เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1371

ตอนที่ 1371

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1371 ความตายของราชันภูเขาม่วง (1)
“ให้ข้าเป็นผู้นำนิกายเงา?” ฟางหยวนตะลึง

เหลือเชื่อ!

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะพัฒนามาเป็นเช่นนี้

‘ข้าเป็นศัตรูกับนิกายเงา ข้ายังฉกชิงวิญญาณทารกอมตะมาจากพวกเขา’

‘เหตุใดราชันภูเขาม่วงถึงทำเช่นนี้?’

‘เขามีแผนการใด?’

ความคิดมากมายปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน

“ราชันภูเขาม่วง นี่หมายความว่าอย่างไร?” ฟางหยวนถาม

ราชันภูเขาม่วงอธิบาย “ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางหยวน อย่ากังวลว่านี่จะเป็นแผนการ ไม่มีสิ่งใด มันเป็นเพียงเพราะข้ากำลังจะตาย! ร่างหลักของข้าถูกจับ ราชันมังกรอยู่ที่นี่ เขาจะจัดการข้าและดูดซับผลประโยชยน์จากข้า”

“ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ฟางหยวน!”

“วังสวรรค์ต้องการเป็นผู้นำของห้าภูมิภาคและปกครองมวลมนุษยชาติทั้งหมด”

“วังสวรรค์จะไม่ปล่อยเจ้าไปเพราะเจ้าไม่ใช่จ้าวเหยียนหลุน เจ้าคือปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เจ้ามีมิติช่องว่างจักรพรรดิตลอดถึงมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค!”

“เจ้าไม่ใช่คนของโลกใบนี้ เจ้าเป็นผู้ท้าทายต่อโชคชะตา ที่มาของเจ้าไม่สามารถตรวจสอบ เจ้าเป็นความไม่แน่นอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสวรรค์พิภพ”

“เจ้าเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของวังสวรรค์ หากเจ้าไม่กำจัดวังสวรรค์ พวกเขาก็จะกำจัดเจ้า!”

“นิกายเงาของข้าท้าทายสวรรค์ วังสวรรค์จึงเป็นอุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา แต่กระทั่งเราจะพ่ายแพ้ ข้าก็ยินดีมอบทุกสิ่งของข้าให้เจ้ามากกว่าศัตรูของเรา ฮ่าฮ่าฮ่า”

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะ

ฟางหยวนไตร่ตรอง ‘แม้จะตายก็ไม่ยอมให้ศัตรูมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามข้าต้องตรวจสอบบางอย่าง’

เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงถามราชันภูเขาม่วง “ท่านเคยกล่าวไว้ว่าร่างทารกอมตะมีข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ มันคือสิ่งใด?”

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะคิกคัก “เจ้าไม่สังเกตเห็นข้อบกพร่องนี้งั้นหรือ? เดาไม่ยาก คำตอบคืออาหาร ร่างทารกอมตะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้มันจะมีเลือดเนื้อ แต่แก่นแท้ของมันก็คือวิญญาณอมตะระดับเก้า ตั้งแต่มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันก็จำเป็นต้องกินอาหาร!”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเจิดจ้า “ข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่ข้าอยากถามก็คืออาหารของมันคือสิ่งใด?”

ราชันภูเขาม่วงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าเดาไม่ได้จริงๆงั้นหรือ? เจ้าเพียงทดสอบความจริงใจของข้า แต่ข้าจะบอกเจ้า”

ราชันภูเขาม่วงบอกคำตอบแก่ฟางหยวนและทำให้เขาต้องสูดหายใจลึก

อาหารของร่างทารกอมตะคือสิ่งที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้

‘ในกรณีนี้ข้าก็มีปัญหาใหญ่จริงๆ’

‘แต่ราชันภูเขาม่วงบอกข้าอย่างตรงไปตรงมา เขาดูมีความจริงใจ…’

ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา กองทัพอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกรราวกับคลื่นยักษ์

แต่ราชันมังกรแข็งแกร่งมาก โดยไม่คำนึงถึงระดับการบ่มเพาะ อสูรวิญญาณทั้งหมดถูกกำจัดด้วยการสบัดกรงเล็บของราชันมังกร

ร่างของอสูรวิญญาณถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆอย่างไม่สามารถต่อต้าน

อสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลราวกับเต้าหู้อันอ่อนนุ่มที่ถูกทำลายอย่างไร้ปรานี

“ขยะ แม้จะส่งมามากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์” ราชันมังกรลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยดวงตาที่ส่องประกายเย็นเยียบ

ในรัศมีหนึ่งพันก้าวปราศจากสิ่งมีชีวิต ซากศพอสูรวิญญาณจำนวนมากกองรวมกันอยู่รอบๆ

ราชันภูเขาม่วงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกองทัพอสูรวิญญาณ

แม้ราชันมังกรจะถูกปิดล้อมโดยกองทัพอสูรวิญญาณ แต่เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ

เขามองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีประตูแห่งชีวิตและความตายตั้งอยู่ ประตูเปิดออกและปล่อยอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาราวกับน้ำพุธรรมชาติ

อสูรวิญญาณเหล่านี้ถูกควบคุมโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณในระดับหนึ่ง พวกมันภักดีต่อนิกายเงาอย่างไม่น่าเชื่อและไม่สนใจการเสียสละ พวกมันยังฟังคำสั่งของราชันภูเขาม่วงและโจมตีราชันมังกรแม้จะเป็นการต่อสู้ที่สิ้นหวังก็ตาม

‘ประตูแห่งชีวิตและความตาย…’ ราชันมังกรครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน

นี่ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

มันเป็นหนึ่งในเป้าหมายของราชันมังกรในการเดินทางครั้งนี้

‘หลังจากได้รับประตูแห่งชีวิตและความตาย เมื่อวิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ รูปแบบชีวิตที่ตายจะต้องเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายโดยปราศจากข้อยกเว้น’

‘เมื่อเวลานั้นมาถึง วังสวรรค์จะเป็นกฎของโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์!’

จากมุมมองของราชันมังกร หากเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสาม แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาจะพังทลายลงอย่างง่ายดาย

แต่เขาไม่ต้องการทำลายประตูแห่งชีวิตและความตาย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้วิธีอื่น

“บึม!”

ราชันมังกรอาละวาดไปรอบๆ

‘เพียงร่างแยก เจ้าคิดว่าสามารถหลบซ่อนงั้นหรือ?’ ราชันมังกรกล่าวและตบมือ

“ครืน…”

ภูเขาโปร่งแสงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากกระแสอาการกดทับลงมา

ราชันภูเขาม่วงกัดฟันแน่น เขาต้องแสดงตัวออกมาเพื่อต่อต้านมัน

ทั้งสองต่อสู้กัน ราชันภูเขาม่วงกระอักเลือกและถูกส่งลอยกลับหลังราวกับว่าวสายป่านขาด

‘เจ้าจะขัดขืนเพื่อสิ่งใด? เจ้ายังมีความหวังอยู่อีกงั้นหรือ?” ราชันมังกรก่นเสียงเย็น เขาโจมตีต่ออย่างไร้ปรานี

“ความหวัง ฮ่าฮ่าฮ่า” ราชันภูเขาม่วงรู้ว่าเขาไม่มีทางรอด นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเขา

แสนปีก่อน

เจ็ดชีวิตออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย

“ในที่สุดเราก็สามารถออกมา เราฟื้นคืนชีพแล้ว!”

“มีพวกเราเพียงเจ็ดคนเท่านั้น”

“โชคดีที่แม่น้ำหวนคืนไม่ได้อยู่ที่นั่น มิฉะนั้นพวกเราจะออกมาได้อย่างไร?”

“ตอนนี้เทพอมตะสวรรค์พิภพตายไปแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราแบกรับความหวังของร่างหลักเอาไว้!”

ในปีนั้นนิกายเงาก่อตั้งขึ้น ร่างแยกรุ่นแรกรู้จักกันในชื่อของสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีม่วง

“ดังนั้นข้าก็คือสีม่วง” ราชันภูเขาม่วงมองผิวน้ำและเห็นภาพสะท้อนของตนเอง “มาเริ่มบ่มเพาะกันเถอะ เราต้องการความแข็งแกร่ง!”

…..

หลายปีต่อมา

“บึม!”

การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้ค่ายกลวิญญาณแตกเป็นเสี่ยงๆ

“ดังคาด สีม่วง เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ เราสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของเทพปีศาจไร้ขอบเขต” สีเหลืองหัวเราะเสียงดัง

สีเหลืองตบไหล่สีม่วง “สีม่วง ท่ามกลางพวกเรา เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา ตอนนี้ความสำเร็จของเจ้าอยู่ในระดับใด?”

“ปรมาจารย์เอก” สีม่วงตอบอย่างตรงไปตรงมา

สีเหลืองอ้าปากค้าง “สวรรค์ เจ้าเป็นปรมาจารย์เอกคนแรกในกลุ่มพวกเรา!”

สีม่วงมองสีเหลือง “มีสิ่งใดต้องประหลาดใจ อย่าลืมว่าเราเป็นร่างแยกของร่างหลัก เรามีประสบการณ์ส่วนหนึ่งของร่างหลัก”

สีเหลืองพยักหน้า “ถูกต้อง สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือมรดกไร้ขอบเขตนี้ เราผ่านบททดสอบสุดท้ายของเทพปีศาจไร้ขอบเขตแล้ว มรดกที่แท้จริงนี้เป็นของเรา”

“ถูกต้อง ด้วยวิธีนี้ความหวังของเราจะเพิ่มขึ้น” สีม่วงเผยรอยยิ้มบาง “หากมันเป็นไปได้ด้วยดี เราจะได้รับมรดกและทรัพยาการมากขึ้น เราจะแข็งแกร่งขึ้นและสามารถปูทางให้กับร่างหลัก”

…..

หลายปีผ่านไป

“เจตจำนงสวรรค์! ผู้ใดจะคิดว่ามันทรงพลังถึงเพียงนี้ กระทั่งสีฟ้ายังพ่ายแพ้ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?”

“ระดับการบ่มเพาะของเราสูงขึ้น กองกำลังของนิกายเงาแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่เจตจำนงสวรรค์เล็งเป้ามาที่พวกเรา หลังจากนี้เราจะพบปัญหาใหญ่”

“ข้ามีวิธีจัดการเรื่องของสีฟ้า นั่นคือการหลอมรวมวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญา สำหรับเจตจำนงสวรรค์…ข้าจะคิดหาวิธี” สีม่วงกล่าว

…..

“แม้สีฟ้าจะไม่ถูกผูกมัดด้วยความรักอีกต่อไป แต่ความพยายามในการก้าวเข้าสู่ระดับเก้าของเขาก็ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์”

“เราสามารถทำสิ่งใดได้อีก”

“เราจะต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ได้อย่างไร?”

สีม่วงพยายามหาทางอย่างเต็มที่

และในที่สุดเขาก็พบวิธี

“หลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ ข้าจะเป็นส่วนหนึ่งของเจตจำนงสวรรค์ชั่วคราว”

“แม้จะอันตราย แต่มันเป็นความคิดที่ดี เราจะแทรกซึมเข้าไปและเรียนรู้แผนการของเจตจำนงสวรค์”

“แต่มีบางสิ่งที่ต้องระวัง หากหลอมรวมกับมันนานเกินไป เจตจำนงสวรรค์อาจครอบงำข้า ข้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเจตจำนงสวรรค์จริงๆ”

“ข้าต้องหาทางรักษาสติของตน”

หลังจากอนุมานอย่างยากลำบาก

“ฮืม ในที่สุดข้าก็มีวิธี ข้าจะตั้งชื่อมันว่าผลึกหินทองม่วง เพื่อต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ แม้จะมีความหวังเพียงเล็กน้อย ข้าก็ยังต้องทำ แค๊ก แค๊ก”

เขาไอออกมาเป็นเลือด

…..

เวลาผ่านไปอีกครั้ง

ผลึกหินทองม่วงแตกออก สีม่วงตื่นขึ้น

“ที่นี่ที่ใด นานเท่าใดแล้ว?” เขามองสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักและตกตะลึง

“ร่างแยกรุ่นแรกเสียชีวิตเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คน พวกเขาเป็นเหมือนข้าที่แทบไม่สามารถรักษาชีวิต เห้อ…โชคดีที่นิกายเงาพัฒนาไปได้ด้วยดี”

สีม่วงถอนหายใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“เจตจำนงสวรรค์” ใบหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม

…..

“ท่านปู่ เชิญดื่มน้ำ” วันหนึ่งสีม่วงพบกับคู่เจ้านายกับคนรับใช้

เด็กหญิงสวมชุดหรูหรามากับสาวใช้กล้ามโต

“คุณหนูสาม อย่าเข้าใกล้ขอทานเฒ่า ท่านใจดีเกินไป ขอทานเฒ่าผู้นี้ไม่ใช่สมาชิกในหมู่บ้านของเรา อย่าเข้าใกล้เขา” คนรับใช้หญิงมองสีม่วงและไม่ปกปิดกลิ่นอายของผู้ใช้วิญญาณ

สีม่วงมองตัวเองด้วยรอยยิ้มขมขื่น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท