟางหยวนจะไม่มอบวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะให้กับเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงอย่างแน่นอน

สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง ฟางหยวนไม่มีเวลาตรวจสอบกำไรของเขา

เขาเริ่มสื่อสารกับเจตจำนงของราชันภูเขาม่วง

เขาถามเกี่ยวกับวิธีควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่ราชันภูเขาม่วงเคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้

เกราะหวนคืนมีความเสี่ยงสูง อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นตัวเลือกแรกของเขา

ข้อดีของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดคือความเร็วและความสามารถในการทะลวงมิติของมัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีร่างกายแข็งแกร่งมาก

แต่เงื่อนไขแรกของฟางหยวนก็คือการควบคุมมัน

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะขีดจำกัดชื่อเสียง แต่มันยังไม่ใช่ของเขา เขายืมมันมาจากตระกูลวู นอกจากนั้นมันยังเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันอาจไม่เพียงพอที่จะควบคุมสัตว์อสูรระดับแปด

ในไม่ช้าฟางหยวนก็เรียนรู้วิธีการของราชันภูเขาม่วง

สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือเขารู้วิธีการนี้เช่นกัน

นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งทาสและเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล มันเรียกว่า ทาสแปดสิบต่อร้อย

ผู้ที่คิดค้นวิธี้นี้เป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก เขาเกิดมาเป็นทาส เขาใช้ทุกโอกาสที่ได้รับปีนป่านขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต

เขาเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งทาส

ปกติแล้ววิธีบนเส้นทางแห่งทาสจะใช้สถานะที่สูงกว่าปกครองสถานะที่ต่ำกว่า แต่เขากลับทำสิ่งตรงข้าม เขาใช้สัตว์อสูรที่มีสถานะต่ำกว่าปกครองสัตว์อสูรที่มีสถานะสูงกว่า

กองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลตะวันออกครอบครองมรดกนี้เอาไว้ขณะที่เนื้อหาบางส่วนถูกขายให้สมาชิกของพวกเขา

ฉลามปีศาจเคยซื้อส่วนหนึ่งของมรดกนี้และใช้มันควบคุมฉลามนิ้วกาลเวลา

โชคไม่ดีที่เขาถูกกำหราบโดยนางมารผลาญสวรรค์และสุดท้ายพวกเขาทั้งหมดก็ถูกบูชายัญเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ

รากฐานของนิกายเงาลึกมาก ราชันภูเขาม่วงเป็นร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงไม่ได้มีเพียงวิธีเดียวที่สามารถกดขี่สัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่สิ่งที่ราชันภูเขาม่วงมอบให้ฟางหยวนในเวลานี้คือวิธีนี้

‘ท่าไม้ตายอมตะนี้เรียกว่าทาสแปดสิบต่อร้อย’

‘ท่าไม้ตายนี้ไม่ยาก ข้ามีวิญญาณอมตะที่จำเป็นทั้งหมด วิญญาณระดับมนุษย์สามารถซื้อได้จากสวรรค์สีเหลือง ดูหมือน…นิกายเงาจะพัฒนาท่าไม้ตายนี้ขึ้นไปอีกขั้นแล้ว’

‘สิ่งที่ข้าขาดตอนนี้คือสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์’

ความคิดของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็กำลังเติบโตขึ้น

ฟางหยวนเริ่มซื้อสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์จากสวรรค์สีเหลือง

ตลาดสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลในสวรรค์สีเหลืองใหญ่มาก

แต่นกอินทรีย์ค่อนข้างหายาก

ในเวลาเร่งด่วน ฟางหยวนไม่มีทางเลือกมากนัก เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ

เขาประกาศในสวรรค์สีเหลืองว่าเขาต้องการซื้อสัตว์อสูรประเภทนกอินทรีย์ในราคาสูงและยังสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ

สิ่งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที

ใช้วิญญาณอมตะซื้อสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล!?

วิญญาณอมตะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและหายากขณะที่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลง่ายที่จะเพาะเลี้ยงและฝึกฝน

เห็นได้ชัดว่าเขาขาดทุน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่สนใจมัน

ในไม่ช้าเขาก็ได้รับความสนใจจากผู้อมตะจำนวนมาก

“ข้ามีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีสายเลือดผสมของอินทรีย์สวรรค์ ท่านมีวิญญาณอมตะชนิดใด?” ผู้อมตะคนแรกถาม

อินทรีย์สวรรค์เลือดผสมไม่ใช่อินทรีย์ธรรมดา มันมีศีรษะเป็นอินทรีย์แต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ มันมีกรงเล็บอันแหลมคมและมีเท้าเป็นเท้าอินทรีย์ แน่นอนว่ามันมีปีก

‘อินทรีย์สวรรค์เลือดผสมอาจมีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด แต่มันก็เป็นอินทรีย์จริงๆ ข้าสามารถใช้งานมันได้’ ฟางหยวนคิดก่อนถาม “ท่านมีอยู่เท่าใด?”

“ข้ามีอินทรีย์สวรรค์เลือดผสมระดับสัตว์อสูรเดียวดายสามสิบสามตัวและมีระดับสัตว์อสูรบรรพกาลเจ็ดตัว” ผู้อมตะคนเดิมตอบกลับ

ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าจะซื้อพวกมันด้วยวิญญาณอมตะระดับหก”

“เพียงวิญญาณอมตะระดับหก? นี่เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลเจ็ดตัว!” ผู้อมตะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ฟางหยวนตะโกน “หากไม่ขายก็หลีกทาง!”

ทัศนคติของผู้อมตะผู้นั้นเปลี่ยนไปทันที “โอ้ อย่าพึ่งโกรธ ข้าจะขาย ข้าจะขายพวกมัน! ข้าจะไม่ขายได้อย่างไร?”

ธุรกรรมเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วและยิ่งสร้างความโกลาหลมากขึ้น

“เขาใช้วิญญาณอมตะซื้อสัตว์อสูรจริงๆ? นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”

“มีบางสิ่งผิดปกติกับสมองของเขา! อินทรีย์สวรรค์เลือดผสมเหล่านั้นยังไม่เพียงพอสำหรับความพยายามสิบครั้งในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหก”

การหลอมรวมวิญญาณอมตะยากเกินไป มันมีโอกาสสำเร็จต่ำมาก

สิบครั้งอาจดูมาก แต่ในความเป็นจริง ผู้อมตะต้องใช้ความพยายามมากว่าห้าสิบหรือหกสิบครั้งเพื่อหลอมรวมวิญาณอมตะ

“มันไม่ใช่การหลอกลวง? คนผู้นี้กำลังมีปัญหาบางอย่าง?” ผู้อมตะบางคนสงสัย

“นี่คือสวรรค์สีเหลือง ผู้ใดจะสามารถหลอกลวง? แสงสมบัติเป็นของจริง”

“ถึงคราวของข้าแล้ว ข้ามีอินทรีย์สีรุ้งมากกว่าร้อยตัว” คนต่อไปเริ่มเจรจา

อินทรีย์สีรุ้งมีขนาดค่อนข้างเล็กและเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย ไม่เคยมีอินทรีย์สีรุ้งระดับสัตว์อสูรบรรพกาลปรากฏขึ้นมาก่อน

อินทรีย์สีรุ้งไม่แข็งแกร่ง พวกมันชอบไล่ตามสายรุ้ง สิ่งเดียวที่พวกมันมีคือความเร็วที่โดดเด่น

“เอาล่ะ วิญญาณอมตะระดับหกดวงนี้จะเป็นของเจ้า” ฟางหยวนพร้อมซื้อ

ผู้ขายถาม “เราสามารถเปลี่ยนเป็นวิญญาณอมตะดวงอื่นหรือไม่? ข้าใช้ความพยายามนานกว่าร้อยปีเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน”

ทัศนคติของฟางหยวนยังมั่นคง “หากไม่แลกเปลี่ยนก็ไปซะ!”

“ไม่ ไม่ ไม่”

“จะแลกเปลี่ยนหรือไม่?”

“แลก แลก แลก!”

ฟางหยวนพยักหน้าและถอนหายใจ “หากข้าไม่ต้องการนกอินทรีย์อย่างเร่งด่วน พวกเจ้าจะได้รับผลประโยชน์เหล่านี้งั้นหรือ? เร็วเข้า นำวิญญาณอมตะไปและส่งสินค้ามา เวลาของข้ามีค่ามาก”

จากนั้นผู้อมตะทั้งหมดจึงเริ่มเรียกฟางหยวนว่าผู้อาวุโส

ความโกลาหลในสวรรค์สีเหลืองดึงดูดความสนใจของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาค

แน่นอนว่าท่ามกลางพวกเขามีวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรรวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน

สวรรค์สีเหลืองรักษาความเป็นกลางเสมอ ไม่มีผู้ใดรู้ตำแหน่งที่ตั้งของมัน และไม่มีผู้ใดมีอิทธิพลเหนือมัน

ในช่วงเวลาสั้นๆ ฟางหยวนสามารถรวบรวมสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์ได้เป็นจำนวนมาก

แต่เขาก็ต้องจ่ายด้วยวิญญาณอมตะระดับหกสามดวงและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดอีกหนึ่งดวง

นอกจากนั้นเขายังสามารถรวบรวมวิญญาณระดับมนุษย์ที่จำเป็นทั้งหมด

ฟางหยวนเริ่มกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย

แม้เขาจะไม่สามารถเสียเวลาแม้แต่วินาทีในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เขายังระมัดระวังมากในความพยายามครั้งแรก

“พรวด!”

เขากระอักเลือดออกมาและล้มเหลว

บุรุษคนก่อนหน้า!

ฟางหยวนฟื้นตัวขึ้นทันที

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยอีกครั้ง

ล้มเหลว!

หลังจากล้มเหลวสามครั้ง เขาก็ประสบความสำเร็จในครั้งที่สี่

แสงสว่างขึ้นบนร่างของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

มันเงยหน้ากรีดร้องก่อนจะก้มศีรษะยอมจำนนต่อฟางหยวน

“สำเร็จ!” ฟางหยวนยังไม่ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขขณะที่ไห่ลั่วหลันส่งเสียงมา “เร็วๆนี้ข้าจะสูญเสียการควบคุมค่ายกลวิญญาณ!”

ฟางหยวนกัดหันแน่น เขาปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาทันที

“อย่าคิดว่าสามารถหลบหนี!” เสียงที่แฝงความผิดหวังของเทพธิดาจื่อเว่ยดังขึ้น

ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงาภายใต้จมูกของนางและยังพยายามหลบหนีโดยไม่แยแสการคงอยู่ของนางแม้แต่น้อย

แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับนำเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงออกมาพร้อมกับวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะ

“ฟางหยวน จำสิ่งที่ข้าบอกเจ้าให้ดี รีบไป” เจตจำนงของราชันภูเขาม่วงกล่าวก่อนจะส่งท่าไม้ตายอมตะพุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณ

ในเวลาต่อมาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็นำฟางหยวนและคนอื่นๆทะลวงห้วงมิติออกไปจากค่ายกลวิญญาณ

ด้วยการกระพือปีกเพียงครั้งเดียว มันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ด้วยการกระพือปีกครั้งที่สอง มันกลายเป็นจุดเล็กๆที่ขอบฟ้าและหายไปจากมุมมองสายตาของทุกคน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท