เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1372

ตอนที่ 1372

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1372 ความตายของราชันภูเขาม่วง (2)
ราชันภูเขาม่วงตระหนักว่าเขาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากขอทานเฒ่าจริงๆ

เขามองเด็กหญิงและคิด ‘นางคือบุคคลแห่งโชคชะตางั้นหรือ? ไม่ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่นาง แต่เป็นบุตรหลานของนาง’

เด็กหญิงทิ้งอาหารไว้และจากไปพร้อมกับคนรับใช้

คืนนั้นราชันภูเขาม่วงเข้าสู่ความฝันของนาง

“มรดกที่แท้จริงนี้ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย มันเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งข้อมูล และเส้นทางอาหาร ข้าจะเรียกมันว่ามรดกที่แท้จริงเสือดำ”

“โอ้ มันจะสำเร็จหรือไม่?”

“แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง”

ราชันภูเขาม่วงจากไปอย่างเงียบๆ

…..

ภาคเหนือ ในถ้ำแห่งหนึ่ง

‘นางอยู่ที่นี่’ ราชันภูเขาม่วงคิดกับตนเอง

ท่านหญิงหว่านซูในวัยเยาว์เข้ามาในถ้ำและพบกับราชันภูเขาม่วง หัวใจของนางจมดิ่งลง “ผู้อาวุโส เมื่อท่านอยู่ที่นี่ ผู้น้อยจะจากไป ผู้น้อยไม่กล้ารบกวนผู้อาวุโสจากการรับทอดมรดกนี้”

กลิ่นอายที่ทรงพลังของราชันภูเขาม่วงทำให้หัวใจของท่านหญิงหว่านซูสั่นสะท้านขึ้น

ราชันภูเขาม่วงมองนางและคิด ‘มันคือนาง’

เขากล่าว “สาวน้อย เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้ตั้งแต่ยังเยาว์และยังรู้ขีดจำกัดของตนเอง เจ้ารู้ว่าเมื่อใดควรถอยหรือเดินหน้า ดี ข้าไม่มีคุณสมบัติรับสืบทอดมรดกนี้ ข้าจะมอบมันให้เจ้า แต่หลังจากเจ้าได้รับมรดก เจ้าต้องบอกเนื้อหาของมันกับข้า เจ้าจะติดหนี้บุญคุณข้า ในอนาคต เจ้าต้องช่วยคนที่ติดต่อเจ้าผ่านวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้”

…..

“ฮืม จะฆ่าก็ฆ่า แต่ข้าจะไม่ร้องขอความเมตตา!” ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่นอนอยู่บนพื้นกล่าวอย่างดื้อรั้น

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะ “เด็กน้อย เจ้าน่าสนใจทีเดียว เจ้าทำให้ข้านึกถึงอดีต การได้พบกับข้าคือความโชคดีของเจ้า”

หลังกล่าวจบคำราชันภูเขาม่วงชี้นิ้วไปที่หน้าผากของผู้ใช้วิญญาณหญิง

“นี่คือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งไฟ ข้าจะให้ครึ่งแรกแก่เจ้า เมื่อเจ้าบรรลุสู่ระดับห้า เจ้าจะพบครึ่งหลังที่ใดสักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ หากเจ้าจัดการได้ดี เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะ”

หลังจากนั้นราชันภูเขาม่วงก็หายตัวไป

“สวรรค์! ผู้อมตะ? ขอทานเฒ่าผู้นี้เป็นผู้อมตะงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณหญิงได้สติเมื่อเวลาผ่านไป

นางออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความตกใจและสงสัย

ราชันภูเขาม่วงยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองไปยังผู้ใช้วิญญาณหญิง “หญิงผู้นี้ค่อนข้างพิเศษ ไม่เพียงนางจะมีกลิ่นอายของโชคชะตา นางยังได้รับความสนใจจากสวรรค์ ข้าเกรงว่าญาติสนิทของนางจะกลายเป็นตัวหมากเบี้ยของสวรรค์ในอนาคต”

…..

“ฮ่าฮ่าฮ่า หนุ่มน้อย ข้ามีมรดกที่แท้จริงสามชิ้น”

“มรดกแรกจะทำให้เจ้าสามารถอาบเปลวเพลิงและเดินบนกองไฟ เจ้าจะทะลวงขีดจำกัดของมนุษย์ มรดกที่สองอนุญาตให้เจ้าควบคุมวายุและอากาศ เจ้าจะโบยบินไปได้อย่างอิสระ มรดกที่สามจะทำให้เจ้ามีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย เจ้าสามารถช่วยผู้คนบนโลกใบนี้ เลือกหนึ่งในสาม คิดดูให้ดีและบอกข้า”

ไท่เป่ยหยุนเฉิงในวัยเยาว์คิดและกล่าว “ข้าเลือกมรดกที่สาม”

“อีกหนึ่งความหวัง”

“เห้อ…เกือบแสนปีมาแล้ว”

“ข้าหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังไปทั่ว นี่คงเพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนแผนการของร่างหลักแล้ว”

…..

“โฮก…”

เสียงคำรามของมังกรดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์

ราชันมังกรพ่นไฟออกมาจากปากและโจมตีราชันภูเขาม่วงโดยตรง

ราชันภูเขาม่วงเสียสละแขนของตนเพื่อรักษาชีวิตก่อนจะล่าถอย

ราชันมังกรตามเข้าทุบหน้าอกของราชันภูเขาม่วงกระทั่งกระดูกหัก

ราชันภูเขาม่วงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ด้วยตนเองแต่เขายังสามารถใช้วิญญาณในการเคลื่อนไหว

ราชันมังกรกล่าวเสียงเย็น “อยากรู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าถึงแพ้?”

ราชันภูเขาม่วงไอออกมาเป็นเลือดและมองราชันมังกร “ข้ากำลังฟังอยู่”

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มเย็นชาและเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาไปอยู่ด้านหน้าราชันภูเขาม่วง

“ปัง!”

ราชันมังกรชกหน้าท้องของราชันภูเขาม่วงและส่งชายชราพุ่งลงสู่พื้นราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

“เจ้าพยายามหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ ความจริงก็คือเทพอมตะกลุ่มดาวเคยทำมาแล้ว นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แล้วเจ้าจะใช้เล่ห์กลนี้ต่อหน้านางได้อย่างไร?”

“เจ้าใช้เวลาครึ่งหลังของชีวิตทำสิ่งหนึ่ง นั่นคือการฉกชิงตัวหมากเบี้ยของเจตจำนงสวรรค์ แต่น่าเสียดาย เมื่อเจ้าหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ เจ้าก็กลายเป็นตัวหมากเบี้ยของเจตจำนงสวรรค์เช่นกัน”

ราชันมังกรกล่าวขณะบินลงมา

ราชันภูเขาม่วงกัดฟันและพยายามบินออกจากหลุม

เขาบินถอยหลังและร่อนลงบนพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

บาดแผลบนร่างกายของราชันภูเขาม่วงฟื้นฟูขึ้นแล้วแต่ใบหน้าของเขายังซีดขาว ตอนนี้มีเพียงความแน่วแน่เท่านั้นที่ทำให้เขายังสามารถประคองสติ

ราชันมังกรค่อยๆบินลงสู่พื้นก่อนจะชี้นิ้วไปที่ราชันภูเขาม่วง

“ฮูม…”

ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งออกไป

ร่างของราชันภูเขาม่วงปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมา แต่เขายังถูกส่งลอยกลับหลังก่อนจะล้มลงบนพื้นขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด

“สำหรับเหตุผลที่เจ้าล้มเหลว ข้าแน่ใจว่าเจ้าเดาได้ ถูกต้อง อาณาจักรแห่งความฝันนี้ถูกยึดครองโดยเจตจำนงสวรรค์ไปแล้ว ยิ่งอาณาจักรแห่งความฝันปรากฏขึ้นนานเท่าใด เจตจำนงสวรรค์ก็ยิ่งแทรกซึมเข้าไปได้ลึกเท่านั้น”

“ครั้งนี้วังสวรรค์ของข้าได้รับคำแนะนำจากเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาว ดังนั้นเราจึงเข้าใจสถานการณ์และตำแหน่งที่อยู่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ”

“โอ้ และฟางหยวน มันค่อนข้างน่าขัน หากเขาซ่อนตัวอยู่ที่อื่น เราจะไม่พบเขา แต่เพราะเขามาที่นี่เพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน เขาจึงเปิดเผยตนเองต่อหน้าเจตจำนงสวรรค์”

“เขาพยายามท้าทายเจตจำนงสวรรค์ เขาสมควรตายและจะต้องตายในวันนี้”

ราชันมังกรก้าวไปข้างหน้า

อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันแต่ราชันมังกรไม่แยแส เขายกแขนซ้ายขึ้น

“บึม!”

ด้วยเสียงระเบิดเพียงครั้งเดียว อสูรวิญญาณจำนวนมากถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

ราชันมังกรหยุดยืนอยู่ด้านหน้าราชันภูเขาม่วงขณะที่ฝ่ายหลังพยายามดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้น

ราชันมังกรคว้าลำคอของราชันภูเขาม่วงและยกร่างของชายชราขึ้นสู่อากาศ

“รู้สึกอย่างไรที่ความหวังของเจ้าพังทลายลง? การพยายามท้าทายโชคชะตาทำให้เจ้าพบจุดจบที่น่าสมเพช กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น” ราชันมังกรกล่าวเสียงเย็น

ราชันภูเขาม่วงคว้าแขนของราชันมังกร “แค๊ก แค๊ก ข้า…ไม่มี…ความหวัง…แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า…ผู้อื่น…ไม่มี…ฮิฮิ”

การแสดงออกของราชันมังกรเปลี่ยนแปลงไป

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าอ่อนแอ”

“เจ้าส่งวิญญาณอมตะส่วนหนึ่งออกไปแล้ว”

“ไม่สำนึก”

“กระทั่งเจ้าก็ยังทำไม่สำเร็จ แล้วกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงาจะสามารถทำสิ่งใด?”

ใบหน้าของราชันภูเขาม่วงเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาหายใจไม่ออก เขาไม่สามารถกล่าวแต่คิดกับตนเอง ‘คนผู้นี้…แตกต่าง…’

‘ฟางหยวน’

‘เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เจ้าสามารถต่อต้านโชคชะตา’

‘เจ้าคือตัวหมากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สวรรค์เลือกให้มาจัดการกับนิกายเงา แต่ตอนนี้เจ้าหลุดพ้นจากการควบคุมของเจตจำนงสวรรค์แล้ว’

‘ข้าหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์และพยายามแทรกแซงอิทธิพลของโชคชะตา น่าเสียดายที่ข้าล้มเหลว เป็นเช่นที่ราชันมังกรกล่าว ข้ากลายเป็นตัวหมากเบี้ยของเจตจำนงสวรรค์โดยไม่รู้ตัว’

‘ข้าไม่มีความหวังเหลือแล้ว แต่ฟาหงยวน เจ้าแบกรักความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเอาไว้’

‘ให้ข้าใช้อิทธิพลสุดท้ายของข้าในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต’

‘ฮิฮิ ข้าอยากรู้นัก หลังจากได้รับนิกายเงาไปแล้ว เจ้าจะไปได้ไกลเพียงใด?’

‘ไปข้างหน้าและสร้างหายนะให้กับโลกใบนี้ ฟางหยวน!’

ความคิดทั้งหมดถูกส่งไปยังฟางหยวน

ฟางหยวนถอนหายใจ ‘คนใกล้ตาย…’

เขาไม่สงสัยอีกต่อไป “ข้าเข้าใจแล้ว แม้เราจะเป็นศัตรู…ข้าก็จะยอมรับสิ่งนี้และกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา!”

“ดีมาก ดีมาก…ดีมาก…” ราชันภูเขาม่วงปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง

ในที่สุดเขาก็จากไปแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของราชันมังกร

ราชันภูเขาม่วงตายแล้ว!

หลังจากหนึ่งแสนปีของการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดเขาก็ได้พักผ่อน

แม้เขาจะล้มเหลวและเสียชีวิต แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขายังสามารถส่งต่อความหวัง

เขาตายอย่างมีความหวัง บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เขามีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะเสียชีวิต

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท