เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1373

ตอนที่ 1373

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1373 ยอมรับผู้นำคนใหม่
“ตายอย่างหมดจด” ราชันมังกรสามารถมองเห็นทั้งภายนอกและภายในของราชันภูเขาม่วง

ราชันภูเขาม่วงส่งวิญญาณอมตะส่วนใหญ่ออกไป ส่วนที่เหลือตายไปพร้อมกับเขา ไม่เพียงเท่านั้นดวงวิญญาณของเขายังแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์

ราชันมังกรต้องการหยุดสิ่งนี้แต่เขาทำไม่สำเร็จ

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของราชันภูเขาม่วงก็ยังสูญสลายไปเช่นเดียวกัน

ไม่เหลือทรัพยากรใดทิ้งไว้ให้วังสวรรค์แม้แต่น้อย

ราชันมังกรปล่อยมือจากศพ สิ่งที่มีค่าที่สุดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

อสูรวิญญาณจำนวนมากคำรามแต่พวกมันไม่กล้าโจมตี

“ประตูแห่งชีวิตและความตายอยู่ที่นี่ แม้ข้าจะกำจัดอสูรวิญญาณมากเท่าใด พวกมันก็ยังออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น” ราชันมังกรถอนหายใจ

ประตูแห่งชีวิตและความตายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เสียชีวิตลงจะต้องเข้าสู่ประตูบานนี้

ราชันมังกรไม่สนใจกองทัพอสูรวิญญาณ

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดเป็นเพียงปัญหาเล็กๆสำหรับราชันมังกรเท่านั้น เว้นเพียงมันจะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานเช่นจ้าวเย่ฮุ้ยหรือเหมาหลี่ชิวที่เขาต้องจัดการอย่างจริงจัง

“เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับ ร่างแยกส่วนใหญ่ของเขาตายไปแล้ว ถึงเวลาเก็บกวาดสนามรบ”

ราชันมังกรมีท่าไม้ตายอมตะประตูมังกรที่อนุญาตให้เขาเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ได้อย่างอิสระ

แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาไม่สามารถกักขังเขาเอาไว้

แต่ในจังหวะที่ราชันมังกรกำลังจะเคลื่อนไหว แดนศักดิ์สิทธิ์กลับเริ่มสั่นสะเทือน บนท้องฟ้าปรากฏรอยแตกร้าวราวกับกระจกแตก

“หือ?” ราชันมังกรขมวดคิ้ว “แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาระเบิดตัวเองงั้นหรือ?”

ด้วยวิธีนี้ราชันมังกรจึงไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกแผนการก่อนหน้านี้

เขาต้องนำประตูแห่งชีวิตและความตายออกไปก่อนที่ลมมรณะจะพัดมา

เมื่อลมมรณะพัดมา ประตูแห่งชีวิตและความตายจะไม่ปลอดภัย

“กรอ…”

กองทัพอสูรวิญญาณคำรามด้วยความหวาดกลัว

โลกใบนี้กำลังจะพังทลายลง ฝูงอสูรวิญญาณตระหนักถึงภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา

ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที

ราชันมังกรสังหารอสูรวิญญาณพร้อมกับเดินเข้าไปหาประตูแห่งชีวิตและความตาย

ในเวลาเดียวกัน นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา

“เราทนไม่ไหวแล้ว!” กายาแห่งความฝันจำนวนมากบินออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน

กายาแห่งความฝันเหล่านี้ไม่ใช่ร่างที่สมบูรณ์ที่สุด พวกมันมีข้อบกพร่อง

แม้พวกมันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความฝัน แต่พวกมันก็ไม่สามารถอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันได้ตลอดไป

เมื่อถึงขีดจำกัด พวกมันก็ต้องออกมา

แต่เมื่อผู้อมตะภาคใต้กำลังจะสังหารพวกมัน ค่ายกลวิญญาณกลับเคลื่อนย้ายพวกเขาออกไป

กายาแห่งความฝันเหล่านี้บรรจุดวงวิญญาณแยกของราชันภูเขาม่วงเอาไว้

ในแง่ของอัตลักษณ์ พวกมันถือเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเช่นกัน

อย่างไรก็ตามราชันภูเขาม่วงได้มอบวิญญาณให้กับกายาแห่งความฝันเหล่านี้ ดังนั้นพวกมันจึงมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา

ความคิดและรากฐานของพวกมันแตกต่างจากราชันภูเขาม่วง พวกมันถือเป็นอีกตัวตนหนึ่ง

“ขอแสดงความยินดีกับผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา!” กายาแห่งความฝันแสดงความเคารพต่อฟางหยวน ราชันภูเขาม่วงจัดเตรียมทุกสิ่งไว้แล้ว

ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง อิงอู๋เซี่ย เทพธิดาเมี่ยวหยิน นางเสือดำ และคนอื่นๆออกมาจากมิติช่องว่างของกายาแห่งความฝัน

เมื่อเผชิญหน้ากับฟางหยวน คนเหล่านี้ต่างแสดงออกด้วยความสนใจ

“เมี่ยวหยินคารวะท่านผู้นำ” เทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นคนแรกที่เปิดปากกล่าว

นางและเฉียวซื่อหลิวเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้ เสียงของนางไพเราะ ร่างกายของนางเย้ายวนใจ ขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์

“ท่านผู้นำ!” นางเสือดำทักทาย

การแสดงของนางค่อนข้างแข็งทื่อ เมื่อไม่นานมานี้นางยังต่อสู้และต้องการฆ่าฟางหยวน แต่ตอนนี้โชคชะตากลับดำเนินไปอย่างลึกลับ ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำของนางในเวลาอันสั้น นางยังไม่สามารถยอมรับได้อย่างสมบูรณ์

ไห่ลั่วหลันกัดฟันก่อนจะถอนหายใจ “ไห่ลั่วหลันคารวะผู้นำนิกาย”

นางเคยร่วมงานกับฟางหยวนก่อนจะกลายเป็นศัตรู นางยังใช้ป้าของนางดักจับฟางหยวน แต่หลังจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน นางถูกบังคับให้เข้าร่วมกับนิกายเงา

ดังนั้นตอนนี้ไห่ลั่วหลันจึงต้องก้มศีรษะลง

“ผู้ใดจะคิดว่าวันนี้เราจะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง” ไป่หนิงปิงยืนกอดอกและถอนหายใจ

ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฟางหยวนยิ่งยาวนานกว่า

จากภูเขาชิงเหมา พวกเขาเดินทางมาด้วยกัน พวกเขากลายเป็นศัตรูก่อนจะต้องร่วมมือกันอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่ลึกลับอย่างแท้จริง

สำหรับอิงอู๋เซี่ย เขายังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนกวาดตามองผู้อมตะเหล่านี้

กายาแห่งความฝันมีอายุขัยจำกัด เมื่อถึงเวลา พวกมันจะระเบิดตัวเอง ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด อายุขัยของพวกมันก็ยิ่งสั้นเท่านั้น

ดังนั้นกายาแห่งความฝันจึงเป็นได้เพียงเหยื่อล่อ

ท่ามกลางสมาชิกของนิกายเงา คนที่สำคัญมีเพียงอิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง เทพธิดาเมี่ยวหยิน และนางเสือดำ

นอกจากนี้ยังมีผมที่หกสายลับของนิกายเงาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ในบรรดาคนทั้งหก ไห่ลั่วหลันเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับฟางหยวนเพราะข้อตกลงพันธมิตรทำให้นางไม่สามารถทรยศเขา

เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำเป็นสมาชิกของนิกายเงาเนื่องจากมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วง หลังจากรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนจึงเข้าใจหญิงทั้งสองเป็นอย่างดี

อิงอู๋เซี่ยและผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา พวกเขาจึงต้องยอมรับเขา ส่วนพวกเขาจะทำตามคำสั่งของฟางหยวนหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับทักษะการเป็นผู้นำของฟางหยวน

ไป่หนิงปิงเป็นคนที่ควบคุมได้ยากที่สุด

นางทำข้อตกลงกับนิกายเงาโดยมีสถานะที่เท่าเทียม แม้ราชันภูเขาม่วงจะยังอยู่ ไป่หนิงปิงก็ไม่เกรงกลัวโดยไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวนที่พึ่งกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา

ในเวลานี้ความคิดมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน

ต่อมาเขาก็เปิดปากกล่าว “ไห่ลั่วหลัน ดูแลค่ายกลวิญญาณแทนข้า ข้าต้องปลุกอิงอู๋เซี่ย”

เขาควบคุมค่ายกลวิญญาณเพื่อต่อต้านเทพธิดาจื่อเว่ย มันยากสำหรับเขาที่จะแบ่งสมาธิเพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ซับซ้อน

เหตุผลที่เขาเลือกไห่ลั่วหลันเพราะนางเป็นคนที่เชื่อถือได้มากที่สุด

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!

ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการช่วยอิงอู๋เซี่ยและทำให้เขาสามารถหลบหนีจากอาณาจักรแห่งความฝัน

อย่างไรก็ตามแม้อิงอู๋เซี่ยจะตื่นขึ้นแต่เขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ

เขาสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง เขานอนอยู่บนพื้นราวกับดวงวิญญาณหลุดออกจากร่าง

อาจกล่าวได้ว่าจิตใจของเขาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุม ราชันภูเขาม่วงเสียชีวิต ความหวังและความฝันของอิงอู๋เซี่ยถูกทำลาย

เขารู้สึกเหมือนไร้อนาคต มันมืดมนและไม่มีความหวัง

ตั้งแต่ชีวิตของเขาเริ่มขึ้น เป้าหมายในการช่วยร่างหลักกระตุ้นและผลักดันเขาให้ก้าวไปข้างหน้าเสมอ แต่ตอนนี้เป้าหมายนี้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ อิงอู๋เซี่ยจึงสูญเสียแรงผลักดันทั้งหมด

‘แม้อิงอู๋เซี่ยจะเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่เขายังเด็กเกินไป เขามีชีวิตไม่นานเท่าราชันภูเขาม่วง’

ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้และเริ่มกระตุ้น “มรดกที่ราชันภูเขาม่วงทิ้งไว้ในมิติช่องว่างของเจ้าอยู่ที่ใด? นำมาให้ข้า”

แม้อิงอู๋เซี่ยจะรู้สึกหดหู่แต่เขายังรับรู้ถึงตัวตนของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงนำเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงออกมาพร้อมกับวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะระดับแปด

“ราชันภูเขาม่วง?” ฟาหงยวนก้าวถอยหลัง

แม้มันจะเป็นเพียงเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงแต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะรวมถึงพลังงานอมตะ มันยังเป็นภัยคุกคามต่อฟางหยวน

ดวงแสงสีม่วงค่อยๆก่อรูปร่างเป็นราชันภูเขาม่วงขณะที่วิญญาณอมตะและพลังงานอมตะลอยเข้าไปหาฟางหยวนตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้

ฟางหยวนปรับแต่งพวกมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แม้ราชันภูเขาม่วงกล่าวว่าจะมอบมรดกให้ฟางหยวน แต่เขาไม่สามารถส่งมรดกเหล่านี้เข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวนได้โดยตรง ดังนั้นมันจึงถูกฝากไว้กับอิงอู๋เซี่ย

แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงไม่ได้ร้องขอสิ่งใดจากฟางหยวน แต่ความตั้งใจของเขาชัดเจนมาก

ราชันภูเขาม่วงต้องการให้ฟางหยวนช่วยชีวิตคนเหล่านี้

และแน่นอนว่าแม้ฟางหยวนจะปฏิเสธ เขาก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

‘ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้!’ ฟางหยวนถอนหายใจ

แผนเดิมของเขาคือการกำจัดนิกายเงา หากเขาโชคดีเขาอาจสามารถจับกุมเทพปีศาจจิตวิญญาณ

แน่นอนว่าเขาหวังสูงเกินไปมาก

เขารู้ว่ามันเป็นเรื่งอยากที่จะจับเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้เขาจะทำสำเร็จ การค้นวิญญาณก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท