เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1365

ตอนที่ 1365

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1365 เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาว
ราชันมังกรเข้าสู่ความฝัน

ด้วยร่างกายาแห่งความฝันระดับเจ็ด อิงอู๋เซี่ยสามารถระเบิดความแข็งแกร่งออกมาและเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ระหว่างสองผู้อมตะระดับแปด

ราชันมังกรติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและไม่สามารถหลบหนี

ราชันภูเขาม่วงฉวยโอกาสนี้ตอบโต้

“ไม่สำนึกจริงๆ!”

“ปีศาจที่โง่เขลา เจ้าไม่มีทางรอดแล้ว!” เสียงของเทพธิดาจื่อเว่ยดังขึ้นในค่ายกลวิญญาณอีกครั้ง

ฟางหยวนช่วยอิงอู๋เซี่ยและทำให้ราชันมังกรเข้าสู่ความฝันทางอ้อม เทพธิดาจื่อเว่ยเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าคิดว่าท่านราชันมังกรจะล้มเหลวเพราะเหตุนี้ เจ้าคิดผิดทั้งหมด”

หลังกล่าวจบคำ เทพธิดาจื่อเว่ยก็หัวเราะ “ข้าต้องขอบคุณเจ้า หลายครั้งที่เจ้าใช้ค่ายกลวิญญาณ มันทำให้ข้าได้เห็นการดำเนินการที่หลากหลายของค่ายกลวิญญาณ เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าเจ้ากำลังสูญเสียการควบคุมค่ายกลวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ?”

“ความเร็วในการบุกของเจ้าเพิ่มขึ้น แต่อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถหลอกลวงข้า” ฟางหยวนเย้ยหยัน

เทพธิดาจื่อเว่ยมึนงง “หือ?”

“แม้พวกเจ้าจะมาที่นี่อย่างสง่างาม แต่กำลังรบของพวกเจ้ามีเพียงเท่านี้” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

“ความจริงก็คือตราบเท่าที่ผู้อมตะระดับแปดเช่นเจ้าอีกคนปรากฏตัว พวกเจ้าก็จะสามารถกวาดล้างสนามรบได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่วังสวรรค์ไม่ได้ส่งผู้อื่นมา”

“ในความเป็นจริง เจ้ายังต้องลอบเข้ามาในค่ายกลวิญญาณอย่างลับๆ ขณะที่ราชันมังกรต้องไปต่อสู้เป็นการส่วนตัว”

“แม้เจ้าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า แต่เจ้าไม่ได้เปิดเผยตัวตนของข้าทันที ตัวตนของข้ายังเป็นความลับ”

“นอกจากไม่มีหลักฐาน ความตั้งใจของเจ้าก็คือหยิบยืมพลังของผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพื่อจัดการนิกายเงา ถูกต้องหรือไม่?”

“และยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง แม้เจ้าจะเปิดเผยตัวตนของข้าและโน้มน้ามผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณนี้ก็ยังอยู่ในการควบคุมของข้า จุดสำคัญนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากตัวตนของข้า”

“เจ้ามาที่ค่ายกลวิญญาณนี้เพื่อชิงตัวหมากที่ยิ่งใหญ่ตัวนี้”

“ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าวังสวรรค์ของเจ้ากำลังหลอกลวง พวกเจ้าขาดแคลนกำลังรบระดับแปด”

เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบ

นางนึกถึงฉากเหตุการณ์เมื่อสองสามวันก่อน

ย้อนกลับไปนางกำลังเรียนรู้คฤหาสน์วิญญาณอมตะกระดานหมากรุกกลุ่มดาว

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เคยอยู่ในคลังสมบัติของวังสวรรค์ หลังจากราชันมังกรตื่นขึ้น เขามีอำนาจที่จะนำมันออกมาให้เทพธิดาจื่อเว่ยใช้งาน

หลังจากเรียนรู้มัน เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้

‘มันสมควรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะกลุ่มดาวจริงๆ มันช่วยให้ความสามารถในการอนุมานของข้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า’

เมื่อคิดถึงเทพอมตะกลุ่มดาว เทพธิดาจื่อเผยแสดงออกด้วยความชื่นชม

มันทำให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกราวกับนางคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน

‘น่าเสียดายที่แม้การอนุมานของข้าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ข้ายังต้องการข้อมูลและเบาะแสมากกว่านี้ มิฉะนั้นมันจะเป็นเรื่องยากในการอนุมาน’ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยมืดมนลง

นางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เมื่อกลุ่มผู้อมตะภาคกลางถูกไล่ล่าโดยปีศาจอมตะเซี่ยหูและกองกำลังถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาพยายามปกปิดเบาะแสและป้องกันไม่ให้เทพธิดาจื่อเว่ยอนุมานตำแหน่งของกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง ดังนั้นกำลังเสริมจึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา

นางยังคิดถึงฟางหยวน เป้าหมายที่วังสวรรค์ต้องการสังหารมาตลอด

แต่พวกนางยังขาดเงื่อนงำเกี่ยวกับเขา

นางสรุปว่าฟางหยวนมีวิธีป้องกันและสามารถต่อต้านการอนุมาน

ดังนั้นวังสวรรค์จึงไม่เคยรู้ที่อยู่ของฟางหยวน

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

แต่ในจังหวะนั้นกระดานหมากรุกกลุ่มดาวในมือของนางกลับเริ่มดูดกลืนพลังงานอมตะของนางและทำงานด้วยตัวของมันเอง

เจตจำนงแห่งสวรรค์จำนวนหนึ่งพุ่งออกมาจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาวและกลายเป็นเทพอมตะกลุ่มดาว

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจมาก

กระดานหมากรุกกลุ่มดาวเป็นสมบัติของเทพอมตะกลุ่มดาว แต่นางเสียชีวิตไปนานแล้ว ตอนนี้เทพธิดาจื่อเว่ยเพียงหยิบยืมมันมาเท่านั้น

“จื่อเว่ย นี่คือเทพอมตะกลุ่มดาว เหตุใดถึงไม่แสดงความเคารพ?” ราชันมังกรเดินเข้ามาด้านหลังเทพธิดาจื่อเว่ย

“แต่นี่คือเจตจำนงสวรรค์” เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา นางสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด

“แน่นอนว่านี่คือเจตจำนงสวรรค์ เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้าไม่รู้ความลับเรื่องนี้ เทพอมตะกลุ่มดาวได้หลอมรวมเข้ากับเจตจำนงสวรรค์มานานแล้ว แม้ร่างของท่านจะสูญสิ้น แต่เจตจำนงของท่านก็รวมเป็นหนึ่งกับสวรรค์พิภพ!”

เทพธิดาจื่อเว่ยงุ่นงงและตกใจมาก

“นี่หมายความว่าเทพอมตะกลุ่มดาวมีชีวิตนิรันดร์เช่นนั้นหรือ? หากเจตจำนงสวรรค์คือเทพอมตะกลุ่มดาว เช่นนั้นทั้งโลกก็ต้องอยู่ข้างวังสวรรค์มิใช่หรือ?”

ราชันมังกรส่ายศีรษะ “เจ้าควรกล่าวว่าวังสวรรค์อยู่ข้างเจตจำนงสวรรค์ หลังจากหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ เทพอมตะกลุ่มดาวก็ไม่ใช่ตัวท่านเองอีกต่อไป นี่เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อมวลมนุษยชาติ! หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์ได้รับประโยชน์มหาศาล แต่แก่นแท้ของมันยังเป็นเจตจำนงสวรรค์”

เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถทำความเข้าใจอย่างรวดเร็ว

เทพอมตะกลุ่มดาวเสียสละตนเองเพื่อมวลมนุษยชาติ

แก่นแท้ของเจตจำนงสวรรค์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่บางสิ่งถูกดัดแปลงโดยเทพอมตะกลุ่มดาว ตัวอย่างเช่นรูปแบบที่มันใช้และบางทีอาจรวมถึงคำใบ้ที่วังสวรรค์ได้รับ

นี่อาจเป็นเหตุผลว่าเหตุใดวังสวรรค์จึงปฏิบัติตามความต้องการของเจตจำนงสวรรค์ และหลังจากหลายชั่วอายุคน วังสวรรค์ก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง

“ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ห้าภูมิภาคจะกลายเป็นหนึ่ง โชคชะตาได้มาถึงจุดสำคัญแล้ว” เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวและยื่นมือขวาออกมา

บนฝ่ามือของนาง ภาพค่ายกลวิญญาณของภาคใต้ปรากฏขึ้น

“ที่นี่”

“การต่อสู้ครั้งสำคัญกำลังจะคลี่คลาย ผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลก”

“เทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก นิกายเงาจะรวบรวมผู้คนไปที่นั่น ฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่และผสานตัวอยู่ในกลุ่มผู้อมตะภาคใต้”

“นี่คือกลุ่มคนที่ท้าทายต่อโชคชะตา ที่มาของความโกลาหล กำจัดพวกเขาและซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม”

“อย่างไรก็ตามวังสวรรค์จะอนุญาตให้พวกเจ้าสองคนเข้าสู่การต่อสู้ครั้งนี้เท่านั้น”

เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวอย่างชัดเจน

“เพราะเหตุใด?”

วังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกมาก ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน พวกเขาค้นพบมันช้าเกินไป นั่นทำให้ผู้อมตะระดับแปดที่ตื่นขึ้นไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์

แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเขามีเวลาเหลือเฟือ วังสวรรค์มีเวลาเตรียมตัวอีกมาก พวกเขาสามารถรวบรวมกำลังรบทั้งหมดเพื่อบดขยี้ศัตรู

อย่างไรก็ตามเทพอมตะกลุ่มดาวกลับบอกให้เทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรออกไปต่อสู้เพียงสองคน

“นี่คือโชคชะตา”

“หลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ความไม่แน่นอนของโชคชะตาลดลงมาก ตอนนี้วิญญาณชะตากรรมฟื้นคืนแล้ว โชคชะตากลับมาควบคุมโลกใบนี้อีกครั้ง”

“คราวนี้พวกเจ้าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”

“อย่ารบกวนการจำศีลของผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขามีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต รากฐานของวังสวรรค์จะอ่อนแอลงกว่านี้ไม่ได้ มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะรุนแรงมาก”

“นำหอคอยดวงตาสวรรค์และกระดานหมากรุกกลุ่มดาวออกไป ไม่ควรระดมกำลังผู้อมตะจากสิบนิกายโบาณของภาคกลางหากไม่จำเป็น จำไว้ว่าอีกสิบปีข้างหน้าวังสวรรค์จะต้องการผู้อมตะระดับแปดอีกมาก จำไว้ จำไว้…”

เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวแนะนำ

เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับข้อมูลมากมายแต่ตอนนี้นางเริ่มสับสน

นางพบว่าแม้นางจะเป็นสมาชิกของวังสวรรค์แต่แท้จริงแล้วนางแทบไม่รู้สิ่งใดเลย

องค์กรขนาดใหญ่นี้มีรากฐานที่ลึกล้ำแต่ไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้อย่างอิสระ

ผู้อมตะของวังสวรรค์กำลังจำศีล นอกเหนือจากการรักษาชีวิต ดูเหมือนพวกเขายังมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่ารออยู่

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท