เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1364

ตอนที่ 1364

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1364 ราชันมังกรเข้าสู่ความฝัน
ในเวลาต่อมา ราชันภูเขาม่วงดีดนิ้ว

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน แสงสีม่วงระเบิดออกไปในรัศมีหลายพันก้าว

การเคลื่อนที่ของราชันมังกรหยุดลง เขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาเพื่อเข้าใกล้ราชันภูเขาม่วงได้อีกต่อไป

‘เขามองเห็นมันและสามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว…การต่อสู้กับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่เปลี่ยน’ ราชันมังกรหยุดการโจมตีของเขาและถอนหายใจ

การเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาของเขาเกิดการเสียงคำรามของมังกรก่อนหน้านี้ ทุกที่ที่เสียงคำรามไปถึง เขาสามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ไปที่นั่น

แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดด้านเวลา

ราชันภูเขาม่วงมองเห็นสิ่งนี้และใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเลียนแบบผลกระทบนเส้นทางแห่งเสียงเพื่อชำระล้างสภาพแวดล้อม

นั่นทำให้ราชันมังกรไม่สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาได้อีก

“เช่นนั้นลองวิธีนี้” ราชันมังกรเปิดปากขณะที่เขี้ยวมังกรสองซี่หลุดออกมา

หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นดาบโค้งสีขาว

ท่าไม้ตายอมตะ ดาบโค้งเขี้ยวมังกร!

ดาบโค้งสองเล่มพุ่งเข้าโจมตีราชันภูเขาม่วงทันที

ดาบโค้งเขี้ยวมังกรหมุนวนอยู่รอบๆราชันภูเขาม่วง ทุกครั้งที่พวกมันโจมตีจะมีแสงดาบอันแหลมคมส่องประกายขึ้นบนร่างของราชันภูเขาม่วง

‘ใช้วิธีนี้เพื่อหยุดข้างั้นหรือ?’

‘เขี้ยวมังกร…พวกมันแข็งแกร่งมาก นี่ต่างจากท่าไม้ตายอมตะทั่วไป’

ราชันภูเขาม่วงรู้สึกถึงแรงกดดัน

พลังอำนาจของเขี้ยวมังกรไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ราชันภูเขาม่วงตระหนักได้ว่าเขาต้องจัดการท่าไม้ตายอมตะนี้อย่างรวดเร็วที่สุด

…..

‘ท่านสีม่วงใช้ทักษะที่แท้จริงออกมาแล้ว แต่ท่านยังถูกปราบปรามโดยราชันมังกร’ อิงอู๋เซี่ยบินไปข้างหน้าและสังเกตการต่อสู้ของราชันภูเขาม่วงกับราชันมังกร

เห็นได้ชัดว่าราชันมังกรแข็งแกร่งกว่าราชันภูเขาม่วง

ในแง่ของพลังการต่อสู้ ราชันมังกรเทียบเท่ากับโป้ชิง แม้ราชันภูเขาม่วงจะเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกันแต่เขายังอ่อนแอกว่าโดยธรรมชาติ

‘พลังการต่อสู้ของท่านสีม่วงลดลงมาก นี่เป็นเพราะท่านใช้ท่าไม้ตายอมตะสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมากเพื่อจัดการอาณาจักรแห่งความฝัน ระหว่างกระบวนการนี้ท่านต้องแบ่งดวงวิญญาณของตนเองออกมา นี่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก!’

อิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความกังวล

ราชันภูเขาม่วงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกรตั้งแต่แรก แต่ก่อนหน้านี้เขายังต้องสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมาก นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขายิ่งลดน้อยลงไปอีก เมื่อเวลาผ่านไป ราชันภูเขาม่วงจะพ่ายแพ้ในที่สุด

‘เร็ว เร็ว เร็ว!’ อิงอู๋เซี่ยกระตุ้นตนเอง

เขาจะไม่บอกเรื่องนี้กับฟางหยวนแม้พวกเขาจะทำงานร่วมกัน

โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูลใดๆ อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถไว้ใจฟางหยวนได้อย่างเต็มที่

แต่กระทั่งเขาจะต้องการทำข้อตกลง สถานการณ์ก็ไม่อนุญาตให้พวกเขาทำ และแม้พวกเขาจะทำได้ ฟางหยวนก็จะไม่ทำข้อตกลงดังกล่าว

ทั้งสองฝ่ายต้องการสร้างความร่วมมือแต่พวกเขาก็ไม่สามารถไว้ใจกันอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามเพราะศัตรูคือวังสวรรค์ พวกเขาจึงต้องสร้างความร่วมมือ

“พบแล้ว ทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีรังไหมกำลังก่อตัวขึ้น ไปที่นั่นเร็วเข้า” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนถ่ายทอดเสียง

อิงอู๋เซี่ยมองไปในทิศทางนั้นและรู้สึกลังเล

หากเขาทำตามคำแนะนำของฟางหยวน เขาต้องเข้าไปในอาณาเขตของผู้อมตะภาคใต้ มีผู้อมตะภาคใต้อยู่ที่นั่นมากมาย

ฟางหยวนสามารถเชื่อถือได้หรือไม่? นี่เป็นกับดักหรือไม่?

“หากข้าต้องการทำร้ายเจ้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว!” ฟางหยวนกล่าวราวกับรู้ความคิดของอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยต้องยอมรับว่าฟางหยวนพูดเรื่องจริง เขาคิด ‘บางทีฟางหยวนอาจไม่ต้องการฆ่าข้าแต่ต้องการจับข้าทั้งเป็น หากเขาต้องการจับข้า เขาต้องเตรียมการ มีค่ายกลวิญญาณหรือท่าไม้ตายเขตแดนอยู่ที่นั่นหรือไม่?’

แต่คราวนี้อิงอู๋เซี่ยกลับส่ายศีรษะและเลิกลังเล

เขาต้องเดิมพัน

นาทีนี้เขาต้องเดิมพันเท่านั้น!

เขาบินไปยังทิศทางที่ฟางหยวนชี้นำ

ในไม่ช้าเขาก็พบผู้อมตะภาคใต้

‘บัดซบ!’ หัวใจของอิงอู๋เซี่ยเต้นแรง

ผู้อมตะภาคใต้พบเขาเช่นกัน

แต่เมื่อเขากำลังจะพุ่งเข้าโจมตีอิงอู๋เซี่ย ใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป หลังจากลังเลใจ เขาบินหนีไปด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” อิงอู๋เซี่ยตะลึง

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

พวกเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนงั้นหรือ?

แล้วเหตุใดเขาถึงแสดงออกเช่นนั้น เขาดูไม่เต็มใจและกระทั่งโกรธเล็กน้อย

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกสับสนมากขึ้น

เขายังเดินหน้าต่อไปและพบผู้อมตะภาคใต้คนที่สาม คนที่สี่ แต่คนทั้งสองก็ทิ้งเขาไปเช่นกัน

แน่นอนว่านี่เป็นการจัดการของฟางหยวน

เขาส่งผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมดออกไปโดยใช้ข้ออ้างเรื่องภาพรวม

ตัวอย่างเช่น สถานที่นั้นต้องการเจ้ามากกว่า พันธมิตรกำลังตกอยู่ในอันตราย หากเจ้าไม่ไป พวกเขาจะตาย และ เพิกเฉยต่อผีอมตะระดับหก ข้าส่งคนอื่นมาจัดการเขาแล้ว

ด้วยข้ออ้างที่สมเหตุสมผล ทำให้อิงอู๋เซี่ยเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้โดยปราศจากอุปสรรค

ไม่มีผู้ใดคาดหวังว่าวูอี้ไห่จะร่วมมือกับนิกายเงา

ในเวลานี้วังสวรรค์ยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน แล้วผู้อมตะภาคใต้จะคาดคิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร?

ด้วยความช่วยเหลือจากฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ

“หือ มีรังไหมอยู่ที่นี่จริงๆ” ผู้อมตะระดับเจ็ดอี้ไห่ถิงค้นพบอย่างกะทันหัน

เขาบินเข้าไปหารังไหมแสง

“หยุด!” อิงอู๋เซี่ยที่พึ่งมาถึงตะโกนเสียงดัง

อี้ไห่ถิงแปลกใจ “ผู้ใด? เขาเป็นผู้สร้างมันงั้นหรือ?”

อี้ไห่ถิงไม่สนใจอิงอู๋เซี่ยและยังบินเข้าไปหารังไหมแสง

แต่ในเวลาต่อมาวิสัยทัศน์ของอี้ไห่ถิงกลับเปลี่ยนแปลงไป

เขาถูกเคลื่อนย้ายสถานที่โดยพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณ

“วูอี้ไห่! ข้ากำลังจะ…” อี้ไห่ถิงตระหนักถึงเรื่องนี้และตะโกน

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะประสบความสำเร็จในการกำจัดรังไหมแสง แต่ฟางหยวนกลับกลายเป็นอุปสรรค

“ข้ารู้ แต่ที่อื่นต้องการเจ้ามากกว่า อย่ากังวล ข้าสังเหตเห็นศัตรูแล้ว ข้าจะจัดการเขาเอง” ฟางหยวนขัดจังหวะอี้ไห่ถึง

อี้ไห่ถิงต้องการกล่าวมากกว่านี้แต่วิสัยทัศน์ของเขากลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น!

“วูอี้ไห่ผู้นี้ เขาคิดว่าเขาสามารถใช้ข้าเป็นตัวหมากเบี้ยเพราะเขาควบคุมค่ายกลวิญญาณงั้นหรือ? ฮืม!” อี้ไห่ถิงไม่มีความสุขแต่เขาก็ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาของฟางหยวน

ฟางหยวนไม่ได้เคลื่อนย้ายเขาแบบสุ่มแต่มีผู้อมตะภาคใต้บางคนกำลังจะตายเพราะเทพธิดาเมี่ยวหยินอยู่จริงๆ

อี้ไห่ถิงเข้าสู่การต่อสู้และลืมความไม่พอใจที่มีต่อฟางหยวนไปอย่างรวดเร็ว

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน

ก่อนหน้านี้เมื่อเห็นอี้ไห่ถิงกำลังจะประสบความสำเร็จ เขารู้สึกสิ้นหวังมาก

แต่ในวินาทีต่อมา เขากลับทะยานจากขุมนรกขึ้นสู่สรวงสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกะทันหันเกินไป

มันทำให้อิงอู่เซี่ยรู้สึกมึนงงเล็กน้อย

เขากรีดร้องเมื่อคิดถึงบางสิ่ง “แท้จริงแล้วเจ้าสามารถควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด! ตอนนี้เจ้าคือผู้ใดกันแน่?”

ฟางหยวนรู้ว่าไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ “จะเป็นผู้ใดได้ ข้าคือวูอี้ไห่”

ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยแทบหลุดออกมาจากเบ้า

คำตอบนี้น่าทึ่งเกินไป ฟางหยวนมาถึงจุดนี้ได้ด้วยวิธีใด

หลังจากยอมรับความจริงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยก็เข้าใจทุกสิ่ง

ไม่แปลกเลยที่ผู้อมตะภาคใต้เปิดทางให้เขา อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่ามันเป็นการแสดงที่น่าขันมาก

แต่ไม่นานเขาก็เริ่มกังวล

‘ฟางหยวนมีท่าไม้ตายคลี่คลายความฝัน เขาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานโดยไม่มีผู้ใดรู้ เขามีแผนการที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องได้รับกำไรมหาศาลอย่างแน่นอน!’

‘เกือบแล้ว หากไม่ใช่เพราะแผนการของท่านสีม่วง ฟางหยวนอาจอยู่ที่นี่ต่อไปอีกนาน และนั่นจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนิกายเงา’

อารมณ์ของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความตระหนักรู้และความกังวล แต่ในที่สุดเขาก็มาถึงรังไหมแสง

“กลิ่นอายนี้ รังไหมระดับเจ็ด!” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก

“ข้าจะเลือกผิดได้อย่างไร? แล้วเจ้ารอสิ่งใดอยู่?” ฟางหยวนหัวเราะ

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขา

ท่าไม้ตายนี้ส่งผลกระทบทันที

ดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ยและวิญญาณของเขาพุ่งเข้าสู่รังไหมแสง

ในเวลาเดียวกันร่างผีดิบอมตะระดับหกก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

รังไหมแสงแตกออกขณะที่อิงอู๋เซี่ยในร่างกายาแห่งความฝันระดับเจ็ดปรากฏตัวขึ้น

“อย่าขัดขืน ข้าจะส่งเจ้าไปเดี๋ยวนี้” เสียงของฟางหยวนดังขึ้นในใจของอิงอู๋เซี่ย

ในช่วงเวลาต่อมาอิงอู๋เซี่ยจึงถูกเคลื่อนย้ายไปยังสนามรบของราชันมังกรและราชันภูเขาม่วง

โดยปราศจากความลังเล อิงอู๋เซี่ยใช้ไพ่ตายของเขาทันที

นำวิญญาณสู่ความฝัน!

“หือ!?” การแสดงออกของราชันมังกรเปลี่ยนไปขณะที่เขาถูกลากเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

ราชันภูเขาม่วงตะลึง “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ในเวลาต่อมาเขาได้รับการถ่ายทอดเสียงจากอิงอู๋เซี่ย “ข้าอยู่ที่นี่ ท่านสีม่วง ตอนนี้ข้าอยู่ในร่างกายาแห่งความฝันระดับเจ็ด!”

“ดี” ราชันภูเขาม่วงดีใจมาก ในที่สุดไพ่ตายของเขาก็ถูกใช้งาน

“หลังจากผ่านอุปสรรคมากมาย ข้าได้รับร่างนี้มาด้วยความช่วยเหลือจากฟางหยวน ปัจจุบันเขาคือวูอี้ไห่ เขากำลังควบคุมค่ายกลวิญญาณของผู้อมตะภาคใต้ เขาต้องการร่วมมือกับพวกเรา!”

“โอ้!?” ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น “ยอดเยี่ยม ส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้เขา เราจะคุยกัน”

เมื่อฟางหยวนร่วมมือกับนิกายเงา สถานการณ์ดูเหมือนจะพลิกกลับในที่สุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท