เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1384

ตอนที่ 1384

“ฟิ้ว…”

กระแสลมแรงพัดมาพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายขึ้น

จากภายในแสง ร่างหนึ่งค่อยๆเดินออกมา

เขาอยู่ในชุดคลุมยาวที่ดูสง่างาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเขามังกรสีทองม่วงที่อยู่บนหน้าผากของเขา

เทพธิดาจื่อเว่ยรอคอยคนผู้นี้มานานแล้ว นางเร่งโค้งคำนับ “ท่านราชันมังกร”

เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากราชันมังกร

เขาเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

หอคอยดวงตาสวรรค์รวดเร็วมาก มันเคลื่อนที่ผ่านสวรรค์สีขาวและกลับมาถึงภาคกลางนานแล้ว

ผู้อมตะของนิกายโบราณทั้งสิบจากไปขณะที่ราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยกลับมายังวังสวรรค์

ตามคำแนะนำของราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ยใช้ค่ายกลวิญญาณของวังสวรรค์ตรวจสอบตัวตนของราชันมังกรเพื่อป้องกันการถูกครอบงำโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ

จากสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนเทพปีศาจจิตวิญญาณจะไม่ประสบความสำเร็จในการกลืนกินดวงวิญญาณของราชันมังกร

แต่…

ใบหน้าของราชันมังกรยังซีดขาว คิ้วของเขาขมวดแน่น ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ดวงวิญญาณของเขาจะสั่นไหว

“เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่สามารถดูแคลนจริงๆ แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขา ข้าต้องหยิบยืมพลังอำนาจของสุสานอมตะเพื่อกำหราบเขา” ราชันมังกรกล่าว “เทพธิดาจื่อเว่ย เจ้าต้องเป็นผู้นำวังสวรรค์และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดฟางหยวนและคนอื่นๆ”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ข้าแจ้งเตือนวูหยงและหยิบยืนความแข็งแกร่งของผู้อมตะภาคใต้เพื่อแยกกลุ่มของฟางหยวนแล้ว นอกจากนั้นข้ายังส่งจดหมายอีกฉบับถึงวูหยงเพื่อแจ้งตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของสมาชิกนิกายเงา ข้าคิดว่าเราจะได้รับข่าวดีภายในสองสามวันนี้”

ราชันมังกรพยักหน้าเบาๆและรู้สึกยินดีเล็กน้อย

นี่คือพลังอำนาจของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

พวกเขาสามารถมองเห็นจิตใจของผู้คนและสามารถวางแผนให้ผู้อื่นต่อสู้เพื่อตนเอง

เทพธิดาจื่อเว่ยมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา นางเป็นชนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด นี่คือเหตุผลที่นางได้รับการยอมรับจากวังสวรรค์ และด้วยการใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาว อาจกล่าวได้ว่านางกลายเป็นหนึ่งในผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบัน

เหตุผลที่ไม่สามารถกล่าวได้ว่านางเป็นอันดับหนึ่งเพราะโลกใบนี้กว้างใหญ่มาก มีผู้เชี่ยวชาญซ่อนตัวอยู่มากมาย กระทั่งวังสวรรค์ก็ยังไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน มีเพียงความโกลาหลครั้งใหญ่เท่านั้นจึงจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น

ก่อนหน้านี้เทพธิดาจื่อเว่ยไม่ประสบความสำเร็จมากนักเพราะนางยังขาดเบาะแสสำคัญ

ในเวลานั้นฟางหยวนป้องกันตนเองได้เป็นอย่างดี

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป

ราชันมังกรสั่ง “เราต้องกำจัดปีศาจฟางหยวนผู้นี้ เขาเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์และเป็นศัตรูโดยธรรมชาติเพียงหนึ่งเดียวของโชคชะตา เขาเป็นผู้สืบทอดที่เทพปีศาจบัวแดงรอคอยมาอย่างยาวนาน นอกจากเขาจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด เขายังจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”

“ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง วังสวรรค์ของเราจำเป็นต้องมีเทพอมตะคนที่สี่ เทพอมตะแห่งความฝันจะนำทางเรา เราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขจัดอุปสรรคทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฟางหยวน เทพอมตะตะวันเดือด หรือเทพปีศาบัวแดง”

“เราจะทำทุกสิ่งเพื่อเทพอมตะแห่งความฝัน จื่อเว่ย เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจ” เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ข้าเห็นด้วยกับท่าน ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ภาคใต้แล้ว”

“ดี” ราชันมังกรพยักหน้า เขาไม่พูดต่อแต่จากไปทันที

เทพธิดาจื่อเว่ยยืนมองราชันมังกรเดินเข้าไปในสุสานอมตะอย่างเงียบๆ

นางถอนหายใจก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายขึ้น

“วังสวรรค์จะต้องยิ่งใหญ่ที่สุด…ชั่วนิรันดร์!” นางพึมพำเบาๆ

…..

ภาคใต้

ร่างสีขาวพุ่งผ่านอากาศ

เสียงระเบิดดังขึ้นด้านหลังร่างนี้อย่างต่อเนื่อง

ร่างสีขาวสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดและยังสามารถตอบโต้

“ฟิ้ว…”

พายุหิมะและเกล็ดน้ำแข็งพุ่งออกไปและเปลี่ยนภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นแดนน้ำแข็ง

“ผู้อมตะระดับหกแต่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด? น่าสนใจ คู่ควรกับร่างสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืออย่างแท้จริง” ผู้อมตะระดับเจ็ดช่ายโป้จุนยกย่อง

“บึม!”

ชั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่บนร่างของเขาระเบิดออก

เขาเป็นชายร่างผอม ผิวดำ และมีดวงตาที่ดุร้าย

คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ในชุดคลุมขาวที่ดูงามสง่า

ผมสีเงินยาวลงมาถึงเอว ดวงตามังกรสีฟ้าส่องประกายเย็นเยียบ ผิวของนางขาวราวหิมะ ขณะที่การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา รูปลักษณ์ที่งดงามทำให้ช่ายโป้จุนรู้สึกหวั่นไหวเมื่อเขาเห็นหญิงผู้นี้เป็นครั้งแรก

ส่วนที่สะดุดตาที่สุดคือเขามังกรสีแดงคู่เล็กๆที่ดูน่ารักบนหน้าผากของผู้อมตะหญิงนางนี้

แน่นอนว่านางก็คือเทพธิดามังกรไป่หนิงปิง

หลังจากใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ฟางหยวนและคนอื่นๆถูกแยกออกจากกันภายใต้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยจื่อชิวหยู

ไป่หนิงปิงถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่และได้รับบาดเจ็บทันที นางต้องการไปยังจุดนัดพบแต่ถูกปิดกั้นโดยช่ายโป้จุน

ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ที่ดุเดือดจึงปะทุขึ้น

ทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบรอบผ่านระยะทางหลายร้อยลี้แต่ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะ

ดวงตาของทั้งสองจ้องมองกันและกัน

ไป่หนิงปิงมองผิวของช่ายโป้จุนและไตร่ตรอง ‘นี่คือกายาไม้ พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะที่โจมตีร่างกายนี้จะลดลง มันอาจลดลงจนกลายเป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์’

กายาไม้ของช่ายโป้จุนสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะดวงตาเยือกแข็งของไป่หนิงปิง

เดิมทีท่าไม้ตายนี้ของไป่หนิงปิงเป็นท่าไม้ตายที่รับมือได้ค่อนข้างยากลำบาก

อย่างไรก็ตามกายาไม้ของช่ายโป้จุนสามารถเพิกเฉยต่อท่าไม้ตายอมตะนี้

แน่นอนว่ามรดกที่แท้จริงไป่เซี่ยงไม่ได้มีเพียงท่าไม้ตายนี้ ดังนั้นหลังจากต่อสู้กับไป่หนิงปิง ช่ายโป้จุนยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

“ยอดเยี่ยม” ช่ายโป้จุนยกย่อง “ข้าต้องชื่นชมเจ้าจริงๆ ไป่หนิงปิง”

น้ำเสียงของเขาราบเรียบและสงบมาก

“เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหกแต่กลับสามารถสร้างปัญหาให้ข้า”

“ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งไฟที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในภาคใต้ แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่สามารถปัดเป่าพลังงานความเย็นเหล่านี้ออกไป”

“หนึ่งในสิบสุดยอดกายา กายาน้ำแข็งแห่งความมืดที่ได้รับมรดกที่แท้จริงไป่เซียง…นี่เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาจริงๆ”

“หากเจ้าเดินบนเส้นทางสายธรรมะ เจ้าจะมีที่ยืนในโลกผู้อมตะภาคใต้ น่าเสียดายที่เจ้าเลือกเส้นทางสายปีศาจและนำภัยพิบัติมาสู่โลกใบนี้ ดังนั้นจุดจบของเจ้ามีเพียงความตายเท่านั้น”

หลังกล่าวจบคำ เขาชำเลืองมองไปที่ขอบฟ้า

“เปรี้ยง!”

เสียงสายฟ้าแลบลั่นดังขึ้นขณะที่ผู้อมตะระดับเจ็ดอีกคนบินลงมา

“ไป่หนิงปิง เจ้าคิดว่าสามารถหลบหนีจากพวกเราผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้งั้นหรือ?” ผู้อมตะผู้นี้มองไป่หนิงปิงด้วยสายตาเหี้ยมโหด

ช่ายโป้จุนถอนหายใจเมื่อเห็นกำลังเสริม

เขาตั้งใจกล่าวถ้อยคำมากมายเพื่อถ่วงเวลา

หลังจากต่อสู้กับไป่หนิงปิง เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของนางและพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะหญิงผู้นี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงการสังหาร

เขาต้องการกำลังเสริม

โชคดีที่วูหยงเป็นคนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด และด้วยข้อมูลจากเทพธิดาจื่อเว่ย วูหยงจึงสามารถส่งผู้อมตะเหล่านี้ออกมาปิดล้อมสมาชิกนิกายเงา

“ระวัง หญิงผู้นี้แข็งแกร่งมาก เราไม่สามารถประมาท”

“สบายใจได้ ข้าได้รับข้อมูลจากท่านวูหยงแล้ว ตราบเท่าที่เราสามารถถ่วงเวลา ผู้เชี่ยวชาญด้านท่าไม้ตายเขตแดนจะมาสนับสนุนพวกเรา”

พวกเขาลอบสื่อสารกันอย่างลับๆ

“โง่เขลา” เสียงที่เย็นชาของไป่หนิงปิงดังขึ้นเป็นครั้งแรกและทำให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งสองตกตะลึงเล็กน้อย

หลังจากนั้นไป่หนิงปิงก็ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

“บัดซบ! มันเป็นท่าไม้ตายอมตะชนิดใด? กลิ่นอายของมันน่ากลัวมาก!”

“ข้าพยายามถ่วงเวลาแต่ข้าไม่คาดคิดว่าไป่หนิงปิงจะตั้งใจถ่วงเวลาเช่นกันเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังของนาง!”

หัวใจของผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งสองสั่นสะท้านขึ้น ช่ายโป้จุนรู้สึกราวกับตนเองเดินเข้าสู่กับดัก

…..

“ข้างหน้ามีอุโมงค์ไฟ ตราบเท่าที่ข้าไปถึงที่นั่น ข้าจะสามารถป้องกันการอนุมานและรอความช่วยเหลือ” ไห่ลั่วหลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ไห่ลั่วหลันถูกส่งมาที่นี่ด้ายค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศที่ล้มเหลว แต่นางได้รับคำแนะนำจากฟางหยวนอย่างรวดเร็วว่าให้ไปซ่อนตัวในอุโมงค์ไฟที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยลี้และรออยู่ที่นั่น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโชคของไห่ลั่วหลันค่อนข้างดีเพราะนางอยู่ไม่ไกลจุดหมาย

สถานที่แห่งนี้มีค่ายกลวิญญาณที่ถูกจัดตั้งไว้โดยราชันภูเขาม่วงในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ มันถูกสร้างขึ้นด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไฟและสามารถป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ไห่ลั่วหลันเดินทางมาถึงระยะห้าลี้จากอุโมงค์ไฟแต่ในจังหวะนี้นางกลับหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน

นางมองไปยังต้นไม้เล็กๆที่ไม่โดดเด่นด้านหน้า คิ้วของนางขมวดขณะที่กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากปะทุขึ้นจากร่างของนาง

“เจ้าพึ่งค้นพบค่ายกลวิญญาณของข้างั้นหรือ? ไห่ลั่วหลัน สายตาของเจ้าค่อนข้างแย่” เสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากบางแห่ง

วินาทีต่อมาค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นใช้งาน

วิสัยทัศน์ของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไป ภูเขาและทุ่งหญ้ากลายเป็นทะเลทรายที่ว่างเปล่า

รูม่านตาของไห่ลั่วหลันหดเล็กลง

การถูกขังอยู่ในค่ายกลวิญญาณถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางสงสัย

‘ความเร็วของข้าไม่ช้า ข้าเคลื่อนไหวตามคำแนะนำของฟางหยวน’

‘ศัตรูรู้เส้นทางของข้าและสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณไว้ล่วงหน้า”

‘ฟางหยวนใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อศัตรูเพื่อให้เขามีเวลาหลบหนีงั้นหรือ?’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท