เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1363

ตอนที่ 1363

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1363 คนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ร่วมมือ?”

เมื่อได้ยินข้อเสนอของฟางหยวน การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นซับซ้อน

ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายเงาซับซ้อนมาก

ในฐานะกึ่งปีศาจต่างโลก ฟางหยวนเคยเป็นเครื่องมือของเจตจำนงสวรรค์ที่ถูกส่งกลับมาในอดีตเพื่อทำลายแผนการของนิกายเงา

ฟางหยวนประสบความสำเร็จ เขายังสามารถฉกชิงร่างทารกอมตะและกลายเป็นศัตรูกับนิกายเงาอย่างสมบูรณ์

ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน นิกายเงาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน พวกเขาต้องการฉีกฟางหยวนออกเป็นชิ้นๆ

แต่ฟางหยนใช้เวลาทุกวินาทีอย่างมีประโยชน์และด้วยความได้เปรียบด้านร่างกาย เขาแข็งแกร่งขึ้นและออกไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

หากอิงอู๋เซี่ยไม่มีวิธีหลบหนีที่ยอดเยี่ยม พวกเขาคงตายด้วยน้ำมือของฟางหยวนไปแล้ว

หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด

นิกายเงาที่นำโดยราชันภูเขาม่วงเปลี่ยนกลยุทธ์และต้องการสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เมื่อฟางหยวนเสนอความร่วมมือ อิงอู๋เซี่ยจึงตัดสินใจและพยักหน้าตอบ “เอาล่ะ เราจะร่วมมือ”

เขาไม่ปฏิเสธความร่วมมือในครั้งนี้

เวลาเปลี่ยน ความคิดของผู้คนก็มักเปลี่ยนแปลงไป

หากฟางหยวนอ่อนแอเหมือนมดตัวเล็กตัวน้อย อิงอู๋เซี่ยจะไม่ร่วมมือกับเขา

ความพ่ายแพ้ที่ภูเขาอี้เทียนทำให้อิงอู๋เซี่ยเกลียดชังฟางหยวนมาก ในเวลานั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถสร้างความร่วมมือ อิงอู๋เซี่ยต้องการเพียงกู้คืนความรุ่งโรจน์ของนิกายเงา

แต่เมื่อความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะหลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน มันทำให้อิงอู๋เซี่ยพัฒนาความรู้สึกใหม่ต่อฟางหยวน

มันคือความชื่นชม

ฟางหยวนทำในสิ่งที่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถทำได้ เขาคู่ควรที่จะด้รับการคัดเลือกจากเจตจำนงสวรรค์ให้หวนคืนกลับมาในอดีตและทำลายแผนการของนิกายเงา

‘ไม่ใช่ว่าข้าไม่แข็งแกร่ง แต่ศัตรูของข้าคือฟางหยวน!’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าความล้มเหลวของเขาไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถยอมรับ

“เราจะร่วมมือกันอย่างไร? ข้าทนไม่ไหวแล้ว” อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ฟางหยวนขมวดคิ้วและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับทัศนคติที่ตรงไปตรงมาของอิงอู๋เซี่ย

“แน่นอนข้าจะช่วยพวกเจ้าก่อน วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป มีเพียงการทำงานร่วมกันจึงจะมีความหวัง” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะส่งกลุ่มผู้อมตะตระกูลเซี่ยที่กำลังต่อสู้กับอิงอู๋เซี่ยออกไป

“หือ เหตุใดข้าต้องล่าถอย? ข้ารู้จุดอ่อนของศัตรูแล้ว ข้าชนะได้” ผู้อมตะตระกูลเซี่ยสับสนมาก

“ผู้อมตะตระกูลเหยาตกอยู่ในอันตราย เจ้าต้องไปช่วยเขา เร็วเข้า ข้าเป็นคนดูแลสนามรบทั้งหมด เจ้าจะเข้าใจภาพรวมมากไปกว่าข้าได้อย่างไร?” ฟางหยวนกล่าว

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยไม่มีความสุขนักแต่เนื่องจากสถานะของวูอี้ไห่และความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสูดหายใจลึกก่อนจะจากไป

“เจ้าช่วยข้าได้อย่างไร? เจ้าทำสิ่งใดในช่วงที่ผ่านมา!?” อิงอู๋เซี่ยตกใจมาก

“หยุดโวยวาย ข้าช่วยเจ้าแล้ว” ฟางหยวนกล่าวในเวลาที่เหมาะสม

หัวใจของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น “เจ้ากล่าวเหมือนไม่ใช่ตัวเจ้า! เขาเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้างั้นหรือ?”

“ไร้สาระมาพอแล้ว บอกข้าว่าแผนการของนิกายเงาคือสิ่งใด อย่าบอกว่าพวกเจ้าไม่มีแผนสำรอง” ฟางหยวนเร่งถาม

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่นและตอบ “แน่นอน เรามี แผนสำรองก็คือข้า”

…..

“บึม!”

การระเบิดที่รุนแรงส่งคลื่นกระแทกพุ่งออกไปรอบๆ ราชันภูเขาม่วงบินออกมาอย่างรวดเร็ว

“เหตุใดต้องหลบหนี? มาสู้กับข้า!” ราชันมังกรไล่ล่า

ตอนนี้ร่างกายของราชันมังกรเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เขามังกรบนศีรษะของเขายาวขึ้น กรงเล็บกลายเป็นยิ่งแหลมคม ผิวหนังปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร ขณะที่หางมังกรสะบัดไปมา

ราชันภูเขาม่วงอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชแต่แววตาของเขายังคมชัด

‘ราชันมังกร ตามบันทึก มันกล่าวว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเป็นหลัก แต่เนื่องจากอายุขัยที่ไม่เพียงพอ เขาจึงเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง’ ราชันภูเขาม่วงวิเคราะห์อยู่ในใจ

‘เพียงวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาก็ทรงพลังมากแล้ว ดังคาด เขาเป็นตัวตนระดับเดียวกับโป้ชิงจริงๆ’

‘เช่นนั้นลองสิ่งนี้’

ร่างของราชันภูเขาม่วงสั่นสะท้านขึ้น เขาหันหลังกลับอย่างกะทันหันและบินขึ้นไปด้านบน

ในเวลาเดียวกันสิบนิ้วของเขาก็ขยับตัวราวกับกำลังดีดพิณ

แสงดาวสีม่วงพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขาและโจมตีราชันมังกร

แสงดาวเหล่านี้ทั้งรวดเร็วและงดงามแต่ราชันมังกรรู้สึกว่าพวกมันไม่ธรรมดา

เขาเริ่มตอบโต้พวกมันแต่แสงดาวเหล่านั้นกลับว่องไวและคล่องแคล่วมาก พวกมันสามารถหลบการโจมตีของราชันมังกรและพุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

ราชันมังกรลอบยกย่องอยู่ภายใน ‘ดังคาด ท่าไม้ตายอมตะของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทั้งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะท่าไม้ตายนี้ มันละเอียดอ่อนมาก ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาในแง่นี้’

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีความเชี่ยวชาญในการควบคุมการเคลื่อนไหวของท่าไม้ตายอมตะและสร้างการโจมตีรูปแบบต่างๆที่หลากหลาย

‘เหตุใดข้าต้องติดอยู่ที่นี่? เป็นการฉลาดกว่าที่จะใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของข้า’ ราชันมังกรเพิกเฉยต่อแสงดาวสีม่วงเหล่านั้น เขาใช้การป้องกันที่ทรงพลังของตนและพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของราชันภูเขาม่วงก็ส่องประกายขึ้น

‘ในที่สุดเขาก็ตกหลุมพรางของข้า’

ปรากฎว่ามีกับดักที่ซ่อนอยู่ เมื่อแสงดาวสีม่วงสัมผัสเป้าหมาย มันจะส่งข้อมูลกลับไปยังราชันภูเขาม่วง

แม้จะเป็นข้อมูลที่กระจัดกระจายแต่มันยังสามารถเปิดเผยความลับของท่าไม้ตายอมตะ

ด้วยข้อมูลที่เพียงพอ ราชันภูเขาม่วงจะสามารถวางแผนและต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ราชันภูเขาม่วงเริ่มใช้ท่าไม้ตายใหม่

เขาผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปและสร้างกลุ่มเมฆหมอกขึ้นปิดกั้นการเคลื่อนไหวของราชันมังกร

ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายแหลมคม เขาเข้าใจพลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้ทันที

เขาหัวเราะและพุ่งเข้าไปในหมอกสีม่วง

ทันใดนั้นเขาก็สูญเสียการรับรู้ทิศทางไปอย่างสิ้นเชิง

ราชันมังกรหยุดเคลื่อนไหวก่อนจะอ้าปากคำรามด้วยเสียงมังกร

“โฮก…”

เสียงคำรามทำให้เมฆหมอกสีม่วงระเบิดออกและจางหายไป

ราชันมังกรเห็นราชันภูเขาม่วงอีกครั้ง เขายังคงหลบหนีและพยายามสร้างระยะห่าง

ราชันมังกรหัวเราะ ร่างของเขาหายไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าราชันภูเขาม่วงในพริบตา

“กินกำปั้นของข้า!” ราชันมังกรตะโกนเสียงดังและชกหมัดขวาออกมาโดยตรง

นี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะ

ในช่วงเวลาสั้นๆ ราชันมังกรต้องให้ความสำคัญกับท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน เขาไม่สามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ

อย่างไรก็ตามเพียงความแข็งแกร่งของร่างกาย หมัดธรรมดาของเขาก็ยังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

“ปัง!”

ราชันภูเขาม่วงไม่สามารถหลบได้ทันเวลา เขาถูกชกโดยตรง

แต่แสงลึกลับกลับส่องประกายขึ้นขณะที่ร่างกายของเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ

ราชันภูเขาม่วงมีวิธีป้องกันที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน

นอกจากนั้นเขายังอาศัยแรงผลักจากหมัดของราชันมังกรเพื่อล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

แต่ในเวลาต่อมาราชันมังกรก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของราชันภูเขาม่วงอีกครั้งและส่งหมัดออกมาอีกหน

“ปัง!”

ฉากเดิมปรากฏขึ้นอีกครั้งแต่ราชันมังกรยังไล่ล่าอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าราชันภูเขาม่วงจะบินไปที่ใด เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่และชกศัตรูได้ทันที

หมัดของราชันมังกรหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น เงาหมัดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีราชันภูเขาม่วง

นั่นทำให้ราชันภูเขาม่วงดูเหมือนลูกบอลยางที่ถูกทุบตีโดยไม่สามารถตอบโต้

เมื่อเห็นราชันภูเขาม่วงยังสามารถป้องกันตัว ราชันมังกรจึงส่งหมัดที่ไม่ธรรมดาออกมาในที่สุด

หมัดมังกรแห่งความโกลาหล!

ท่าไม้ตายอมตะถูกใช้งาน

แต่ผลลัพธ์ของมันกลับไม่เป็นดังคาด

ราชันมังกรคิด ‘หมัดมังกรแห่งความโกลาหลของข้าจะทำให้ความคิดในใจของศัตรูกลายเป็นโกลาหล แต่การโจมตีนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย’

ราชันมังกรสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางสายอื่น ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาสามารถส่งผลกระทบเลียนแบบเส้นทางแห่งปัญญา

แต่เมื่อมันถูกใช้กับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นราชันภูเขาม่วง มันก็กลายเป็นเพียงของเล่นหลอกเด็กเท่านั้น

หมัดมังกรแห่งความโกลากลอาจมีประสิทธิภาพต่อผู้อื่นแต่ไม่ใช่สำหรับราชันภูเขาม่วง

ขณะที่ราชันมังกรตรวจสอบความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วง ราชันภูเขาม่วงก็กำลังวิเคราะห์ราชันมังกรเช่นกัน

แม้เขาจะถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่เขายังสามารถสงบจิตใจและไม่มีอาการตื่นตระหนก

เส้นทางแห่งปัญญาเกี่ยวข้องกับความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงมีวิธีจัดการอารมณ์ในเชิงลบของตนเองระหว่างการต่อสู้

‘ชัดเจนว่าเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะที่ทำให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตา’

‘ในดวงตามังกรของเขายังมีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลังอยู่อีกหนึ่ง’

‘ด้วยการอนุมานของข้า การเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขามองไปที่ใด อย่าบอกข้าว่า…’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท