เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1379

ตอนที่ 1379

สวรรค์สีขาว

“บึม!”

หอคอยดวงตาสวรรค์บินผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่ามันจะบินไปที่ใด ฝูงสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆก็ยังพุ่งเข้าโจมตีมันอย่างต่อเนื่อง

หลังจากการต่อสู้จบลง วังสวรรค์ปล้นชิงค่ายกลวิญญาณของภาคใต้รวมถึงวิญญาณทั้งหมด

ตอนนี้หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับการซ่อมแซมและกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว

ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์มีราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยอยู่ที่นั่น

“ดูเหมือนสวรรค์สีขาวของภาคใต้จะไม่ได้รับอิทธิพลจากวังสวรรค์แห่งโชคของภาคเหนือ” เทพธิดาจื่อเว่ยมองไปด้านนอกก่อนจะหันหน้าไปทางราชันมังกร

ร่องรอยความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

ราชันมังกรนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้น คิ้วของเขาขมวดแน่น ใบหน้าซีดขาว การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเป็นครั้งคราว

ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราววับเสาหิน แม้เขาจะนั่งลง แต่เขายังปลดปล่อยความรู้สึกเหมือนเสาขนาดใหญ่ที่สามารถแบกรับท้องฟ้า

‘เทพปีศาจจิตวิญญาณยังคงเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้ดวงวิญญาณของเขาจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เขาก็ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับท่านราชันมังกร ท่านราชันมังกรต้องการนำประตูแห่งชีวิตและความตายกลับไปที่วังสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะสามารถใช้ประโยชค์จากมัน’

เทพธิดาจื่อเว่ยทั้งกังวลและรู้สึกชื่นชมราชันมังกรในเวลาเดียวกัน

การเดินทางครั้งนี้วังสวรรค์สามารถกอบกู้ใบหน้าจากความพ่ายแพ้ที่ภาคเหนือ พวกเขาสามารถอาละวาดและกระทั่งสามารถจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ส่วนใหญ่เป็นผลงานของราชันมังกร

หากปราศจากราชันมังกร พวกเขาจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจเช่นนี้

ขณะที่นางกำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ราชันมังกรก็เปิดเปลือกตาขึ้น

“ท่านราชันมังกร มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?” เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งถาม

ราชันมังกรส่ายศีรษะ “อย่ากังวล เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย แต่ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์ ตราบเท่าที่เรากลับไปถึงวังสวรรค์ เราจะสามารถกำปราบเขาได้อย่างง่ายดาย”

“ยอดเยี่ยม ด้วยความเร็วนี้ เราจะใช้เวลาอีกไม่นาน” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างไรก็ตามราชันมังกรกลับกล่าว “แต่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด หากดวงวิญญาณของข้าถูกเทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกิน เขาจะปลอมตัวเป็นข้า ดังนั้นเมื่อเรากลับไปถึงวังสวรรค์ จงกักขังและผนึกข้าเอาไว้ จากนั้นใช้ทุกวิธีของวังสวรรค์เพื่อตรวจสอบความจริง”

“หากข้าสามารถกำหราบเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้าจะให้ความร่วมมือโดยธรรมชาติ หากเทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินข้า เขาจะแสดงตัวออกมาในเวลานั้น หากเขาถูกผนึกเอาไว้ในวังสวรรค์ เขาจะกลายเป็นลูกแกะที่รอการประหาร”

ราชันมังกรพิจารณาในทุกแง่มุมโดยไม่เปิดโอกาสให้เทพปีศาจจิตวิญญาณแม้แต่น้อย

เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งตอบรับ

หลังจากชั่วครู่ราชันมังกรจึงเปิดปากถาม “สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นอย่างไร?”

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “เมื่อไม่นานมานี้ศาลาริมทะเลของตระกูลอี้เผชิญหน้ากับฟางหยวน น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน”

“ฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป เขาเดาว่าศาลาริมทะเลอาจใช้วิธีติดตามตัว ดังนั้นเขาจึงใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบตนเองและค้นพบบางสิ่ง”

“แต่…” เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ “แม้เขาจะรู้ แล้วอย่างไร? ท่าไม้ตายอมตะของข้าได้รับความช่วยเหลือจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นี่เป็นวิธีที่เทพอมตะกลุ่มดาวเคยใช้ในอดีต”

“ดี” ราชันมังกรรู้สึกมั่นใจและค่อยๆปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

…..

ภาคใต้

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแบกฟางหยวนและคนอื่นๆบินข้ามท้องฟ้า

เสียงกรีดร้องของมันทำให้นกทุกตัวในบริเวณนั้นต้องหลบออกไป

การเดินทางไม่มีสิ่งกีดขวาง พวกเขาไม่เห็นศาลาริมทะเลอีกเลย

สมาชิกนิกายเงาลดความระวังตัวลงเล็กน้อย

รอยแยกใต้พิภพค่อยๆปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

‘นี่คือรอยแยกปล้นเงา’ ฟางหยวนยืนขึ้นและมองไปยังรอยแยกใต้พิภพที่อยู่ด้านหน้า

รอยแยกปล้นเงาเป็นฐานทัพชั่วคราวของนิกายเงา

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ตัวตนของฟางหยวนในฐานะวูอี้ไห่จะถูกเปิดเผย แม้วังสวรรค์จะไม่เปิดเผย ตัวตนปลอมนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป หลังจากกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา เขาต้องการพักผ่อนและจัดระเบียบองค์กรใหม่

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินลงไปในรอยแยกปล้นเงา

ในไม่ช้าฟางหยวนและคนอื่นๆก็หายตัวไปในความมืดอันไร้ขอบเขต

แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีร่างกายใหญ่โต แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่ของรอยแยกใต้พิภพแห่งนี้

เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นจากความมืด

ส่วนใหญ่เป็นเงาปีศาจ

เงาปีศาจเป็นสัตว์อสูรที่มักเกิดขึ้นในสถานที่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด

แม้เงาปีศาจจะเป็นอสูรกาย แต่พวกมันยังมีสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด กลิ่นอายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทำให้พวกมันหวาดกลัวและกระจัดกระจายออกไปโดยที่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องขับไล่ด้วยตนเอง

ฟางหยวนและคนอื่นๆมาถึงจุดหมายอย่างราบรื่น

ที่นี่ไม่ใช่ส่วนที่ลึกที่สุดของรอยแยกปล้นเงาแต่เป็นถ้ำบนกำแพงหินที่สูงชันแห่งหนึ่ง

ทางเข้าถ้ำกว้างพอให้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินเข้าไปแม้จะยากลำบากอยู่บ้างก็ตาม

หลังจากเข้าไปในถ้ำ ฟางหยวนก็เก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ด้วยมรดกของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนไม่พบอุปสรรคในการควบคุมค่ายกลวิญญาณของที่นี่

“เป็นค่ายกลที่ดี”

“มันถูกสร้างขึ้นโดยพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของที่นี่ มันใช้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่พลังอำนาจของมันเทียบเท่ากับค่ายกลวิญญาณอมตะ สิ่งที่ดีที่สุดของมันคือการป้องกันการอนุมาน”

ผู้ที่สามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะต้องมีความสำเร็จอย่างน้อยระดับปรมาจารย์เอก

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนิกายเงา

ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวน เขาสามารถมองเห็นรูปแบบการจัดตั้งค่ายกลนี้ได้อย่างคร่าวๆ

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมาถึงที่นี่

เขายังไม่ได้กำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างกายออกไปทันทีแต่เขาเรียกสมาชิกคนอื่นๆเข้ามาพูดคุยทีละคน

ในฐานะผู้นำของนิกายเงา ฟางหยวนจำเป็นต้องทำเรื่องดังกล่าวโดยธรรมชาติ

เทพธิดากระต่ายขาวเชื่อฟังมาก นางตอบคำถามของฟางหยวนอย่างตรงไปตรงมา

เทพธิดาเมี่ยวหยินค่อนข้างกล้าหาญ นอกจากตอบคำถามของฟางหยวน นางยังถามฟางหยวนกลับ ดวงตาของนางดูเย้ายวนเป็นครั้งคราวและนางยังถามว่าระหว่างนางกับเฉียวซื่อหลิวผู้ใดงดงามกว่า

ในการพูดคุยกับไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนเสนอว่าหากไห่ลั่วหลันทำงานได้ดี เขาสามารถพิจารณายกเลิกข้อตกลงพันธมิตรและมอบอิสรภาพคืนให้นาง

ในความเป็นจริงสถานการณ์ที่น่าอึดอันใจทั้งหมดของนางก็เกิดขึ้นเพราะฟางหยวนทั้งสิ้น

หลังจากฟางหยวนกำเนิดใหม่ เขาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย ก่อนการกำเนิดใหม่ของฟางหยวน ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในการสังหารไห่เจิ้งด้วยความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์ นางสามารถแก้แค้นและค้นพบตัวตนที่แท้จริงของนาง สุดท้ายด้วยวิญญาณทัศนคติ นางสามารถควบคุมเผ่าไห่และมีอนาคตที่สดใส

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ไห่ลั่วหลันสูญเสียป้าทั้งสองของนางและด้วยปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ไม่สามารถควบคุม ในที่สุดนางก็กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวน

อิงอู๋เซี่ยคิดว่าไห่ลั่วหลันเป็นสมาชิกคนสำคัญที่สุด ฟางหยวนก็คิดเช่นเดียวกัน

ต่อมาเป็นไป่หนิงปิง

“แม้เจ้าจะไม่มาหาข้า ข้าก็จะตามหาเจ้า” ไป่หนิงปิงเริ่มกล่าว

ทัศนคติของนางแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง นางยืนกอดอกและมองฟางหยวนอย่างไม่แยแส

“เจ้าเป็นศัตรูของวังสวรรค์ขณะที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป แผนการต่อไปของเจ้าคือสิ่งใด?” ไป่หนิงปิงถาม

ไป่หนิงปิงเข้าร่วมในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ตอนนี้นางอยู่ฝ่ายเดียวกับฟางหยวน ดังนั้นผู้อมตะภาคใต้จะไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน

“ก่อนอื่นข้าจะตรวจสอบทรัพยากรของนิกายเงา จากนั้นข้าจะเริ่มวางแผนทีละขั้นตอน” ฟางหยวนกล่าว

อาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ของภาคใต้หายไปแล้วขณะที่ตัวตนของวูอี้ไห่ถูกเปิดเผย ฟางหยวนสูญเสียทางลัดในการฝึกฝนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามหลังจากกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา สิ่งที่ฟางหยวนได้รับกลับยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท