เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1366

ตอนที่ 1366

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1366 ราชันมังกรตื่นขึ้น
วังสวรรค์มีสิ่งที่ต้องกังวลแต่เกี่ยวกับความกังวลนี้เทพอมตะกลุ่มดาวไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน

หลังกล่าวจบ เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวก็หายไปในอากาศ

“โอ้ จื่อเว่ย อย่ามองข้า แม้ข้าจะอายุยืนยาว แต่ข้าก็ไม่รู้ทุกสิ่ง ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า นี่เป็นครั้งที่สองที่ข้าได้เห็นเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวปรากฏขึ้นด้วยตนเอง” ราชันมังกรถอนหายใจ

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “เราต้องเชื่อในเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวและทำตามคำกล่าวของนาง เราจะชนะในครั้งนี้อย่างแน่นอน นี่คือชะตากรรมของเรา!”

ด้วยคำสั่งของเทพอมตะกลุ่มดาว ราชันมังกรและคนอื่นๆจึงไม่กล้าขัดขืน

ในช่วงเวลาที่หอคอยดวงตาสวรรค์อยู่ในสวรรค์สีขาว มันถูกขัดขวางโดยวิธีการบางอย่างที่ราชันภูเขาม่วงทิ้งไว้และทำให้พวกเขามาถึงช้ากว่าความตั้งใจเดิม

การวิเคราะห์ของฟางหยวนถูกต้อง

แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดวังสวรรค์ถึงไม่นำผู้อมตะระดับแปดมามากกว่านี้ แต่มันก็ไม่สามารถหยุดเขาจากการมองเห็นรายละเอียดดังกล่าว

ฟางหยวนตัดสินใจใช้ค่ายกลวิญญาณช่วยอิงอู๋เซี่ยและแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างราชันมังกรกับราชันภูเขาม่วง

ด้วยการใช้สวรรค์สีเหลืองเป็นตัวกลาง พวกเขาประสบความสำเร็จในการส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถพูดคุยกับราชันภูเขาม่วงได้โดยตรง

ฟางหยวนต้องช่วยอิงอู๋เซี่ยเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากนิกายเงา มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถดำเนินการต่อไป

ด้วยวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล มันทำให้ฟางหยวนสามารถอนุมานบางสิ่งเกี่ยวกับราชันภูเขาม่วง

หากเป็นช่วงเวลาปกติ พวกเขาต้องทำข้อตกลงพันธมิตรเป็นอันดับแรก มิฉะนั้นข้อมูลอาจรั่วไหล

ราชันภูเขาม่วงเริ่มกล่าวกับฟางหยวน “ฟางหยวน ก่อนอื่นข้าต้องขอบคุณชื่อราชันภูเขาม่วงที่เจ้าตั้งให้ มันยอดเยี่ยมมาก ข้าชอบมัน”

ฟางหยวนไม่ได้คาดหวังว่าคำโกหกที่เขาใช้หลอกลวงไท่เป่ยหยุนเฉิงจะกลายเป็นความจริงในวันหนึ่ง

ราชันภูเขาม่วงมีทักษะในการติดต่อสื่อสาร เขากล่าวเรื่องนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้นกับฟางหยวน

ฟางหยวนหัวเราะ “เช่นนั้นข้าก็จะเรียกท่านว่าราชันภูเขาม่วง ท่านเห็นความจริงใจของข้าแล้ว เราควรทำงานร่วมกัน ตอนนี้ถึงเวลาสำหรับข้อตกลงแล้ว”

ราชันภูเขาม่วงโจมตีราชันมังกรอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันก็ตอบฟางหยวน “ตกลง เจ้าต้องการสิ่งใด?”

ฟางหยวนตอบ “คริสตัลสวรรค์ ข้าต้องการคริสตัลสวรรค์จำนวนมาก!”

คริสตัลสวรรค์หายากมาก กระทั่งในสวรรค์สีเหลืองก็ยังมีขายน้อยมากและไม่เพียงพอต่อความต้องการของฟางหยวน

แต่นิกายเงามี

ฟางหยวนไม่สงสัยเรื่องนี้แม้แต่น้อย

แม้นิกายเงาจะอยู่ในจุดต่ำสุด แต่พวกเขาไม่เคยขาดแคลนทรัพยากร ฟางหยวนสามารถมองเห็นสิ่งนี้ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

ดังคาด ราชันภูเขาม่วงตอบ “ตกลง ข้ามีคริสตัลสวรรค์มากมาย พวกมันจะถูกส่งมอบให้เจ้าเพื่อแสดงความจริงใจ”

“เจ้าต้องการคริสตัลสวรรค์เพื่อหล่อเลี้ยงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดใช่หรือไม่?”

“นี่เป็นความคิดที่ดี เกราะหวนคืนไม่สามารถใช้งานได้อย่างอิสระ แต่กระทั่งเจ้าจะเปลี่ยนอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดให้เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุด นอกจากนั้นเจ้าอาจไม่สามารถควบคุมมัน ข้าเข้าใจความสามารถบนเส้นทางแห่งทาสของเจ้า”

“แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด”

คำกล่าวของราชันภูเขาม่วงทำให้ฟางหยวนทั้งดีใจและประหลาดใจ

ราชันภูเขาม่วงใจกว้างมาก เขายอมสละคริสตัลสวรรค์เพื่อสนับสนุนฟางหยวนโดยไม่ลังเล

โดยเฉพาะวิธีการควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เรื่องนี้สามารถล่อลวงฟางหยวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังคาด คำกล่าวของผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญาล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญา

ฟางหยวนเงียบก่อนกล่าว “การเพิ่มวิธีควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสิ่งที่ดี แต่ตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญต้องทำ!”

เขากล่าวราวกับวิธีควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นของเขาอยู่แล้ว

ด้วยวิธีนี้ราคาที่ราชันภูเขาม่วงใช้ต่อรองจึงด้อยค่าลง

ราชันภูเขาม่วงยิ้ม “มีสิ่งใดสำคัญกว่านี้?”

“นั่นคือเราทั้งคู่ต้องหยุดสู้รบเดี๋ยวนี้!” ฟางหยวนกล่าว

นิกายเงาจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ มันดีสำหรับฟางหยวนเช่นกัน มีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่จะไม่ได้รับผลประโยชน์

ราชันภูเขาม่วงออกคำสั่งกับสมาชิกนิกายเงาทันที

ฟางหยวนออกคำสั่งผู้อมตะภาคใต้ด้วยตัวตนของวูอี้ไห่และผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายเริ่มแยกออกจากกัน

นิกายเงาพบความสูญเสียมากมาย ตอนนี้พวกเขาเหลือสมาชิกไม่กี่คนเช่น อิงอู๋เซี่ย ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และคนอื่นๆ

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีความสูญเสียเช่นกัน แต่มันไม่ถือว่ามีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตามกายาแห่งความฝันยังไม่หยุดปรากฏตัวขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันค่อยๆหายไปอย่างต่อเนื่อง

นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับวังสวรรค์

‘ตอนนี้วังสวรรค์จะทำอย่างไรต่อไป?’ ฟางหยวนเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของวังสวรรค์

ราชันมังกรติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังเร่งการยึดครองค่ายกลวิญญาณหอคอยดวงตาสวรรค์ยังต่อสู้อยู่กับจ้าวเย่ฮุ้ย

“บึม!”

จ้าวเย่ฮุ้ยใช้กรงเล็บตบหอคอยดวงตาสวรรค์ลงกระแทกพื้น

แต่มันไม่ได้รับความเสียหาย

จ้าวเย่ฮุ้ยอ้าปากและยิงลำแสงค่ำคืนสีเทาออกมา

หอคอยดวงตาสวรรค์ใช้การโจมตีพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาอีกครั้ง

ค่ำคืนสีเทาถูกกลืนกินโดยแสงสีดาวขณะที่จ้าวเย่ฮุ้ยถูกผลักดันออกไปและได้รับบาดเจ็บ

แต่แทบจะในทันทีที่อาการบาดเจ็บของมันหายไป

จ้าวเย่ฮุ้ยคำรามและพุ่งเข้าโจมตีหอคอยดวงตาสวรรค์อีกครั้งด้วยความโกรธและเกลียดชัง

หอคอยดวงตาสวรรค์บินขึ้นสู่ท้องฟ้า

จ้าวเย่ฮุ้ยไล่ล่าไปอย่างไม่ลดละ

ผู้อมตะภาคกลางที่อยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์เต็มไปด้วยความประหม่าและกังวล

“บัดซบ! สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป มันสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่สามารถจัดการมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ”

“เราควรทำอย่างไร? ท่านราชันมังกรติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและถูกโจมตีโดยผู้อมตะระดับแปด”

“เราต้องอดทนและไปช่วยท่านราชันมังกร มิฉะนั้นมันจะยิ่งเลวร้าย”

“แต่ท่านราชันมังกรสั่งให้พวกเราอยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์ เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ”

“ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว”

“มีผู้อมตะระดับแปดอยู่ในกลุ่มพวกเรา ตอนนี้ท่านราชันมังกรตกอยู่ในอันตราย ท่านสูญเสียการควบคุม หากเราไม่ช่วย ท่านจะตกอยู่ในอันตราย”

หลังจากพูดคุยกันสั้นๆ หอคอยดวงตาสวรรค์ก็ผลักดันจ้าวเย่ฮุ้ยให้ล่าถอยออกไปเป็นการชั่วคราว

สองผู้อมตะภาคกลางฉวยโอกาสบินออกมาจากหอคอยดวงตาสวรรค์และมุ่งหน้าไปทางราชันมังกร

“ฮ่าฮ่าฮ่า หนูสองตัวออกมาแล้ว!” จ้าวเย่ฮุ้ยหัวเราะขณะที่ดวงตาของมันส่องประกายขึ้น

มันเปิดปากกว้าง

ร่างของสองผู้อมตะภาคกลางสั่นสะท้านขึ้นขณะที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเอง

จ้าวเย่ฮุ้ยหุบปาก แม้มันจะอยู่ห่างจากสองผู้อมตะภาคกลาง แต่มันแสดงออกราวกับฟันของมันเชื่อมต่อกับร่างของผู้อมตะภาคกลางทั้งสอง

เลือดไหลออกมาจากปากของมัน

ในเวลาเดียวกันบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นบนร่างของผู้อมตะภาคกลางทั้งสองพร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมา

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางอาหาร! มันยากที่จะป้องกัน!”

“จ้าวเย่ฮุ้ยมีสติปัญญาของมนุษย์ มันรู้วิธีกำหนดเป้าหมาย!”

“รีบพาพวกเขากลับมา!”

หอคอยดวงตาสวรรค์พยายามช่วยคนทั้งสอง นอกจากนี้สองผู้อมตะภาคกลางยังเป็นผู้อมตะระดับแปด พวกเขามีวิธีการของตนเอง ดังนั้นทั้งสองจึงรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด

หลังจากประสบความสำเร็จในการหลบหนี ผู้อมตะภาคกลางจึงตระหนักถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของจ้าวเย่ฮุ้ย

“สมกับเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนาน ช่างอำมะหิตนัก เราไม่สามารถประมาท!”

“แต่ด้วยวิธีนี้เราจะช่วยท่านราชันมังกรได้อย่างไร?”

“นำหอคอยดวงตาสวรรค์เข้าไป”

“มันอันตรายเกินไป หากเราถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน เราจะสูญเสียการควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ หากเป็นเช่นนั้นผู้ใดจะสามารถแบกรับความรับผิดชอบ?”

ขณะที่กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกำลังพูดคุย ราชันมังกรตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญหน้ามาตลอดชีวิต

วิธีการของราชันภูเขาม่วงมีประสิทธิภาพ

“ถึงเวลาตาย!” ราชันภูเขาม่วงบินเข้าไปหาราชันมังกรและพ่นควันสีม่วงออกมา

ควันสีม่วงทำลายการป้องกันทั้งหมดของเขา

“ตาย!” ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้นขณะที่เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

แต่ในจังหวะนี้ราชันมังกรกลับเปิดเปลือกตาขึ้น

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้น

ราชันภูเขาม่วงบินออกจากกลุ่มฝุ่นควันขณะที่ราชันมังกรยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม

เขาตื่นแล้ว

“เหตุใดเขาถึงหลบหนีออกมาได้รวดเร็วนัก?” อิงอู๋เซี่ยตะลึง เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันอีกครั้ง

ราชันภูเขาม่วงต้องการหยุดอิงอู๋เซี่ย แต่มันสายเกินไปแล้ว

ราชันมังกรหายตัวไปและทำให้อิงอู๋เซี่ยได้รับผลกระทบย้อนกลับจากท่าไม้ตายนี้

ตัวเขาเองถูกนำเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

“ท่าไม้ตายนี้เรียกว่านำวิญญาณสู่ความฝันงั้นหรือ? เป็นท่าไม้ตายที่ดี หากข้ามีเวลามากกว่านี้ ข้าจะสามารถถอดรหัสมัน” ราชันมังกรกล่าว

หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางราชันภูเขาม่วง “สำหรับเจ้า หากเจ้ามีวิธีการเพียงเท่านี้ เจ้าจะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีต่อไปของข้า”

“เพราะสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกำเนิด!”

ราชันมังกรบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเป็นเส้นทางหลักและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางรอง ในที่สุดเขาก็กำลังจะใช้ทักษะที่แท้จริงของตนออกมา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท